เริ่มต้นเลยนะคะ เราเหนื่อยมากๆที่ต้องน้อยใจหรือโกรธแม่เรา ทั้งที่เรารักเค้ามากๆ
ปกติแม่เราก็เป็นคนขี้เหวี่ยงอยู่แล้ว สมัยสาวๆหนักกว่านี้ ตอนเราเพิ่งเข้าวัยรุ่นใหม่ๆชีวิตจัดว่าทรมานมากค่ะ
คือต้องอยู่บ้าน โดนใช้งานยิกๆ โดนด่าแบบไร้เหตุผล ไม่เคยได้เที่ยวแบบชาวบ้าน ขนาดอ่านหนังสือยังโดนด่าว่าขี้เกียจ - -;;
แม่เช้มงวดกับเรามาก เลือกให้ทุกอย่างแม้แต่ชุดชั้นใน ใส่ชุดที่ไม่ได้เลือกให้มีด่าไปครึ่งวัน ไม่ได้พูดเกินจริงสาบานได้
แม่เราตี แรงด้วย ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยขาด ทำงานบ้านไม่ถูกใจ ตี ทำงานช้า ก็ตี จนเราชินชาเลย
เวลาตีคือด้ามไม้กวาดนะ ไม่ใช่ตีเบาๆ ขึ้นเป็นปื้นทั้งตัว
ตอนเราเข้ามหาลัยแล้วต้องย้ายไปอยู่หอ เรา ดี ใจ มาก แบบได้ใช้ชีวิตซะที รอคอยวันนี้มานานนนน
พอเราห่างออกมาหน่อยประกอบกับเค้าแก่ลง คงจะหมดแรงด่า ก็ดีขึ้นค่ะ เจอกันนานๆทีเค้าจะใจดีมาก
แต่ถ้าอยู่เจอหน้ากันเกิน 4 วันก็กลับมาด่าเหมือนเดิม เราก็จะชิ่งกลับหอก่อนถ้าเห็นท่าไม่ดี
ตอนที่โตขึ้นมาหน่อย เรามองย้อนกลับไปตอนเด็กที่ถูกตีบ่อยๆ แล้วเราคิดได้อย่างหนึ่งว่า
พ่อแม่เราลำบากนะ บ้านเราจน เค้าต้องทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงเรา แต่เราอาจจะไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้มากพอ
เช่นงานบ้าน พอเค้ากลับมาเหนื่อยๆแล้วยังต้องมาสั่งเราอีก อาจจะทำให้เค้าเหนื่อยเป็นสองเท่า เรายังเด็กเลยไม่เข้าใจ
เพราะฉะนั้นก็ถูกแล้วที่เราโดนตี เพราะเราเป็นลูกที่ไม่เข้าใจว่าต้องทำงานแบ่งเบาพ่อแม่
ตอนนี้เราอายุ 26 ปี เป็นช่วงวัยที่สมควรจะมีแฟนหมั้นหมาย แต่งงานไรว่าไปใช่ไหมคะ เค้าก็เร่งให้เราแต่งงาน
เค้าก็พูดกรอกหูทุกครั้งที่โทร ว่าทำไมเราไม่แต่งงาน ทำไมเรายังไม่รวย ทำไมเรายังไม่นั่นไม่นี่ไม่โน่น แบบลูกคนนั้นคนนี้
คือเราเหนื่อยมากกกก ที่แม่เราคอยเปรียบเทียบเรากับใครๆตั้งแต่เด็กจนโต เราไม่เคยดีอ่ะ ลูกคนอื่นดีหมด
วันดีคืนดีก็โทรมาด่าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ว่าทำไมทำงานได้เงินเดือนแค่นี้ เมื่อไหร่จะรวย ผัวก็ไม่มี ใครจะเลี้ยง
เรารู้นะคะว่าเค้าห่วง แต่เค้ามักจะคิดว่าเรามันไม่ได้เรื่อง เราไม่ฉลาด ก้าวไม่ทันคนอื่น เหมือนเราไม่เคยทำให้เค้าภูมิใจ
เรารู้สึกท้อมากบ้างครั้ง พ่อแม่เราเค้าทำงานเกษตร เค้าคิดว่าคนทำงานในเมืองแบบเราไม่เหนื่อยหรอก ไม่ลำบากหรอก
คือมันไม่ใช่ เราเองก็ต้องมีชีวิตของเรา เช่าหอพัก ซื้อของใช้ หากินหาใช้เหมือนกัน มันก็ลำบากนะ ไม่ได้สวยหรู
