ทศกัณฐ์หลงกรุง ลุงไม่เล่าให้หลานฟัง

กระทู้สนทนา

เมื่อตอนที่ผมยังเด็ก พ่อจะชอบเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "รามเกียรติ์" ในตอนศึกทรพี-ทรพา ซึ่งผมได้ก๊อปบทความที่คุณสมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วง........ได้เขียนไว้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/40976 มาให้ได้อ่านกันนะครับ

เรื่องเดิมมีอยู่ว่า มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า "นนทกาล" มีหน้าที่เฝ้ากำแพงประตูชั้นในรับใช้พระอิศวร

  วันหนึ่งเกิดไปตกหลุมรักนางอัปสร ชื่อว่า "มาลี" แต่ทว่าเธอไม่ยอมเล่นด้วย แถมยังไปฟ้องพระอิศวร

   พระอิศวรจึงสาปให้นนทกาลไปเกิดเป็นกระบือเผือก ชื่อ "ทรพา" และจะพ้นคำสาปกลับมาทำหน้าที่เดิม เมื่อมีลูกชายชื่อ "ทรพี"  ซึ่งจะเกิดมาเพื่อฆ่าพ่อตัวเอง

   นนทกาลไปเกิดเป็นกระบือชื่อ "ทรพา" ตามคำสาปของพระอิศวร เมื่อโตขึ้นก็ได้เป็นจ่าฝูง คอยควบคุมกระบือสาวๆ

   เมื่อมีลูกตัวผู้ ทรพาซึ่งจำคำสาปได้ ก็จะขวิดลูกตัวผู้ให้ตายทุกตัว

   และแล้ว ทรพา ก็ได้พบรักกับนางสาวกระบือชื่อว่า "นีลา" จนนีลาตั้งท้องใกล้จะตกลูก นางกลัวว่าถ้าลูกเกิดมาเป็นตัวผู้ก็จะถูกพ่อฆ่าตายอีก

   นางจึงหนีไปอยู่ในถ้ำสุรกานต์ และตกลูกมา 1 ตัว เป็นเพศผู้ มีชื่อว่า "ทรพี" (ใครตั้งชื่อให้ก็ลืมไปเสียแล้ว) แล้วนางก็อธิษฐานฝากเทพารักษ์ในถ้ำ ให้ช่วยเลี้ยงดูให้ด้วย (เทพารักษ์ก็แสนดี ช่วยดูแลรักษาโดยสิงสถิตยที่เขาทั้งสองข้างและขาทั้งสี่) เนื่องจากกลัวว่าถ้าทรพาทราบจะจับฆ่าเสีย เพราะว่าลูกตัวผู้ก่อนหน้านี้ทุกตัวถูกทรพาฆ่าตายหมด

   เมื่อทรพีเติบใหญ่ก็ออกเดินทางตามหารอยเท้าพ่อ เมื่อพบก็จะคอยวัด(ขนาด)รอยเท้าอยู่เสมอ จนวันหนึ่งพบรอยเท้ามีขนาดใหญ่เท่ากันแล้ว จึงได้ตามหาทรพา และได้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

   ทรพากระบือแก่หรือจะสู้แรงกระบือหนุ่มทรพีได้ ทรพีจึงขวิตทรพาตาย สมตังคำสาปของพระอิศวร

    เมื่อทรพีฆ่าทรพาตายแล้ว ก็ได้ควบคุมฝูงกระบือต่อไป และทำให้ทรพีมีความเหิมเกริมเป็นอย่างมาก เที่ยวท้าเจ้าป่าเจ้าเขา และเทวดาทั้งหลายสู้รบ เหล่าเทวดาจึงบอกให้ไปท้าพระอิศวรที่เขาไกรลาส

    พระอิศวรทรงพระพิโรธ ตรัสบริภาษแล้วบอกให้ไปท้ารบกับพญาพาลีผู้ครองนครขีดขิน และสาปว่าให้ทรพีตายด้วยน้ำมือของพญาวานร (เมื่อตายแล้วให้ไปเกิดเป็นมังกรกัณฐ์ โอรสพญาขรผู้เป็นน้องของทศกัณฐ์ และให้ตายด้วยศรของพระราม)

    ทรพีบุกเข้าถึงหน้าพระลานท้าพาลีรบ พาลีสู้รบกับทรพีตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ จึงคิดว่าหากรบกันในที่โล่งคงยากที่จะเอาชนะได้ จึงออกอุบายให้ไปสู้รบกันที่ถ้ำสุรกานต์ ถ้าใครแพ้จะได้ไม่อายแก่เทวดา

