
"ธรรมะเกี่ยวกับเรื่องของสติในวันส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่"
โดย พระครูโกศลวิบูลกิจ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง
สติคือระลึกได้ ก่อนคิดก่อนพูดก่อนทำ
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงพูด ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ
พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน จึงสมมุติว่าปีใหม่ปีเก่า
เมื่อถึงปลายปีเราก็ต้องสำรวจตัวเองว่า
ข้อดีของเรามีอะไรบ้าง ข้อดีก็ควรรักษาไว้
ข้อเสียของเรามีอะไรบ้าง และเอามาเป็นบทเรียนการดำเนินชีวิต
และที่สำคัญ ถ้าเราได้ศึกษาธรรมะและปฎิบัติเป็นประจำ ก็จะช่วยเราได้
แต่ถ้าเราจะเอามาปฎิบัติแค่วันเดียว มันก็ไม่ได้อะไร
เปรียบเสมือนร่างกาย ร่างกายของคนต้องบริหารร่างกายด้วยปัจจัยสี่
ที่สมบูรณ์ที่ถูกต้อง เมื่อร่างกายสมบูรณ์ มีกำลังทำงาน มีกำลังที่จะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
มีภูมิคุ้มกันดี ส่วนจิตใจก็เช่นเดียวกัน เราก็ต้องอยู่กับธรรมะด้วยการสวดมนต์ไหว้พระสม่ำเสมอ
เป็นกิจวัตรทั้งเช้าเย็น ทุกวัน
คล้ายดั่งเช่น ทุกวันเราต้องทานอาหาร ทุกวันเราต้องอาบน้ำ
ถ้าเราไม่ทานอาหาร ...ไม่มีแรง ถ้าเราไม่อาบน้ำ ...สกปรก
จิตใจของเรา ถ้าเราไม่สวดมนต์ไหว้พระ ไม่นึกถึงความดีไม่มีการเจริญสติ
จิตใจของเราก็จะสกปรกด้วยความชั่วทั้งหลายทั้งปวง
ไม่ใช่รอให้ถึงวันนั้นวันนี้ ค่อยทำ ให้ฝึกสติอยู่ตลอดไม่ว่าเราจะไปไหน
ไม่ว่าวันไหนก็แล้วแต่ เรานึกถึงความดี สติก็จะมั่นคง
อย่างเช่นในเทศกาลปีใหม่ที่คนเกิดอุบัติเหตุ ก็เพราะขาดสติ
ขับรถเร็วเกินไปเพราะรีบจะไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย โดยไม่คำนึงถึงว่า
ระหว่างที่เราเดินทางนั้น มันมีอุปสรรค์มากมาย
ซึ่งถ้าเราไม่รีบร้อนเกินไปมันก็ไม่เร็ว ไม่เร็วอุบัติเหตุก็ไม้เกิด
หรือบางทีฉลองดื่มสุรายาเมา บางทีก็ขาดสติ ก็เกิดอันตราย
หรือบาทีเรามีความพร้อมแล้ว แต่คนอยู่รอบข้าง เพื่อนร่วมเดินทาง
เขาขาดสติ ซึ่งถ้าเขาขาดสติ ถ้าเรามีสติมันก็ไม่เป็นไร
แต่เขาขาดสติแล้วเราก็โกรธโมโหเขาต่างคนต่างขาดสติ
ก็เกิดทะเลาะวิวาทกัน ทั้งตัวเองและรอบข้าง
ดังนั้นเวลาเราเดินทาง ถ้าใครจะไปก่อนเราก็ให้เขา
ถือว่าเราทำบุญให้เขาไปก่อนให้ทางเขา จะได้ไม่เกิดการทะเลาะ
เขาจะเห็นแก่ตัวก็ให้โอกาสเขาก่อน มันก็ไม่เกิดอันตราย
เพราะฉะนั้นคำว่าสติ ต้องฝึกอยู่อย่างสม่ำเสมอ ใหเป็นกิจวัตร
เมื่อเราฝึกได้ทุกวันแล้ว โอกาสที่จะคิดผิด พูดผิด ทำผิด
มันก็น้อย เมื่อเราอยู่อย่าง มีสติ
"เราก็จะพบกับความสุขความเจริญตลอดชีวิต"
ฝากแฟนเพจธรรมะไว้อ้อมใจด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/templelover
