เด็กชายผู้หลงใหลในความขัดแย้งของ "กาแฟ"

สวัสดีครับ...คำขึ้นต้นแบบบ้านๆ แต่ใช้กันมาเป็นร้อยๆปีแล้ว ก็ยังใช้ได้ดีอยู่

เริ่มกันเลยแล้วกัน ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ดื่มกาแฟครั้งแรกแล้วเป็นแบบผมคือ "ขมจะตาย ดื่มเข้าไปได้ไง?"

หลังจากครั้งแรกนั้น ผมก็ไม่เคยคิดจะแตะกาแฟอีกเลย จนเวลาผ่านมา 10ปี ผมได้มีโอกาสได้ไปที่ จ.เชียงราย

และได้มีโอกาสลอง "กาแฟดอยตุง" ซึ่งได้ยินมาว่าเป็นสินค้า gi thailand ที่ขึ้นทะเบียนของดีแต่ละจังหวัด เป็นโครงการที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์

ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจกับชื่อเสียงของมันมากนัก แต่พอได้ลองมันทำให้ผมถึงกับอึ้ง!

จากคนที่เคยดื่มกาแฟแล้วใจเต้นแรง ขม และไม่ชอบกาแฟเลย

แต่กาแฟของดอยตุงนั้นละมุนผิดคาดเลยครับ! กลิ่มหอม กับ ความขมละมุน ซึ่งมันไม่น่าจะเข้ากันสักนิด กลับกลายเป็นความน่าหลงใหล

ดื่มครั้งแรก รสชาติกาแฟแตะปลายลิ้นจะรู้สึกเปรี้ยวนิดๆ แต่พอผ่านช่วงกลางของลิ้นกลับมีรสชาติขมหน่อยๆ แต่พอกลืนเข้าไปผมกลับรู้สึกหวาน

และกลิ่นที่ตีกลับออกมาขึ้นจมูกนั้น หอมจริงๆ เป็นการดื่มกาแฟ(จริงๆ) ครั้งแรกที่รู้สึกว่าอยากจะดื่มอีกจริงๆครับ

หลังจากกลับมากรุงเทพ ผมก็เริ่มศึกษาเรื่องกาแฟมากขึ้นๆ จนรู้ประวัติความเป็นมาของกาแฟบ้าง

และนั่นเป็นนจุดเริ่มต้นที่ผมตระเวนดื่มกาแฟของหลายๆชาติ หลายๆพันธุ์ แต่ก็ไม่รู้สึกอิ่มเอมกับกาแฟได้เท่ากับของ ดอยตุง เลย

ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่า

"บางครั้ง กาแฟที่ดีที่สุด หรือรสชาติที่ดีที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอ หรือตำนานของกาแฟดังๆ แต่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเรา กับกาแฟที่ใช่"

"และบางครั้ง กาแฟที่ใช่ที่สุดสำหรับเรา ก็อยู่ที่บ้านเรานี่เอง"

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมต้องมีกาแฟดอยตุงติดตัวไปตลอดเลยล่ะครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่