เรามีพี่ชายคนนึง น้องชายอีกคน ซึ่งแม่เรารักมากๆ อันนี้พูดแบบไม่มโนเลยว่าแม่เรารักลูกไม่เท่ากัน อายุเราพี่น้องห่างกันเยอะ แม่มีลูกยาก
แม่เราเลยทุ่มเทให้พี่น้องเรามากกว่าเรา ให้เรียนที่ดีกว่าตั้งแต่เด็ก ไปรับไปส่ง ให้ค่าขนมมากกว่า ไม่ค่อยแยแสเราเลี้ยงแบบปล่อยๆ
คิดว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง เราเรียนดี เราทำตัวดีแล้ว ไม่ต้องห่วงมันหรอก เราน้อยใจจนปลงจนเลิกน้อยใจ ช่างมัน
แต่พี่ชายน้องชายเรา ทำให้แม่ผิดหวังมากๆ คือหนีออกจากบ้านบ้างละ มีเรื่องยาเสพติดบ้างละ จนแม่เราสะเทือนใจหลายครั้ง
มีเราเสียอีกที่กระ

กระสนเรียนจนจบ ทำงานไปเรียนไปหลายปี ไม่เคยรบกวนเรื่องเงินเค้าเลย ทุกวันนี้ให้ได้ไม่มาก แต่ก็ให้
ทั้งที่พ่อแม่เราหลังจากเราเรียนจบ (น้องเราจบ ม.3 ก็หยุดเรียน) ที่บ้านเรากิจการดีขึ้นมาก การเงินพ่อแม่ไม่ใช่ปัญหา
แต่กลายเป็นพอพ่อแม่เริ่มรวย เราเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน เค้าก็มองว่าเราไม่ได้เรื่อง ไม่เก่งไม่ฉลาดอย่างลูกชาวบ้าน
เราอยากให้เค้าหยุดดูเราสักนิด ว่าเรากำลังพยายามในแบบของเรา ตอนอายุเท่าเราเค้าลำบากกว่าเราอีก
อาจจะเพราะพี่ชายน้องชายเราทำเค้าผิดหวังมากๆ มันเลยเหมือนแม่มาลงกับเราคนเดียว เราเข้าใจและเห็นใจแม่มาก
ไม่อยากย้ายไปไหนไกลๆ ทนทำงานในจังหวัด เงินเดือนไม่เว่อร์วังก็โอเค เก็บเงิน หารายได้เสริม เรียนเพิ่มไปเรื่อยๆ
เพราะอยากไปเห็นหน้าเค้าบ่อยๆ เค้าจะได้ไม่เหงา แม่เราขี้น้อยใจมากๆ เป็นโรคซึมเศร้าด้วย กินยาวันละหลายเม็ด
แต่พอเค้าทำกับเราแบบนี้บ่อยๆ ทำให้เราไม่อยากกลับไปเจอ กลัวถูกด่า ถูกว่าเอา เราเก็บมาร้องไห้ตลอดเวลาเจอแบบนี้
เพราะพื้นฐานเราก็เป็นคนเซ้นซิทีฟ คิดมาก จนเราจะเป็นซึมเศร้าตามเค้าไปด้วยอีกคน
บางครั้งเราคิดว่าอยากหายไปสักพัก ให้แม่เก็บไปคิดบ้างว่าเค้าต้องการลูกแบบเราไหม
แต่เวลาแม่โทรมาแล้วเราไม่รับ เค้าจะกระวนกระวายมาก คิดว่าเราหนีเค้าไปแบบพี่ชายเรา
เราสงสารเราไม่กล้าทำ บางครั้งเราเถียงแม่นะ แต่พอทำไปแล้วเราก็มานั่งร้องไห้ เพราะกลัวแม่เก็บไปคิดมาก
เราแค่รู้สึกว่าทำไมเราแคร์แม่มากขนาดนี้แต่แม่ไม่แคร์และเห็นคุณค่าในตัวเราบ้างเลย
ไม่เคยยอมรับในแบบที่เราเป็น ไม่เคยเรียนรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน ทั้งที่เราโคตรจะเปิดเผยตัวตน บอกทุกอย่าง
เราเคยได้ยินแม่เราพูดกับน้า ว่าเราเป็นคนไร้ความรู้สึก เพราะเราไม่เคยโกรธใครนาน เราจิตใจดี
จริงๆเราก็โกรธนะกับคนอื่น แต่เค้าจะรู้ไหมว่าเพราะเค้าเป็นแม่เรา เราเลยให้อภัยทุกครั้ง
เราเป็นคนมั่นใจในตัวเอง เรารู้เรามีดีอะไร เรารู้เราจะไปได้ดี แต่แม่ก็คอยมากดเราเรื่อยๆ ให้เรารู้สึกแย่ได้ตลอด
ทำให้เรามาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ต้องดีแค่ไหนวะ เค้าถึงจะพอใจ หรือเรามันห่วยเอง
เราอาจจะเดินช้าไปไม่ทันใจเค้า เค้าคงเอาเราไปอวดกับเพื่อนเค้าไม่ได้หรือเปล่า
ทุกวันนี้เรายอมรับเลยว่าเรากลัวการแต่งงานหรือมีครอบครัวมาก เพราะเรากลัวเราจะทำร้ายจิตใจลูกแบบนี้
คือเห็นชีวิตครอบครัวตัวเองแล้วผวา ไม่คิดว่าตัวเองจะรับผิดชอบมันไหว
ที่มาตั้งกระทู้บ่นแบบนี้ เพราะปีใหม่นี้เราหยุดงานตั้งแต่วันนี้ แต่เราโทรไปบอกแม่ว่าเราขอกลับวันพรุ่งนี้ เพราะวันนี้จะนอนพักก่อน
เค้าก็ด่าใส่เลยว่าเรามันไม่ได้เรื่อง ขี้เกียจ จน ไม่เจริญก้าวหน้า ลามไปเรื่องที่เราไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บลาๆๆๆมากมายยยย
เรารู้ว่าอยากให้กลับบ้าน แต่เราเองหยุดงานไม่บ่อย ทุกครั้งเลือกกลับบ้านก่อนตลอดไม่เคยไปไหน แค่เราอยากนอนพักยังผิด
ตอนนี้อยากบอกแม่ว่าไม่กลับแล้วได้ไหมปีใหม่ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจแม่อีก เหนื่อยจิตมากมาย กลับไปก็โดนด่าแน่นอน เพลีย
ขอให้ปีใหม่นี้มีความสุขกันมากๆนะคะ อย่าได้มีเรื่องผิดอกผิดใจโดยเฉพาะกับคนในครอบครัว
ปล. ส่วนพ่อเราไม่มีปัญหา เป็นคนพูดน้อย และไม่เคยขัดเวลาแม่ด่าเราเช่นกัน เลยยากจะเดา ไม่รู้ดีหรือไม่ดีกันแน่
เคยรู้สึกดีไม่พอสำหรับพ่อแม่ของตัวเองบ้างไหมคะ
ปกติแม่เราก็เป็นคนขี้เหวี่ยงอยู่แล้ว สมัยสาวๆหนักกว่านี้ ตอนเราเพิ่งเข้าวัยรุ่นใหม่ๆชีวิตจัดว่าทรมานมากค่ะ
คือต้องอยู่บ้าน โดนใช้งานยิกๆ โดนด่าแบบไร้เหตุผล ไม่เคยได้เที่ยวแบบชาวบ้าน ขนาดอ่านหนังสือยังโดนด่าว่าขี้เกียจ - -;;
แม่เช้มงวดกับเรามาก เลือกให้ทุกอย่างแม้แต่ชุดชั้นใน ใส่ชุดที่ไม่ได้เลือกให้มีด่าไปครึ่งวัน ไม่ได้พูดเกินจริงสาบานได้
แม่เราตี แรงด้วย ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยขาด ทำงานบ้านไม่ถูกใจ ตี ทำงานช้า ก็ตี จนเราชินชาเลย
เวลาตีคือด้ามไม้กวาดนะ ไม่ใช่ตีเบาๆ ขึ้นเป็นปื้นทั้งตัว
ตอนเราเข้ามหาลัยแล้วต้องย้ายไปอยู่หอ เรา ดี ใจ มาก แบบได้ใช้ชีวิตซะที รอคอยวันนี้มานานนนน
พอเราห่างออกมาหน่อยประกอบกับเค้าแก่ลง คงจะหมดแรงด่า ก็ดีขึ้นค่ะ เจอกันนานๆทีเค้าจะใจดีมาก
แต่ถ้าอยู่เจอหน้ากันเกิน 4 วันก็กลับมาด่าเหมือนเดิม เราก็จะชิ่งกลับหอก่อนถ้าเห็นท่าไม่ดี
ตอนที่โตขึ้นมาหน่อย เรามองย้อนกลับไปตอนเด็กที่ถูกตีบ่อยๆ แล้วเราคิดได้อย่างหนึ่งว่า
พ่อแม่เราลำบากนะ บ้านเราจน เค้าต้องทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงเรา แต่เราอาจจะไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้มากพอ
