** เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขนาดว่าพิมพ์ใส่ word แล้ว resize รูปจากล้องใหญ่แล้ว แค่เลือกรูปจากมือถือและกล้องใหญ่ นี่ก็เล่นไปหลายชั่วโมง
ตอนแรกนึกว่าจะเสร็จทัน ต้องขออภัยด้วยนะคะ**
สวัสดีค่ะ เรากับแฟนเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เงินเดือนน้อยเรียกง่ายๆ ก็มนุษย์เงินเดือนธรรมดานี่แหละ
แต่เราชอบไปเที่ยว ก็เที่ยวกันแบบไม่ให้ตัวเองและใครๆ ลำบาก อะไรที่พอประหยัดได้ ประหยัด
อะไรพอจ่ายได้ก็จ่าย เอาแค่ตัวเองไหว
และครั้งนี้ "น่าน" ก็คือเป้าหมายของเรา การรีวิวครั้งนี้เป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางนะคะ
ข้อมูลลึกๆอย่างอื่น หาจากกูเกิลนะคะ (กลัวให้ข้อมูลผิด อิอิ) ส่วนเรื่องรูปถ่าย หลักๆจะมาจากมือถือ
อาจสวยบ้างไม่สวยบ้าง อย่าว่ากันนะคะ เราอาจไม่ได้ถ่ายรูปมาทุกซอกทุกมุม ทุกชอต บางอย่างจะอธิบายละกันนะคะ
เราอ่านรีวิวมาพอสมควร เห็นแต่ละทริปก็จะเนิบๆ ปั่นจักรยานสโลว์ไลฟ์ ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
หาไปหามา นู่นก็น่าไป นี่ก็อยากไป เลยกลายเป็น "น่าน" แน่นๆ ในครั้งนี้ค่ะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
เราเคยจองกับแอร์เอเชียไปน่านครั้งหนึ่งตอนเปิดเส้นทางใหม่ แต่ก็ติดงาน
ทำให้ไม่ได้ไป และเราก็จองใหม่ด้วยโปรตั๋วลดราคา 50% วันธรรมดา ตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน รอนานแต่ก็รอไหว
ไปหน้าหนาวด้วย เราจองวันที่ 21-24 ธ.ค. 58 ขาไป 15.10 น. ขากลับ 16.45 น.
แน่นอนค่ะ ลางาน 4 วัน ถือว่าเป็นช่วงที่ดีมาก ไม่มีงานสำคัญงานด่วนเข้ามา ถ้ามีก็อดอีกตามเคย T T
เราออกเดินทางจากราชบุรี ด้วยรถตู้จากราชบุรีมาที่อนุสาวรีย์ชัยฯ (100.-) มาต่อ BTS ไปหมอชิต
เพื่อขึ้นรถแอร์บัส A1 อีกคนละ 30.- (รถจากราชบุรี-หมอชิตมีนะคะ แต่ตอนเราไปมันเพิ่งจะออก และต้องรออีกนาน)
เราเช็คอินมาแล้ว เมื่อไปถึงก็ปรินท์ตั๋วที่ตู้คีออส ที่เหลือก็ทำตามขั้นตอน ข้ามส่วนนี้ไปละกันนะคะ
เมื่อไปถึงจังหวัดน่าน เราได้ติดต่อจองรถไว้กับ โตโน่ คาร์เรนท์ มีรถรับส่งฟรีที่สนามบิน บริการดีเลิศ เจ้าของนิสัยดีมาก
มีรถให้เช่า 20 กว่าคัน มีคนเช่ารถพี่เค้าเยอะค่ะ เวลาไปเที่ยวก็เจอรถจากที่นี่ตลอด เราเช่ารถเวฟ 125 คันละ 250.-/วัน
มัดจำ 1,000.- ได้คืนตอนส่งรถกลับ แล้วพี่เขาก็ไปส่งที่สนามบินด้วย
จังหวัดน่าน เป็นเมืองเล็กๆ ถนนแคบ ไฟแดงเยอะ แต่แดงไม่นานนะ รถมอเตอร์ไซค์เหมาะมากสำหรับการเที่ยว
(จริงๆจักรยานก็โอนะ ถ้าเฉพาะในเมือง) เมื่อไปถึง สิ่งแรกที่เราทำเลยคือการเข้าที่พัก "ฟ้าเพลส"
