พอดีเรื่องมีอยู่ว่า น้องสาวตั้งใจมากที่หลังเรียนจบ ป.ตรี แล้วจะร่วมเข้าร่วมโครงการ aupair กับเอเยนจ์ที่นึง ดำเนินการตามขั้นตอนมาจนถึงการแมทโฮส แต่เอเยนจ์นี้ถูกทางอเมริกายกเลิกการเป็นตัวแทนซะก่อน ทางเอเยนจ์เลยคืนค่าสมัครให้น้องสาวผมครบทุกบาท (6000 บาท) แล้วแนะนำให้มาเดินเรื่องต่อกับเอเยนจ์อีกทีนึง (น้องสาวบอกผมว่า โครงการนี้เป็น aupair care มีเอเยนจ์ในกรุงเทพแค่ 2 รายเท่านั้น) ซึ่งทางเอเยนจ์รายใหม่นี้เห็นว่า น้องสาวผมผ่านมาถึงขั้นตอนแมทโฮสแล้ว ไม่ต้องมีการอบรมซ้ำ จึงคิดค่าสมัครเพียงแค่ 3000 บาท (ส่วนนี้ผมก็เห็นว่าเค้า fair ดีนะ) แล้วให้ไปแก้ไขเรื่องเอกสารให้เปลี่ยนเป็นชื่อเอเยนจ์รายใหม่ให้เรียบร้อย และจ่ายค่าโครงการก่อนไปขอวีซ่าอีก 38,000 บาท
ทีนี้พอถึงขั้นตอนที่น้องสาวผมต้องไปสัมภาษณ์วีซ่า ก็ยังไม่ผ่านเพราะภาษาน่าจะยังไม่ดีพอ เลยถูก reject มาถึง 2 ครั้ง น้องสาวผมก็เริ่มกังวล เลยถามกับทางเอเยนจ์ว่า ถ้าไม่ผ่านครั้งที่ 3 จะทำยังไง คืนเงินค่าโครงการให้มั้ย ทางเอเยนจ์ก็บอกว่า ไม่เคยมีกรณีที่ขอไม่ผ่านถึงสามครั้ง แต่ถ้าเกิดไม่ผ่านจริง ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง
พอขอวีซ่าครั้งที่ 3 ปรากฏว่าไม่ผ่านอีก เพราะภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอจริงๆ ทางสถานฑูตแนะนำให้ไปฝึกภาษาแล้วค่อยมาขอวีซ่าใหม่ทีหลัง แต่ปรากฏว่า ทางเอเยนจ์อเมริกา ยกเลิกโปรไฟล์ aupiar id ของน้องสาวไปแล้ว เพราะไม่สามารถขอวีซ่าได้ภายในสามครั้ง ทำให้น้องสาวไม่สามารถไปต่อกับโครงการนี้ได้
น้องสาวเลยกลับมาเจรจากับทางเอเยนจ์เพื่อขอคืนเงินบางส่วน เพราะรู้สึกไม่ fair ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่ากับ aupair คนอื่นๆ ที่ได้ไปกับโครงการ
แต่ทางเอเยนจ์ปฏิเสธคืนเงินทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า กรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่ใช่ความผิดของเอเยนจ์ แต่เป็นเรื่องของน้องสาวเองที่ไม่สามารถขอวีซ่าได้ภายในกำหนดสามครั้ง ทางเอเยนจ์ได้ส่งมอบบริการครบถ้วนแล้ว จึงไม่ต้องคืนเงินให้
น้องสาวผมเสียใจมาก ที่ไม่สามารถขอวีซ่าให้ผ่านได้ แล้วต้องมาเสียเงินเก็บที่ทำงานหามาระหว่างเรียนไปเปล่าๆ รวมๆ แล้วเกือบครึ่งแสน โดยไม่ได้อะไรเลย แถมยังให้คำตอบกับที่บ้านไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่ได้เงินคืนกลับมาบ้าง แต่ทางเอเยนจ์ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรที่มากไปกว่าเหตุผลที่บอกว่า ทางเอเยนจ์ไม่ใช่ฝ่ายผิด และเค้าทำงานของเค้าเต็มที่แล้ว
ส่วนนี้ผมเข้าใจว่ามันเป็นธุรกิจ ที่มันต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้องสาวผมเท่าไหร่ ที่ต้องมาเสียเงินที่ตั้งใจเก็บมาหลายปี ไปเปล่าๆ แต่กลับไม่ได้รับเหตุผลที่ชัดเจนว่ามันสมควรต้องเสียให้เค้าจริงๆ หรือไม่
ผมเลยตั้งใจจะลองเข้าไปคุยเรื่องนี้พร้อมกับน้องสาวอีกครั้ง เพราะอยากรู้เหตุผลที่ทางเอเยนจ์เค้าจะไม่คืนเงินที่ชัดเจนกว่านี้ว่าเป็นเพราะอะไร เผื่อจะได้ช่วยน้องไปอธิบายให้น้าชายผมฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ้าง
แต่ถ้าผมรู้ว่าน้องสาวผมจะต้องเสียเงินครึ่งแสนไปฟรีๆ แบบนี้ ผมให้น้องสาวซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวอเมริกาซะเลยยังจะดีซะกว่า
ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์กรณีหน่อยนะครับ และขอคำแนะนำด้วยว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
ขอความเห็น เรื่องเข้าร่วมโครงการ aupair แต่ขอวีซ่าไม่ผ่าน เสียเงินค่าโครงการไปฟรีๆ !!