     พาลีกลับเข้าเมืองสั่งเสียสุครีพน้องชายว่า “ถ้าภายใน 7 วัน พี่ยังไม่ออกมาจากถ้ำให้เจ้ารีบตามเข้าไปดู  หากเห็นเลือดใสๆ ไหลออกมาแสดงว่าเป็นเลือดของพี่ ให้เจ้าปิดปากถ้ำขังเจ้าทรพีทันที แต่ถ้าเลือดเป็นสีข้น แสดงว่าทรพีถูกพี่ฆ่าตายเรียบร้อยแล้ว”

    พาลีสู้กับทรพีอยู่ 7 วันก็ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ คิดว่าควายตัวนี้น่าจะมีเทวดาคอยช่วย จึงออกอุบายถามทรพีว่า “เอ็งมีเทวดาคอยคุ้มครองอยู่หรืออย่างไร ถึงได้มีอิทธิฤทธิ์มากมายนัก”

   ทรพีตะโกนกลับอย่างลำพองว่า “เปล่าหรอก กูเก่งเอง”

   พาลีตวาดว่า “อ้ายเนรคุณ พวกเหล่าเทวดาท่านได้ยินแล้วใช่ไหมว่าทรพีมันไม่ได้สำนึกในบุญคุณของท่านเลย ขอพวกท่านได้โปรดอย่าคุ้มครองมันอีกต่อไปเลย”

   เหล่าเทพารักษ์ที่สิงอยู่ที่เขาและขาทั้งสี่ จึงพากันเลิกคุ้มครองทรพี

   เมื่อทรพีปราศจากผู้คุ้มครอง ก็ถูกพาลีฆ่าตายอย่างง่ายดาย เหล่าเทวดาบนสวรรค์พากันดีใจ ประทานให้ฝนตกลงมาเพื่ออวยพรให้พาลี เมื่อน้ำฝนปะปนไปกับเลือดสีแดงข้นของทรพี ก็ทำให้สีจางลงจนกลายเป็นเลือดใสไหลออกมาที่ปากถ้ำ

   ฝ่ายสุครีพเมื่อครบ 7 วันแล้ว ก็ไปดูลำธารหน้าปากถ้ำ เห็นเลือดใสก็โศกเศร้าเสียใจ คิดว่าพาลีพลาดท่าเสียทีทรพีเสียแล้ว จึงรีบปิดปากถ้ำอย่างหนาแน่นแล้วมุ่งหน้ากลับนครขีดขิน

   ฝ่ายพาลีเมื่อฆ่าทรพีเสร็จจึงเดินออกมายังปากถ้ำ ก็พบว่าถ้ำปิดแน่นหนาจึงคิดไปว่าสุครีพน้องชายทรยศ    จึงรีบทลายปากถ้ำแล้วไล่ตามสุครีพไปจนทัน ดุด่าสุครีพน้องชายว่าเป็นคนทรยศ พร้อมกับบริภาษขับไล่สุครีพออกจากเมืองไป

   สุครีพเสียใจมากที่พี่ชายไม่ยอมรับฟังคำอธิบายของตน และก็นึกน้อยใจ ที่พี่ชายไม่นึกถึงความหลัง ในคราวที่พาลีขโมยนางดาราไปเป็นเมีย ตนก็ยังมิเคยปริปากต่อว่า

   สุครีพออกจากเมืองขีดขิน ระหว่างทาง สุครีพได้พบกับหนุมาน (ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน) จึงมีการปรับทุกข์กัน หนุมานได้ชวนให้สุครีพอยู่ด้วยกันเพื่อรอพบนารายณ์อวตาร.....จบบริบูรณ์(ขอบคุณบทความของคุณคุณสมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) อีกครั้งครับ)

***นั่นคือตอนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ที่ผมได้ฟังตอนเด็กๆ แต่เมื่อผมโตมา เรื่องราวของรามเกียรติ์มันได้ค่อยๆหายไปตามกาลเวลาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่ เด็กรุ่นใหม่ๆก็เลยไม่ค่อยสนใจที่จะอ่านหรือดูโขนรามเกียรติ์อีกต่อไปเพราะมันสนุกสู้เกมส์ออนไลน์และการเล่นโซเชี่ยลไม่ได้ ดังนั้นผมเชื่อว่าคนที่จะช่วยให้ศิลปะวัฒนธรรมดีๆเหล่านี้จะยังคงอยู่ได้ก็คือพวก ลุงๆอย่างเรานี่แหละครับ ช่วยๆกันถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับเด็กๆลูกๆหลานๆของเรา เขาจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการเล่นเกมส์ออนไลน์หรือว่าอัพโซเชี่ยลแคมไปวันๆ(ผมก็พยายามลดๆอยู่) เพราะถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน วันหนึ่ง "ทศกัณฐ์จะหลงกรุง เพราะลุงๆไม่ยอมเล่าให้หลานฟัง"


























***ขอขอบคุณนายแบบทศกัณฐ์ น้องดรีม นราเศรษฐ์ จากสถาบัณฑิตพัฒนศิลป์ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่