จองผ่าน Booking ราคาก็เท่ากันแหละ คืนละ 500.- แต่จากที่เคยเที่ยวมา เวลาโทรจองล่วงหน้า
มักจะให้โอนเงิน เลยจองกะ Booking ไว้ก่อนตลอด แต่ที่นี่ไม่ได้ถามนะว่าต้องโอนมั้ย ที่นี่มี 4 ชั้น
จริงๆ คือ 5 ชั้น เพราะตรงล็อบบี้ไม่นับเป็นชั้น 1 ถ้าใครเดินขึ้น 5 ชั้นไม่ไหว พักล่างๆ นะคะ
แหะๆ ของรกไปนิดนะ ชั้น 1-2 ราคา 600.- ชั้น 3-4 ราคา 500.- ห้องพักโอเค สะอาดดี มีทีวี ตู้เย็น แอร์ (ของเราใช้ไม่ได้)
แต่ก็ไม่ได้เปิด เลยผ่านไป ห้องน้ำ ไม่มีน้ำอุ่น จี๊ดตรงนี้ ไม่รู้ว่าชั้นอื่นมีมั้ย (เราพักชั้น4) อ้อ ใกล้ที่พักมี 7-11 อยู่ไม่ไกล ประมาณ 100 เมตร
เมื่อเอาของเสร็จแล้ว จุดหมายแรกที่เราจะไป วัดพระธาตุเขาน้อย ทางขึ้นชันพอสมควร แต่ไม่ไกลมาก
มองเห็นวิวตัวเมือง มีวิหาร (รึโบสถ์หว่า) มีพระธาตุ และมีพระพุทธรูปองค์ยืนพระพักตร์มองไปทางเมืองน่าน
(ใช้คำผิดบอกด้วยนะคะ แบบว่าข้อมูลเชิงลึกไม่โอจริงๆ)
ลงมาเราก็ไป บิ๊กซี เพื่อซื้อแก๊สกระป๋อง ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด แก๊สกระป๋อง เราแบกเตาแก๊สแบบพกพาแบบในภาพ (เฉพาะเตานะ)
แล้วมาซื้อแก๊สเอาข้างหน้า เพื่อใช้ในการพักแรม ใน 2 อุทยาน ทั้ง 2 คืนต่อจากนี้ บิ๊กซีอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กม.
หาแผนที่เอาละกันเนอะ หาไม่ยาก แล้วก็มีโลตัสด้วย แต่ไม่ได้ไป
เสร็จแล้วเราก็มาเดินเที่ยวอยู่ตลาดอะไรก็ไม่รู้ ขายตอนเย็น อยู่ใกล้ๆ ตลาดตั้งจิตอนุสรณ์ ใกล้ที่พักเลยค่ะ
มื้อเย็นเราคิดว่าจะหาไรเบาๆ ทาน เพื่อจะได้ซื้อเบียร์กับขนมนิดหน่อยมานั่งทานกันที่ห้อง
มื้อเย็นของเรา โจ๊กเมืองสอง อยู่ตรงข้ามตลาดตั้งจิตอนุสรณ์เลยค่ะ โจ๊กร้อนๆ รสชาติดี มีเครื่องให้เลือกหลายอย่าง
แหะๆ ลืมถ่ายรูป ราคาเริ่มต้นที่โจ๊กเปล่า 20.- เพิ่มเครื่องอะไรก็คิดราคากันไป แล้วบังเอิญว่าวันที่ไป มีงานกาชาดจังหวัดน่านพอดี

เรากับแฟนเลยทำบุญตักไข่ไป 2 ใบ เราโชคดีได้พัดลมค่ะ แต่เอาเดินทางไปด้วย คงลำบาก เลยคืนให้กับทางผู้จัดงานไป
เอาไว้ร่วมทำบุญกันต่อไป เราซื้อของสำหรับขึ้นไปทานบนห้อง เป็นหมี่ยำสูตรเมืองน่าน กับโรตียักษ์เมืองน่าน
อะไรที่บอกว่าของน่านซื้อหมด 55555 หมี่ยำ รสชาติจืดๆ เราเคยกินแบบนี้คล้ายๆกันที่หาดใหญ่ อันนั้นอร่อยกว่า
ส่วนโรตีก็โรตีราดนมแหละ แต่แป้งบางกรอบ ก็อร่อยดี แต่ไม่ชอบที่มันติดฟันนี่แหละ

ตอนเช้าอากาศดี มีหมอกปกคลุมทั่วเมือง อากาศหนาวกำลังดี เหมาะแก่การไปเที่ยว 5555 นี่เป็นวิวจากหน้าห้อง