ทีนี้พอถึงขั้นตอนที่น้องสาวผมต้องไปสัมภาษณ์วีซ่า ก็ยังไม่ผ่านเพราะภาษาน่าจะยังไม่ดีพอ เลยถูก reject มาถึง 2 ครั้ง น้องสาวผมก็เริ่มกังวล เลยถามกับทางเอเยนจ์ว่า ถ้าไม่ผ่านครั้งที่ 3 จะทำยังไง คืนเงินค่าโครงการให้มั้ย ทางเอเยนจ์ก็บอกว่า ไม่เคยมีกรณีที่ขอไม่ผ่านถึงสามครั้ง แต่ถ้าเกิดไม่ผ่านจริง ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง
พอขอวีซ่าครั้งที่ 3 ปรากฏว่าไม่ผ่านอีก เพราะภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอจริงๆ ทางสถานฑูตแนะนำให้ไปฝึกภาษาแล้วค่อยมาขอวีซ่าใหม่ทีหลัง แต่ปรากฏว่า ทางเอเยนจ์อเมริกา ยกเลิกโปรไฟล์ aupiar id ของน้องสาวไปแล้ว เพราะไม่สามารถขอวีซ่าได้ภายในสามครั้ง ทำให้น้องสาวไม่สามารถไปต่อกับโครงการนี้ได้
น้องสาวเลยกลับมาเจรจากับทางเอเยนจ์เพื่อขอคืนเงินบางส่วน เพราะรู้สึกไม่ fair ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่ากับ aupair คนอื่นๆ ที่ได้ไปกับโครงการ
แต่ทางเอเยนจ์ปฏิเสธคืนเงินทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า กรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่ใช่ความผิดของเอเยนจ์ แต่เป็นเรื่องของน้องสาวเองที่ไม่สามารถขอวีซ่าได้ภายในกำหนดสามครั้ง ทางเอเยนจ์ได้ส่งมอบบริการครบถ้วนแล้ว จึงไม่ต้องคืนเงินให้
น้องสาวผมเสียใจมาก ที่ไม่สามารถขอวีซ่าให้ผ่านได้ แล้วต้องมาเสียเงินเก็บที่ทำงานหามาระหว่างเรียนไปเปล่าๆ รวมๆ แล้วเกือบครึ่งแสน โดยไม่ได้อะไรเลย แถมยังให้คำตอบกับที่บ้านไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่ได้เงินคืนกลับมาบ้าง แต่ทางเอเยนจ์ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรที่มากไปกว่าเหตุผลที่บอกว่า ทางเอเยนจ์ไม่ใช่ฝ่ายผิด และเค้าทำงานของเค้าเต็มที่แล้ว
ส่วนนี้ผมเข้าใจว่ามันเป็นธุรกิจ ที่มันต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้องสาวผมเท่าไหร่ ที่ต้องมาเสียเงินที่ตั้งใจเก็บมาหลายปี ไปเปล่าๆ แต่กลับไม่ได้รับเหตุผลที่ชัดเจนว่ามันสมควรต้องเสียให้เค้าจริงๆ หรือไม่
ผมเลยตั้งใจจะลองเข้าไปคุยเรื่องนี้พร้อมกับน้องสาวอีกครั้ง เพราะอยากรู้เหตุผลที่ทางเอเยนจ์เค้าจะไม่คืนเงินที่ชัดเจนกว่านี้ว่าเป็นเพราะอะไร เผื่อจะได้ช่วยน้องไปอธิบายให้น้าชายผมฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ้าง
แต่ถ้าผมรู้ว่าน้องสาวผมจะต้องเสียเงินครึ่งแสนไปฟรีๆ แบบนี้ ผมให้น้องสาวซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวอเมริกาซะเลยยังจะดีซะกว่า
ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์กรณีหน่อยนะครับ และขอคำแนะนำด้วยว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี