ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
คำๆนี้วนเวียน ผ่านหู ผ่านตาผมหลายรอบ
แน่นอนว่ามันมาจากท่อนหนึ่งของเพลงฮิตที่เราได้ยินซ้ำๆ จนร้องตามได้
และมันก็เหมือนจะเป็นคำปลอบใจที่ดี ที่เราจะหยิบมาบอกตัวเอง
หรือคนรอบข้างเสมอ เวลาที่เรื่องราวแย่ๆ หรือเหตุการณ์ร้ายๆผ่านเข้ามา
โดยที่เราไม่ได้ตั้งหลัก หรือคาดคิดมาก่อนว่าสิ่งเหล่านั้น
จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ได้แต่หวังว่า
แล้วมันจะผ่านไป...ด้วยดี
แต่ชีวิตจริงไม่ใช่เพลงที่เริ่ม แล้วจบลงใน 3 นาที
เรื่องราวร้ายๆ บางครั้งจึงไม่ได้ผ่านพ้น หรือจบลงไปได้ง่ายๆ
แม้เราจะหวัง หรือเชื่ออยู่ลึกๆก็ตาม ว่าสุดท้ายมันย่อมจะต้องผ่านพ้นไป
แต่พูดง่ายกว่าทำเสมอ
ถ้าชีวิต คือการทำข้อสอบ หลายครั้ง เราก็ปล่อยให้ผลสอบ
มาเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ของชีวิตมากเกินไป
และหลายๆบททดสอบในชีวิต เราก็สอบตกอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าเราจะตัดสินใจผิด ทำงานผิด เชื่อใจคนผิด หรือคิดอะไรผิดๆ
มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ซึ่งหลายคน ก็ตัดสินว่านั่นคือ บทสรุปของทุกอย่าง
เราสอบตก เราแพ้ เราหมดโอกาสไปต่อ
หรือเราคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
หรือไม่ใช่ทุกอย่าง...ที่จะผ่านไปได้ด้วยดี
แต่ผมไม่คิดแบบนั้น
ถ้าชีวิตคือการทำข้อสอบ สมัยเด็กๆ เราอาจเชื่อว่า
คนได้เกรด 4 คือคนเก่ง
คนที่สอบตกคือคนโง่ ที่ไม่มีวันจะได้พบเจอกับอนาคตที่ดีได้แน่ๆ
แต่พอเราโตขึ้น ได้เห็นอะไรมากขึ้น เราก็จะพบว่าหลายครั้ง
คนที่เรียนเก่งมาตลอด กลับล้มเหลวในโลกแห่งการทำงานจริงๆ
ในขณะที่เด็กเกเรที่สอบตกมาตลอด กลับประสบความสำเร็จได้ในชีวิตจริงได้
"การสอบตก" ในเรื่องบางเรื่อง จึงไม่สามารถนำมาตัดสินชีวิตของเราได้
ผมบอกตัวเองเสมอว่า
เรื่องราวเลวร้าย หรือความผิดพลาด
เกิดขึ้นกับเราได้เสมอ และไม่ว่ามันจะแย่ หรือทำให้เราล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน
แต่สุดท้ายมันก็จะต้องผ่านไป และเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยดีด้วย
ต่อให้สุดท้ายเราจะแพ้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้วิธีที่จะชนะในครั้งต่อไป
ถึงเราจะทำทุกอย่างผิดพลาดไปหมด แต่ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะต้องไม่ผิดซ้ำที่เดิม
แม้เรื่องราวหลายอย่างจะจบลงในแบบที่เราไม่เคยคาดฝัน
แม้มันจะทำให้เราผิดหวัง หรือกระทั่งเสียน้ำตา แต่มันก็สอนให้เรารู้ว่า
โลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเราต้องไม่เอาความสุขไปผูกติดกับใคร
บางครั้ง การต้องผ่านเรื่องราวแย่ๆ
ก็อาจเป็นตัวคัดกรองคนที่รักเรา หรือหวังดีกับเราจริงๆ ออกมาให้เราได้เห็น
หรือบางครั้ง การกัดฟัน ผ่านเรื่องราวร้ายๆมาด้วยตัวเอง
มันก็ทำให้เราพบว่าตัวเองเข้มแข็งได้มากกว่าที่เคยคิด
แม้ว่าเรื่องราวอาจจะไม่ได้จบลงด้วยดี
แต่เราก็ทำให้มันผ่านไปด้วยดีได้
ถ้าเราได้เรียนรู้ หรือมองเห็นข้อดีที่เกิดขึ้น
บางคนมองว่าเรื่องราวแย่ๆ คือบทลงโทษ
และก้มหน้ารับผลของการกระทำนั้นโดยไม่ทำอะไร
ในขณะที่บางคน มองว่ามันคือบททดสอบ
ที่ผ่านมาให้เราได้ทำ และครั้งนี้ เราแค่สอบตก
แต่คนสอบตก ก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะหมดสิ้นหนทางไปต่อ
ก่อนปีนี้จะผ่านพ้นไป
ลองนั่งทบทวนเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้น
และเรียนรู้จากมัน ให้ผลลัพธ์นั้นสอนเราให้โตขึ้น และเข้มแข็งขึ้น
แม้ว่ามันจะไม่ได้จบลงด้วยดี
แต่มันก็จะต้องผ่านไป..ด้วยดี