เรามาเดินตลาดตั้งจิตนุสรณ์ มีของขายออกแนวตลาดสด พืชผักพื้นบ้าน น่าสนใจ บางอย่างไม่เคยเห็นเลย
มื้อเช้าเราฝากท้องกันที่ร้าน ต้มเลือดหมู ใส่จูจิงฉ่าย แบบที่เชียงราย รสชาติพอใช้
อาจเพราะมีร้านเปรียบเทียบ ที่เชียงรายอร่อยกว่า 5555
อิ่มแล้ว เราตั้งใจกันว่าเช้านี้เราจะไหว้พระในเมืองกันก่อน แล้วค่อยไปที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
วัดที่เราไปเช้านี้ 1.วัดพระธาตุช้างค้ำ

2.วัดภูมินทร์

3.พิพิธภัณฑสถานจังหวัดน่าน (ตอนนี้ด้านในพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุง เปิด 17 ม.ค. 59 ถ้าเราดูไม่ผิดนะ)
4.วัดมิ่งเมือง และไหว้เสาหลักเมือง
5.วัดศรีพันต้น
6.พระธาตุแช่แห้ง
เราต้องกลับมาที่พัก เลยขับเลยข้ามแม่น้ำมาไหว้พระธาตุแช่แห้งซะเลย
เรากำหนดเวลาไว้ที่ 10.30น. ถ้าได้กี่วัดก็คือแค่นั้น แล้วค่อยมาต่อวันกลับ
ถ้าเพื่อนๆ จะเที่ยว แนะนำ วัดหัวข่วง (อยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์) วัดน้อย วัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย
(อันนี้เราลืม ได้มาดูขากลับ วัดตั้งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในพิพิธภัณฑ์ วัดสวนตาล (อออกมาทางที่พัก)
และวัดพญาวัด ( เส้นไปวัดพระธาตุเขาน้อย) วัดอยู่ใกล้ๆ กันหมด ถ้าจะไหว้พระ 9 วัด มาน่านนี่ครบแน่นอน
เผลอๆ อาจจะเกิน
ต่อไปเราก็ขับรถยาวไปถึง อ.ปัว แวะซื้อน้ำดื่ม ขนม และอาหาร ไว้ทานคืนนี้ เราพักกันที่ลานดูดาว ของ อช.ดอยภูคา
อ้อ!! ดอกชมพูภูคา จะบานช่วง มกราคม-กุมภาพันธ์ ถ้าใครสนใจจัดมานะจ๊ะ ทางขึ้นค่อนข้างโหด ทางชันยาวๆ
โค้งเยอะ ใครจะขับรถมาให้ระมัดระวังนะคะ ที่อช.นี้จะมีลานกางเตนท์คือลานดูเดือนและลานดูดาว ห่างกันประมาณ 5 กม.
ลานดูดาว จะไม่มีที่ขายอาหาร จะมีร้านค้าสวัสดิการเล็กๆ ขายกาแฟ มาม่า ของกินง่ายๆ
แต่เปิดเฉพาะตอนกลางวัน เพราะงั้นเราต้องเตรียมอาหารมาเอง ห้องน้ามีให้ ก็สะอาดเรียบร้อยตามอัตภาพ
ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ มีพื้นที่ให้ก่อกองไฟ สำหรับทำอาหาร ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนไปนะคะ
(ของเรา 270.-/2 คน พร้อมเครื่องนอน) แต่ถ้าใครเพิ่งตัดสินใจได้วันนั้น ลองติดต่อเจ้าหน้าที่ เพราะเค้าจะกางเผื่อไว้หลัง-2หลัง
ได้ที่พักแล้ว เอาของใส่เตนท์ เราก็ขับรถไปบ่อเกลือ ระหว่างทางแวะจุดสูงสุดของดอยภูคา
จุดที่ตอนเช้าน่าจะมีทะเลหมอก เราขับมาประมาณ 20 กว่า กม. ก็ถึงตัวบ่อเกลือ
ไปดูวิธีการต้มเกลือแบบโบราณ คือจะมีบ่อน้ำ ซึ่งมีรสเค็มก็เอามาต้ม ชาวบ้านบอกว่าต้มครั้งนึง 4-5 ชม.
เอาจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรนะ มาดูแค่นั้น ไกลด้วย

กลับจากบ่อเกลือ อากาศเริ่มเย็น อาจจะเพราะว่าที่นี่อยู่สูง อากาศเลยเย็น เย็นแบบเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ
มีห้องน้ำไว้บริการ มีห้องที่เป็นแก๊สทำน้ำอุ่นนะคะ แต่ว่าตอนไปไม่แน่ใจว่าแก๊สหมด หรือเครื่องเสีย ใช้ไม่ได้ค่ะ
ก็อาบกันแบบหนาวๆ เย็นๆ นั่นแหละ ส่วนอาหารเย็น เรากับแฟนเอาเตาแก๊สแบบพกพาและข้าวสารไปด้วย
และซื้อต้มจืดแบบเป็นชุดจากโลตัส อำเภอปัว แล้วก็อาหารกระป๋องนิดหน่อย ก็หุงข้าว แล้วก็ทานต้มจืด ซดน้ำร้อนๆ
แล้วก็ชงโอวัลติน ขอบอกว่า เป็นต้มจืด และโอวัลตินที่อร่อยมากกกกก เรื่องอุณหภูมิไม่แน่ใจนะคะ
น่าจะประมาณ 10 นิดๆ คืนนั้นมีเพื่อนนอนด้วยอีก 5 เตนท์ ใครอยากได้บรรยากาศ สงบ ไม่วุ่นวาย ทำอาหารทานเอง แนะนำค่ะ
คนอื่นไป "น่าน" เนิบๆ แต่เราไป "น่าน" แบบแน่นๆ
ตอนแรกนึกว่าจะเสร็จทัน ต้องขออภัยด้วยนะคะ**
สวัสดีค่ะ เรากับแฟนเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เงินเดือนน้อยเรียกง่ายๆ ก็มนุษย์เงินเดือนธรรมดานี่แหละ
แต่เราชอบไปเที่ยว ก็เที่ยวกันแบบไม่ให้ตัวเองและใครๆ ลำบาก อะไรที่พอประหยัดได้ ประหยัด
อะไรพอจ่ายได้ก็จ่าย เอาแค่ตัวเองไหว
และครั้งนี้ "น่าน" ก็คือเป้าหมายของเรา การรีวิวครั้งนี้เป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางนะคะ
ข้อมูลลึกๆอย่างอื่น หาจากกูเกิลนะคะ (กลัวให้ข้อมูลผิด อิอิ) ส่วนเรื่องรูปถ่าย หลักๆจะมาจากมือถือ
อาจสวยบ้างไม่สวยบ้าง อย่าว่ากันนะคะ เราอาจไม่ได้ถ่ายรูปมาทุกซอกทุกมุม ทุกชอต บางอย่างจะอธิบายละกันนะคะ
เราอ่านรีวิวมาพอสมควร เห็นแต่ละทริปก็จะเนิบๆ ปั่นจักรยานสโลว์ไลฟ์ ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
หาไปหามา นู่นก็น่าไป นี่ก็อยากไป เลยกลายเป็น "น่าน" แน่นๆ ในครั้งนี้ค่ะ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย
เราเคยจองกับแอร์เอเชียไปน่านครั้งหนึ่งตอนเปิดเส้นทางใหม่ แต่ก็ติดงาน
ทำให้ไม่ได้ไป และเราก็จองใหม่ด้วยโปรตั๋วลดราคา 50% วันธรรมดา ตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน รอนานแต่ก็รอไหว
ไปหน้าหนาวด้วย เราจองวันที่ 21-24 ธ.ค. 58 ขาไป 15.10 น. ขากลับ 16.45 น.
