วันดีๆในประเทศเพื่อนบ้าน 7 วัน 3 เมือง และ เตือนภัยคนชอบเที่ยวค่ะ

สวัสดีวันสิ้นปีค่ะ : )

กระทู้ที่เป็นกระทู้แรกนะคะ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวค่ะ
ประเทศลาว ประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เอง โดยจะไปตั้งแต่เวียงจันทน์ หลวงพระบาง วังเวียง

ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 เข้าปี 2014 ดองไว้นานมาก ไม่ได้มาลงสักที เขียนไว้อ่านเองกับแชร์ให้เพื่อนๆใน wordpress
แต่เห็นช่วงนี้คนเริ่มไปเที่ยวคนเดียวเยอะขึ้น โดยฉพาะสาวๆ จึงอยากนำประสบการณ์จริงของตัวเองมาบอกว่า...
"อันตรายมีอยู่ทุกที่จริงๆ" จะไปจะมาที่ไหนก็ขอให้ระวังกันมากๆ

เราเป็นคนหนึ่งที่ฝันอยากไปเที่ยวคนเดียว ไปในที่ที่ไม่เคยไป Getting lost in a middle of nowhere อะไรเทือกนั้น
แต่โชคดีที่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาด้วยอีกคน ทริปของเราจึงเกิดขึ้น.....

>>> Day 1 : Dec 26th 2013 : เวียงจันทน์
6.00am จากสนามบินดอนเมืองสู่จังหวัดอุดรธานี นั่งรถต่อไปที่จังหวัดหนองคาย
ข้ามผ่านชายแดนเข้าสู่ ตัวเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว
สิ่งแรกที่รู้สึกได้หลังจากที่เหยียบลงบนแผ่นดินลาว ณ ขนส่งตรงตลาดเช้า
“ชั้นเป็นดาราหรือไรรรรรร” ทุกคนรุมล้อมมาคุยเต็มไปหมดราวกับแฟนคลับขอลายเซ็นต์
จริงๆคือแห่มาให้เรียกรถ เป็นความสะพรึงเบาๆ
การเดินทางวันแรกในประเทศลาว เริ่มต้นจากเวียงจันทน์ โดยอ้ายน้อย เพื่อนของเพื่อนที่ทำงานในลาวเป็นคนพาเที่ยว
ด้วยสถานที่ฮิตที่สุด “วัดพระธาตุหลวง และ ประตูชัย”




หลังจากนั้นก็ไปทานเฝอและขนมเบื้องญวนกัน
ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นกับ จิ้มจุ่มน้ำมะพร้าว โดยคำแนะนำ+กวนตีนของเพื่อนที่บอกว่า
“จิ้มจุ่มที่เค้าใช้น้ำซุป เป็นน้ำมะพร้าว อร่อยจริงๆนะ แต่ไม่บอกหรอกว่าอยู่ไหน”
ทำให้มื้อนี้อร่อยยิ่งขึ้น เพราะความภูมิใจว่า “สุดท้ายชั้นก็หาเจอ ไม่ง้อเฟ้ย หึหึ”
7.00pm ออกเดินทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางด้วยรถทัวร์แบบนอน

*สำหรับใครที่เดินทางไปคนเดียวหรือไปไม่ครบคู่ ให้จองสองที่ไปเลยนะคะ เพราะที่มันเล็กมาก
ต้องนอนเบียดกับคนข้างๆที่เป็นใครก็ไม่รู้ หน้าห่างกันคืบเดียว แทบซัมบาลาฮ่ากันได้เลยหละค่ะ -____-''

>>> Day 2 : Dec 27th, 2013 : หลวงพระบาง

8.00am ตื่นขึ้นด้วยเสียง “น้องๆ ตื่นๆ”
“ว๊ายยยย คนหายไปหมดรถแล้ว หลับไม่รู้เรื่องเลย”
รีบเก็บของอย่างไวแล้วไปขึ้นรถสองแถวเพื่อเข้าสู่โรงแรมนิวดาราเพชรวิลล่า


เดินจากโรงแรมไปทางฝั่งซ้ายเป็นแม่น้ำคาน ส่วนหน้าปากซอยเป็นร้าน Joma Bakery Cafe





วันนี้เป็น Sightseeing Day เช่าจักรยาน วันละ 15000 กีบ
เริ่มจากการกินอาหารกลางวันร้านข้าวซอยข้างทางกับน้ำผลไม้ปั่น โอยย แซ่บหลาย
แล้วใช้เวลากับการ cruising ไปเรื่อยๆ เจออะไรน่าสนใจก็แวะ
เช่น วัดใหม่สุวันนะพุมาราม วัดแสน Passa Paa







จนไปเจอกับสะพานไม้อันหนึ่งริมแม่น้ำ บรรยากาศดีสุดๆ
ถ่ายรูปเล่นสนุกสนานกับแสงนางฟ้าในซอกป่าแถวนั้น
(เชื่อสิ แสงนี้ ถ่าย Silhouette เบาๆ ผีแค่ไหนก็กลายเป็นคน)





หลังจากนั้นก็ไปร้านๆนึงตามคำแนะนำของช่างภาพชาวฝรั่งเศสที่บังเอิญเจอกันที่สะพานไม้
ชื่อร้าน Utopia เป็นร้านที่ลึกลับมาก เข้าซอยไปลึกจนแอบหวั่นๆว่า “เหยย โดนหลอกป่าวเนี่ย!!!!”
แต่พอเจอร้านก็แทบกรี๊ดเลย เป็นร้านที่มีระเบียงยื่นออกไปทางริมน้ำ เป็นโซฟานอนหมอนสามเหลี่ยม
ด้านข้างที่นั่งมีโต๊ะเล็กๆ ไว้วางเครื่องดื่มกับเทียน ฝรั่งนอนอ่านหนังสือรับลมพร้อมชมวิวแม่น้ำชิวๆ
ช่างเป็นร้านที่สงบ เหมาะแก่ชีวิต Slow Life จริงๆ


ต่อจากนั้นก็ไปเดิน Night Market ที่มีของพื้นเมืองขายเต็มไปหมด
ถ้าพูดกันจริงๆ ของเหมือนกันแทบทุกร้าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกระเป๋า ปลอกหมอน และของฝากต่างๆ
เวลาเลือกซื้อของก็ดูราคาดีๆ แต่ละร้านตั้งไม่เหมือนกัน
(ต่อราคาแทบตายได้ 500 ไปอีกร้านบอกราคา 250 มันเจ็บ!!!)
และแล้วก็มารู้ทีหลังว่าไอของที่ไปไล่ต่อราคาเค้ามาอย่างยากลำบาก... ถนนข้าวสารก็มี ถูกกว่าอีก ข้าเจ็บสาหัสมาก T^T

>>> Day 3 : Dec 28th, 2013 : Still in หลวงพระบาง

เริ่มวันใหม่กับอาหารเช้าของทานโรงแรม กาแฟดำร้อนๆกับอากาศหนาวๆ
นั่งมองนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงเดินผ่านไปผ่านมาหาโรงแรม
เตรียมร่างกายให้พร้อมกับการท่องเที่ยวสถานที่ดังในหลวงพระบาง
เริ่มจากรถตู้มารับด้วยการนำทัวร์ของ “อ้ายเดช” ไปที่ Ban Xanghai ที่เคยเป็นหมู่บ้านสร้างไห
สร้างไปสร้างมา เอามาใส่เหล้า กลายเป็นหมู่บ้านต้มเหล้าซะอย่างนั้น!


ต่อด้วยไปขี่ช้างกันที่ “เอื้อยคำพูน” ที่พาพวกเราเดินเล่นในป่า และชมวิวแม่น้ำ



แล้วก็นั่งรถไปต่ออีกหน่อยไปที่ “ถ้ำติ่ง หรือ ถ้ำปากอู” อีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพระบาง
ซึ่งต้องนั่งเรือข้ามฟากไป แล้วจะพบกับถ้ำที่มีพระพุทธรูปองค์น้อยใหญ่วางเรียงกันนับไม่ถ้วน







ถ้ำติ่งจะมีถ้ำล่างกับถ้ำบน ถ้าข้างล่างก็จะเห็นได้ชัดเจนจากอีกฟากหนึ่ง
ถ้าใครพอจะมีแรงเหลือก็เดินขึ้นไปข้างบน ก็จะได้พบกับวิวสวยๆ พร้อมถ้ำที่ต้องใช้ไฟฉายส่องเพื่อเดินเข้าไปไหว้

หลังจากนั้นพวกเราไปกันต่อที่น้ำตกกว่างสี ข้างในน้ำตกกล่างสีจะมีอุทยานหมีที่จะมีน้องหมีวิ่งเล่นไปมา
ทันทีที่ดูหมีเสร็จก็เดินไปที่น้ำตก ช่างเป็นภาพที่สวยงาม แสงกระทบกับน้ำสีฟ้า ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์



แล้วพวกเราก็เดินขึ้นไปอีก เจอน้ำตกอีกชั้นนึง ภาพความสวยงามเหมือนกับชั้นแรก ด้วยเลเยอร์ของชั้นหินที่แตกต่างกัน
ทำให้เราสองคนยิ้มได้ไม่หุบจริงๆ มีความสุขกับการเดินชมธรรมชาติต่อไปจนได้พบกับน้ำตกชั้นสุดท้าย
มันสวยจนทำให้ตะลึงยืนอึ้งกันอยู่สักพัก พอรู้สึกตัวก็รู้ว่า สวรรค์เมื่อกี้เป็นเพียง Teaser นี่สิของจริง
มิน่าหละ ที่นี้จึงเป็นอีกแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้จริงๆ



เราสองคนกลับมาถึงในตัวเมืองหลวงพระบางกันประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น
ตั้งใจกันไว้ว่าจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุภูสี แต่เสียดายที่ไม่ทัน เพราะต้องเดินขึ้นเขาด้วยบันไดกว่า 300 ขั้น
เลยต้องล้มเลิกความพยายามไป แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้เห็นบรรยากาศของตลาดยามเย็นในหลวงพระบางแบบ Bird Eye View


เดี๋ยวมาต่อนะจ๊ะ ยังไม่ถึงจุดอันตราย อดใจรอสักครู่ เรามือใหม่ Slow life อยู่

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่