แล้วมันจะผ่านไป..ด้วยดี
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
คำๆนี้วนเวียน ผ่านหู ผ่านตาผมหลายรอบ
แน่นอนว่ามันมาจากท่อนหนึ่งของเพลงฮิตที่เราได้ยินซ้ำๆ จนร้องตามได้
และมันก็เหมือนจะเป็นคำปลอบใจที่ดี ที่เราจะหยิบมาบอกตัวเอง
หรือคนรอบข้างเสมอ เวลาที่เรื่องราวแย่ๆ หรือเหตุการณ์ร้ายๆผ่านเข้ามา
โดยที่เราไม่ได้ตั้งหลัก หรือคาดคิดมาก่อนว่าสิ่งเหล่านั้น
จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ได้แต่หวังว่า
แล้วมันจะผ่านไป...ด้วยดี
แต่ชีวิตจริงไม่ใช่เพลงที่เริ่ม แล้วจบลงใน 3 นาที
เรื่องราวร้ายๆ บางครั้งจึงไม่ได้ผ่านพ้น หรือจบลงไปได้ง่ายๆ
แม้เราจะหวัง หรือเชื่ออยู่ลึกๆก็ตาม ว่าสุดท้ายมันย่อมจะต้องผ่านพ้นไป
แต่พูดง่ายกว่าทำเสมอ
ถ้าชีวิต คือการทำข้อสอบ หลายครั้ง เราก็ปล่อยให้ผลสอบ
มาเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ของชีวิตมากเกินไป
และหลายๆบททดสอบในชีวิต เราก็สอบตกอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าเราจะตัดสินใจผิด ทำงานผิด เชื่อใจคนผิด หรือคิดอะไรผิดๆ
มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ซึ่งหลายคน ก็ตัดสินว่านั่นคือ บทสรุปของทุกอย่าง
เราสอบตก เราแพ้ เราหมดโอกาสไปต่อ
หรือเราคงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
หรือไม่ใช่ทุกอย่าง...ที่จะผ่านไปได้ด้วยดี
แต่ผมไม่คิดแบบนั้น
ถ้าชีวิตคือการทำข้อสอบ สมัยเด็กๆ เราอาจเชื่อว่า
คนได้เกรด 4 คือคนเก่ง
คนที่สอบตกคือคนโง่ ที่ไม่มีวันจะได้พบเจอกับอนาคตที่ดีได้แน่ๆ
แต่พอเราโตขึ้น ได้เห็นอะไรมากขึ้น เราก็จะพบว่าหลายครั้ง
คนที่เรียนเก่งมาตลอด กลับล้มเหลวในโลกแห่งการทำงานจริงๆ
ในขณะที่เด็กเกเรที่สอบตกมาตลอด กลับประสบความสำเร็จได้ในชีวิตจริงได้
"การสอบตก" ในเรื่องบางเรื่อง จึงไม่สามารถนำมาตัดสินชีวิตของเราได้
ผมบอกตัวเองเสมอว่า
เรื่องราวเลวร้าย หรือความผิดพลาด
เกิดขึ้นกับเราได้เสมอ และไม่ว่ามันจะแย่ หรือทำให้เราล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน
แต่สุดท้ายมันก็จะต้องผ่านไป และเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยดีด้วย
ต่อให้สุดท้ายเราจะแพ้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้วิธีที่จะชนะในครั้งต่อไป
ถึงเราจะทำทุกอย่างผิดพลาดไปหมด แต่ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะต้องไม่ผิดซ้ำที่เดิม
แม้เรื่องราวหลายอย่างจะจบลงในแบบที่เราไม่เคยคาดฝัน
แม้มันจะทำให้เราผิดหวัง หรือกระทั่งเสียน้ำตา แต่มันก็สอนให้เรารู้ว่า
โลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเราต้องไม่เอาความสุขไปผูกติดกับใคร
บางครั้ง การต้องผ่านเรื่องราวแย่ๆ
ก็อาจเป็นตัวคัดกรองคนที่รักเรา หรือหวังดีกับเราจริงๆ ออกมาให้เราได้เห็น
หรือบางครั้ง การกัดฟัน ผ่านเรื่องราวร้ายๆมาด้วยตัวเอง
มันก็ทำให้เราพบว่าตัวเองเข้มแข็งได้มากกว่าที่เคยคิด
แม้ว่าเรื่องราวอาจจะไม่ได้จบลงด้วยดี
แต่เราก็ทำให้มันผ่านไปด้วยดีได้
ถ้าเราได้เรียนรู้ หรือมองเห็นข้อดีที่เกิดขึ้น
บางคนมองว่าเรื่องราวแย่ๆ คือบทลงโทษ
และก้มหน้ารับผลของการกระทำนั้นโดยไม่ทำอะไร
ในขณะที่บางคน มองว่ามันคือบททดสอบ
ที่ผ่านมาให้เราได้ทำ และครั้งนี้ เราแค่สอบตก
แต่คนสอบตก ก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะหมดสิ้นหนทางไปต่อ
ก่อนปีนี้จะผ่านพ้นไป
ลองนั่งทบทวนเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้น
และเรียนรู้จากมัน ให้ผลลัพธ์นั้นสอนเราให้โตขึ้น และเข้มแข็งขึ้น
แม้ว่ามันจะไม่ได้จบลงด้วยดี
แต่มันก็จะต้องผ่านไป..ด้วยดี