แน่นอนค่ะ ลางาน 4 วัน ถือว่าเป็นช่วงที่ดีมาก ไม่มีงานสำคัญงานด่วนเข้ามา ถ้ามีก็อดอีกตามเคย T T
เราออกเดินทางจากราชบุรี ด้วยรถตู้จากราชบุรีมาที่อนุสาวรีย์ชัยฯ (100.-) มาต่อ BTS ไปหมอชิต
เพื่อขึ้นรถแอร์บัส A1 อีกคนละ 30.- (รถจากราชบุรี-หมอชิตมีนะคะ แต่ตอนเราไปมันเพิ่งจะออก และต้องรออีกนาน)
เราเช็คอินมาแล้ว เมื่อไปถึงก็ปรินท์ตั๋วที่ตู้คีออส ที่เหลือก็ทำตามขั้นตอน ข้ามส่วนนี้ไปละกันนะคะ
เมื่อไปถึงจังหวัดน่าน เราได้ติดต่อจองรถไว้กับ โตโน่ คาร์เรนท์ มีรถรับส่งฟรีที่สนามบิน บริการดีเลิศ เจ้าของนิสัยดีมาก
มีรถให้เช่า 20 กว่าคัน มีคนเช่ารถพี่เค้าเยอะค่ะ เวลาไปเที่ยวก็เจอรถจากที่นี่ตลอด เราเช่ารถเวฟ 125 คันละ 250.-/วัน
มัดจำ 1,000.- ได้คืนตอนส่งรถกลับ แล้วพี่เขาก็ไปส่งที่สนามบินด้วย
จังหวัดน่าน เป็นเมืองเล็กๆ ถนนแคบ ไฟแดงเยอะ แต่แดงไม่นานนะ รถมอเตอร์ไซค์เหมาะมากสำหรับการเที่ยว
(จริงๆจักรยานก็โอนะ ถ้าเฉพาะในเมือง) เมื่อไปถึง สิ่งแรกที่เราทำเลยคือการเข้าที่พัก "ฟ้าเพลส"
จองผ่าน Booking ราคาก็เท่ากันแหละ คืนละ 500.- แต่จากที่เคยเที่ยวมา เวลาโทรจองล่วงหน้า
มักจะให้โอนเงิน เลยจองกะ Booking ไว้ก่อนตลอด แต่ที่นี่ไม่ได้ถามนะว่าต้องโอนมั้ย ที่นี่มี 4 ชั้น
จริงๆ คือ 5 ชั้น เพราะตรงล็อบบี้ไม่นับเป็นชั้น 1 ถ้าใครเดินขึ้น 5 ชั้นไม่ไหว พักล่างๆ นะคะ
แหะๆ ของรกไปนิดนะ ชั้น 1-2 ราคา 600.- ชั้น 3-4 ราคา 500.- ห้องพักโอเค สะอาดดี มีทีวี ตู้เย็น แอร์ (ของเราใช้ไม่ได้)
แต่ก็ไม่ได้เปิด เลยผ่านไป ห้องน้ำ ไม่มีน้ำอุ่น จี๊ดตรงนี้ ไม่รู้ว่าชั้นอื่นมีมั้ย (เราพักชั้น4) อ้อ ใกล้ที่พักมี 7-11 อยู่ไม่ไกล ประมาณ 100 เมตร
เมื่อเอาของเสร็จแล้ว จุดหมายแรกที่เราจะไป วัดพระธาตุเขาน้อย ทางขึ้นชันพอสมควร แต่ไม่ไกลมาก
มองเห็นวิวตัวเมือง มีวิหาร (รึโบสถ์หว่า) มีพระธาตุ และมีพระพุทธรูปองค์ยืนพระพักตร์มองไปทางเมืองน่าน
(ใช้คำผิดบอกด้วยนะคะ แบบว่าข้อมูลเชิงลึกไม่โอจริงๆ)
ลงมาเราก็ไป บิ๊กซี เพื่อซื้อแก๊สกระป๋อง ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด แก๊สกระป๋อง เราแบกเตาแก๊สแบบพกพาแบบในภาพ (เฉพาะเตานะ)
แล้วมาซื้อแก๊สเอาข้างหน้า เพื่อใช้ในการพักแรม ใน 2 อุทยาน ทั้ง 2 คืนต่อจากนี้ บิ๊กซีอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กม.