ธรรมะ เกี่ยวกับเรื่องของสติในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
"ธรรมะเกี่ยวกับเรื่องของสติในวันส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่"
โดย พระครูโกศลวิบูลกิจ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง
สติคือระลึกได้ ก่อนคิดก่อนพูดก่อนทำ
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงพูด ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ
พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน จึงสมมุติว่าปีใหม่ปีเก่า
เมื่อถึงปลายปีเราก็ต้องสำรวจตัวเองว่า
ข้อดีของเรามีอะไรบ้าง ข้อดีก็ควรรักษาไว้
ข้อเสียของเรามีอะไรบ้าง และเอามาเป็นบทเรียนการดำเนินชีวิต
และที่สำคัญ ถ้าเราได้ศึกษาธรรมะและปฎิบัติเป็นประจำ ก็จะช่วยเราได้
แต่ถ้าเราจะเอามาปฎิบัติแค่วันเดียว มันก็ไม่ได้อะไร
เปรียบเสมือนร่างกาย ร่างกายของคนต้องบริหารร่างกายด้วยปัจจัยสี่
ที่สมบูรณ์ที่ถูกต้อง เมื่อร่างกายสมบูรณ์ มีกำลังทำงาน มีกำลังที่จะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
มีภูมิคุ้มกันดี ส่วนจิตใจก็เช่นเดียวกัน เราก็ต้องอยู่กับธรรมะด้วยการสวดมนต์ไหว้พระสม่ำเสมอ
เป็นกิจวัตรทั้งเช้าเย็น ทุกวัน
คล้ายดั่งเช่น ทุกวันเราต้องทานอาหาร ทุกวันเราต้องอาบน้ำ
ถ้าเราไม่ทานอาหาร ...ไม่มีแรง ถ้าเราไม่อาบน้ำ ...สกปรก
จิตใจของเรา ถ้าเราไม่สวดมนต์ไหว้พระ ไม่นึกถึงความดีไม่มีการเจริญสติ
จิตใจของเราก็จะสกปรกด้วยความชั่วทั้งหลายทั้งปวง
ไม่ใช่รอให้ถึงวันนั้นวันนี้ ค่อยทำ ให้ฝึกสติอยู่ตลอดไม่ว่าเราจะไปไหน
ไม่ว่าวันไหนก็แล้วแต่ เรานึกถึงความดี สติก็จะมั่นคง
อย่างเช่นในเทศกาลปีใหม่ที่คนเกิดอุบัติเหตุ ก็เพราะขาดสติ
ขับรถเร็วเกินไปเพราะรีบจะไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย โดยไม่คำนึงถึงว่า
ระหว่างที่เราเดินทางนั้น มันมีอุปสรรค์มากมาย
ซึ่งถ้าเราไม่รีบร้อนเกินไปมันก็ไม่เร็ว ไม่เร็วอุบัติเหตุก็ไม้เกิด
หรือบางทีฉลองดื่มสุรายาเมา บางทีก็ขาดสติ ก็เกิดอันตราย
หรือบาทีเรามีความพร้อมแล้ว แต่คนอยู่รอบข้าง เพื่อนร่วมเดินทาง
เขาขาดสติ ซึ่งถ้าเขาขาดสติ ถ้าเรามีสติมันก็ไม่เป็นไร
แต่เขาขาดสติแล้วเราก็โกรธโมโหเขาต่างคนต่างขาดสติ
ก็เกิดทะเลาะวิวาทกัน ทั้งตัวเองและรอบข้าง
ดังนั้นเวลาเราเดินทาง ถ้าใครจะไปก่อนเราก็ให้เขา
ถือว่าเราทำบุญให้เขาไปก่อนให้ทางเขา จะได้ไม่เกิดการทะเลาะ
เขาจะเห็นแก่ตัวก็ให้โอกาสเขาก่อน มันก็ไม่เกิดอันตราย
เพราะฉะนั้นคำว่าสติ ต้องฝึกอยู่อย่างสม่ำเสมอ ใหเป็นกิจวัตร
เมื่อเราฝึกได้ทุกวันแล้ว โอกาสที่จะคิดผิด พูดผิด ทำผิด
มันก็น้อย เมื่อเราอยู่อย่าง มีสติ
"เราก็จะพบกับความสุขความเจริญตลอดชีวิต"
ฝากแฟนเพจธรรมะไว้อ้อมใจด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/templelover