เช่นงานบ้าน พอเค้ากลับมาเหนื่อยๆแล้วยังต้องมาสั่งเราอีก อาจจะทำให้เค้าเหนื่อยเป็นสองเท่า เรายังเด็กเลยไม่เข้าใจ
เพราะฉะนั้นก็ถูกแล้วที่เราโดนตี เพราะเราเป็นลูกที่ไม่เข้าใจว่าต้องทำงานแบ่งเบาพ่อแม่
ตอนนี้เราอายุ 26 ปี เป็นช่วงวัยที่สมควรจะมีแฟนหมั้นหมาย แต่งงานไรว่าไปใช่ไหมคะ เค้าก็เร่งให้เราแต่งงาน
เค้าก็พูดกรอกหูทุกครั้งที่โทร ว่าทำไมเราไม่แต่งงาน ทำไมเรายังไม่รวย ทำไมเรายังไม่นั่นไม่นี่ไม่โน่น แบบลูกคนนั้นคนนี้
คือเราเหนื่อยมากกกก ที่แม่เราคอยเปรียบเทียบเรากับใครๆตั้งแต่เด็กจนโต เราไม่เคยดีอ่ะ ลูกคนอื่นดีหมด
วันดีคืนดีก็โทรมาด่าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ว่าทำไมทำงานได้เงินเดือนแค่นี้ เมื่อไหร่จะรวย ผัวก็ไม่มี ใครจะเลี้ยง
เรารู้นะคะว่าเค้าห่วง แต่เค้ามักจะคิดว่าเรามันไม่ได้เรื่อง เราไม่ฉลาด ก้าวไม่ทันคนอื่น เหมือนเราไม่เคยทำให้เค้าภูมิใจ
เรารู้สึกท้อมากบ้างครั้ง พ่อแม่เราเค้าทำงานเกษตร เค้าคิดว่าคนทำงานในเมืองแบบเราไม่เหนื่อยหรอก ไม่ลำบากหรอก
คือมันไม่ใช่ เราเองก็ต้องมีชีวิตของเรา เช่าหอพัก ซื้อของใช้ หากินหาใช้เหมือนกัน มันก็ลำบากนะ ไม่ได้สวยหรู
เรามีพี่ชายคนนึง น้องชายอีกคน ซึ่งแม่เรารักมากๆ อันนี้พูดแบบไม่มโนเลยว่าแม่เรารักลูกไม่เท่ากัน อายุเราพี่น้องห่างกันเยอะ แม่มีลูกยาก
แม่เราเลยทุ่มเทให้พี่น้องเรามากกว่าเรา ให้เรียนที่ดีกว่าตั้งแต่เด็ก ไปรับไปส่ง ให้ค่าขนมมากกว่า ไม่ค่อยแยแสเราเลี้ยงแบบปล่อยๆ
คิดว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง เราเรียนดี เราทำตัวดีแล้ว ไม่ต้องห่วงมันหรอก เราน้อยใจจนปลงจนเลิกน้อยใจ ช่างมัน
แต่พี่ชายน้องชายเรา ทำให้แม่ผิดหวังมากๆ คือหนีออกจากบ้านบ้างละ มีเรื่องยาเสพติดบ้างละ จนแม่เราสะเทือนใจหลายครั้ง
มีเราเสียอีกที่กระ
ทั้งที่พ่อแม่เราหลังจากเราเรียนจบ (น้องเราจบ ม.3 ก็หยุดเรียน) ที่บ้านเรากิจการดีขึ้นมาก การเงินพ่อแม่ไม่ใช่ปัญหา
แต่กลายเป็นพอพ่อแม่เริ่มรวย เราเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน เค้าก็มองว่าเราไม่ได้เรื่อง ไม่เก่งไม่ฉลาดอย่างลูกชาวบ้าน
เราอยากให้เค้าหยุดดูเราสักนิด ว่าเรากำลังพยายามในแบบของเรา ตอนอายุเท่าเราเค้าลำบากกว่าเราอีก
อาจจะเพราะพี่ชายน้องชายเราทำเค้าผิดหวังมากๆ มันเลยเหมือนแม่มาลงกับเราคนเดียว เราเข้าใจและเห็นใจแม่มาก
ไม่อยากย้ายไปไหนไกลๆ ทนทำงานในจังหวัด เงินเดือนไม่เว่อร์วังก็โอเค เก็บเงิน หารายได้เสริม เรียนเพิ่มไปเรื่อยๆ