หาแผนที่เอาละกันเนอะ หาไม่ยาก แล้วก็มีโลตัสด้วย แต่ไม่ได้ไป
เสร็จแล้วเราก็มาเดินเที่ยวอยู่ตลาดอะไรก็ไม่รู้ ขายตอนเย็น อยู่ใกล้ๆ ตลาดตั้งจิตอนุสรณ์ ใกล้ที่พักเลยค่ะ
มื้อเย็นเราคิดว่าจะหาไรเบาๆ ทาน เพื่อจะได้ซื้อเบียร์กับขนมนิดหน่อยมานั่งทานกันที่ห้อง
มื้อเย็นของเรา โจ๊กเมืองสอง อยู่ตรงข้ามตลาดตั้งจิตอนุสรณ์เลยค่ะ โจ๊กร้อนๆ รสชาติดี มีเครื่องให้เลือกหลายอย่าง
แหะๆ ลืมถ่ายรูป ราคาเริ่มต้นที่โจ๊กเปล่า 20.- เพิ่มเครื่องอะไรก็คิดราคากันไป แล้วบังเอิญว่าวันที่ไป มีงานกาชาดจังหวัดน่านพอดี
เรากับแฟนเลยทำบุญตักไข่ไป 2 ใบ เราโชคดีได้พัดลมค่ะ แต่เอาเดินทางไปด้วย คงลำบาก เลยคืนให้กับทางผู้จัดงานไป
เอาไว้ร่วมทำบุญกันต่อไป เราซื้อของสำหรับขึ้นไปทานบนห้อง เป็นหมี่ยำสูตรเมืองน่าน กับโรตียักษ์เมืองน่าน
อะไรที่บอกว่าของน่านซื้อหมด 55555 หมี่ยำ รสชาติจืดๆ เราเคยกินแบบนี้คล้ายๆกันที่หาดใหญ่ อันนั้นอร่อยกว่า
ส่วนโรตีก็โรตีราดนมแหละ แต่แป้งบางกรอบ ก็อร่อยดี แต่ไม่ชอบที่มันติดฟันนี่แหละ
ตอนเช้าอากาศดี มีหมอกปกคลุมทั่วเมือง อากาศหนาวกำลังดี เหมาะแก่การไปเที่ยว 5555 นี่เป็นวิวจากหน้าห้อง
เรามาเดินตลาดตั้งจิตนุสรณ์ มีของขายออกแนวตลาดสด พืชผักพื้นบ้าน น่าสนใจ บางอย่างไม่เคยเห็นเลย
มื้อเช้าเราฝากท้องกันที่ร้าน ต้มเลือดหมู ใส่จูจิงฉ่าย แบบที่เชียงราย รสชาติพอใช้
อาจเพราะมีร้านเปรียบเทียบ ที่เชียงรายอร่อยกว่า 5555
อิ่มแล้ว เราตั้งใจกันว่าเช้านี้เราจะไหว้พระในเมืองกันก่อน แล้วค่อยไปที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
วัดที่เราไปเช้านี้ 1.วัดพระธาตุช้างค้ำ
2.วัดภูมินทร์
3.พิพิธภัณฑสถานจังหวัดน่าน (ตอนนี้ด้านในพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุง เปิด 17 ม.ค. 59 ถ้าเราดูไม่ผิดนะ)
4.วัดมิ่งเมือง และไหว้เสาหลักเมือง
5.วัดศรีพันต้น
6.พระธาตุแช่แห้ง
เราต้องกลับมาที่พัก เลยขับเลยข้ามแม่น้ำมาไหว้พระธาตุแช่แห้งซะเลย
เรากำหนดเวลาไว้ที่ 10.30น. ถ้าได้กี่วัดก็คือแค่นั้น แล้วค่อยมาต่อวันกลับ
ถ้าเพื่อนๆ จะเที่ยว แนะนำ วัดหัวข่วง (อยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์) วัดน้อย วัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย
(อันนี้เราลืม ได้มาดูขากลับ วัดตั้งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในพิพิธภัณฑ์ วัดสวนตาล (อออกมาทางที่พัก)
และวัดพญาวัด ( เส้นไปวัดพระธาตุเขาน้อย) วัดอยู่ใกล้ๆ กันหมด ถ้าจะไหว้พระ 9 วัด มาน่านนี่ครบแน่นอน
เผลอๆ อาจจะเกิน
ต่อไปเราก็ขับรถยาวไปถึง อ.ปัว แวะซื้อน้ำดื่ม ขนม และอาหาร ไว้ทานคืนนี้ เราพักกันที่ลานดูดาว ของ อช.ดอยภูคา
อ้อ!! ดอกชมพูภูคา จะบานช่วง มกราคม-กุมภาพันธ์ ถ้าใครสนใจจัดมานะจ๊ะ ทางขึ้นค่อนข้างโหด ทางชันยาวๆ
โค้งเยอะ ใครจะขับรถมาให้ระมัดระวังนะคะ ที่อช.นี้จะมีลานกางเตนท์คือลานดูเดือนและลานดูดาว ห่างกันประมาณ 5 กม.
ลานดูดาว จะไม่มีที่ขายอาหาร จะมีร้านค้าสวัสดิการเล็กๆ ขายกาแฟ มาม่า ของกินง่ายๆ
แต่เปิดเฉพาะตอนกลางวัน เพราะงั้นเราต้องเตรียมอาหารมาเอง ห้องน้ามีให้ ก็สะอาดเรียบร้อยตามอัตภาพ
ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ มีพื้นที่ให้ก่อกองไฟ สำหรับทำอาหาร ต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนไปนะคะ
(ของเรา 270.-/2 คน พร้อมเครื่องนอน) แต่ถ้าใครเพิ่งตัดสินใจได้วันนั้น ลองติดต่อเจ้าหน้าที่ เพราะเค้าจะกางเผื่อไว้หลัง-2หลัง
ได้ที่พักแล้ว เอาของใส่เตนท์ เราก็ขับรถไปบ่อเกลือ ระหว่างทางแวะจุดสูงสุดของดอยภูคา
จุดที่ตอนเช้าน่าจะมีทะเลหมอก เราขับมาประมาณ 20 กว่า กม. ก็ถึงตัวบ่อเกลือ
ไปดูวิธีการต้มเกลือแบบโบราณ คือจะมีบ่อน้ำ ซึ่งมีรสเค็มก็เอามาต้ม ชาวบ้านบอกว่าต้มครั้งนึง 4-5 ชม.
เอาจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรนะ มาดูแค่นั้น ไกลด้วย
กลับจากบ่อเกลือ อากาศเริ่มเย็น อาจจะเพราะว่าที่นี่อยู่สูง อากาศเลยเย็น เย็นแบบเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ
มีห้องน้ำไว้บริการ มีห้องที่เป็นแก๊สทำน้ำอุ่นนะคะ แต่ว่าตอนไปไม่แน่ใจว่าแก๊สหมด หรือเครื่องเสีย ใช้ไม่ได้ค่ะ
ก็อาบกันแบบหนาวๆ เย็นๆ นั่นแหละ ส่วนอาหารเย็น เรากับแฟนเอาเตาแก๊สแบบพกพาและข้าวสารไปด้วย
และซื้อต้มจืดแบบเป็นชุดจากโลตัส อำเภอปัว แล้วก็อาหารกระป๋องนิดหน่อย ก็หุงข้าว แล้วก็ทานต้มจืด ซดน้ำร้อนๆ
แล้วก็ชงโอวัลติน ขอบอกว่า เป็นต้มจืด และโอวัลตินที่อร่อยมากกกกก เรื่องอุณหภูมิไม่แน่ใจนะคะ
น่าจะประมาณ 10 นิดๆ คืนนั้นมีเพื่อนนอนด้วยอีก 5 เตนท์ ใครอยากได้บรรยากาศ สงบ ไม่วุ่นวาย ทำอาหารทานเอง แนะนำค่ะ