เพราะอยากไปเห็นหน้าเค้าบ่อยๆ เค้าจะได้ไม่เหงา แม่เราขี้น้อยใจมากๆ เป็นโรคซึมเศร้าด้วย กินยาวันละหลายเม็ด
แต่พอเค้าทำกับเราแบบนี้บ่อยๆ ทำให้เราไม่อยากกลับไปเจอ กลัวถูกด่า ถูกว่าเอา เราเก็บมาร้องไห้ตลอดเวลาเจอแบบนี้
เพราะพื้นฐานเราก็เป็นคนเซ้นซิทีฟ คิดมาก จนเราจะเป็นซึมเศร้าตามเค้าไปด้วยอีกคน
บางครั้งเราคิดว่าอยากหายไปสักพัก ให้แม่เก็บไปคิดบ้างว่าเค้าต้องการลูกแบบเราไหม
แต่เวลาแม่โทรมาแล้วเราไม่รับ เค้าจะกระวนกระวายมาก คิดว่าเราหนีเค้าไปแบบพี่ชายเรา
เราสงสารเราไม่กล้าทำ บางครั้งเราเถียงแม่นะ แต่พอทำไปแล้วเราก็มานั่งร้องไห้ เพราะกลัวแม่เก็บไปคิดมาก
เราแค่รู้สึกว่าทำไมเราแคร์แม่มากขนาดนี้แต่แม่ไม่แคร์และเห็นคุณค่าในตัวเราบ้างเลย
ไม่เคยยอมรับในแบบที่เราเป็น ไม่เคยเรียนรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน ทั้งที่เราโคตรจะเปิดเผยตัวตน บอกทุกอย่าง
เราเคยได้ยินแม่เราพูดกับน้า ว่าเราเป็นคนไร้ความรู้สึก เพราะเราไม่เคยโกรธใครนาน เราจิตใจดี
จริงๆเราก็โกรธนะกับคนอื่น แต่เค้าจะรู้ไหมว่าเพราะเค้าเป็นแม่เรา เราเลยให้อภัยทุกครั้ง
เราเป็นคนมั่นใจในตัวเอง เรารู้เรามีดีอะไร เรารู้เราจะไปได้ดี แต่แม่ก็คอยมากดเราเรื่อยๆ ให้เรารู้สึกแย่ได้ตลอด
ทำให้เรามาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ต้องดีแค่ไหนวะ เค้าถึงจะพอใจ หรือเรามันห่วยเอง
เราอาจจะเดินช้าไปไม่ทันใจเค้า เค้าคงเอาเราไปอวดกับเพื่อนเค้าไม่ได้หรือเปล่า
ทุกวันนี้เรายอมรับเลยว่าเรากลัวการแต่งงานหรือมีครอบครัวมาก เพราะเรากลัวเราจะทำร้ายจิตใจลูกแบบนี้
คือเห็นชีวิตครอบครัวตัวเองแล้วผวา ไม่คิดว่าตัวเองจะรับผิดชอบมันไหว
ที่มาตั้งกระทู้บ่นแบบนี้ เพราะปีใหม่นี้เราหยุดงานตั้งแต่วันนี้ แต่เราโทรไปบอกแม่ว่าเราขอกลับวันพรุ่งนี้ เพราะวันนี้จะนอนพักก่อน
เค้าก็ด่าใส่เลยว่าเรามันไม่ได้เรื่อง ขี้เกียจ จน ไม่เจริญก้าวหน้า ลามไปเรื่องที่เราไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บลาๆๆๆมากมายยยย
เรารู้ว่าอยากให้กลับบ้าน แต่เราเองหยุดงานไม่บ่อย ทุกครั้งเลือกกลับบ้านก่อนตลอดไม่เคยไปไหน แค่เราอยากนอนพักยังผิด
ตอนนี้อยากบอกแม่ว่าไม่กลับแล้วได้ไหมปีใหม่ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจแม่อีก เหนื่อยจิตมากมาย กลับไปก็โดนด่าแน่นอน เพลีย
ขอให้ปีใหม่นี้มีความสุขกันมากๆนะคะ อย่าได้มีเรื่องผิดอกผิดใจโดยเฉพาะกับคนในครอบครัว
ปล. ส่วนพ่อเราไม่มีปัญหา เป็นคนพูดน้อย และไม่เคยขัดเวลาแม่ด่าเราเช่นกัน เลยยากจะเดา ไม่รู้ดีหรือไม่ดีกันแน่