จากประสบการณ์ ลองผิดลองถูก ค้นหา " ฐานคิด " ของกลุ่มคนที่สร้างความเกลียดชัง หรือข้อพิพาทษ์อย่างไม่จบไม่สิ้น ในบอร์ดการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพันทิบ หรือบอร์ดลัทธิทางการเมืองในกลุ่มเสื้อสีต่างๆ ทุกๆบอร์ด ผมได้ข้อสรุปแล้ว
ในกรณีศึกษาทางรัฐศาสตร์นี้ เป็นผลสรุปจากหลายๆมิติ ของสังคม ทั้งเทคโนโลยีโซเชียลเนตเวริก ทั้งทฤษฎีเกม ทั้งกลไกทางธุรกิจ และปรัชญาทางการปกครอง
ทำให้เราสรุปได้แล้ว ว่า ภายใต้ รัฐ , อานาเขต หรือกรอบใดกรอบหนึ่ง จะมีเทคนิคการปกครอง ด้วยหลักจิตวิทยา อย่างง่ายๆ
อนึ่ง เวปบอร์ด หรือเวปเพจที่ใช้ แชท หรือพูดคุยตอบโต้กันได้ต่างๆ ก็ถูกจัดอานาเขตแห่งการปกครองให้อยู่ในเพียงพื้นที่ของแต่ละรัฐด้วย มันไม่ได้เป็นโลกาภิวัตน์อย่างที่หลักการทางสากลว่าไว้แต่อย่างไร
ในหนึ่งกระทู้ หรือหนึ่งประเด็นที่เป็นทั้งคำถาม หรือเพียงการแสดงความคิดเห็น จะถูกตีความ อย่างแม่นยำ จากกลุ่มคนที่มีหน้าที่ควบคุมทิศทางแนวคิดของประชากร แล้วสะท้อนออกมาในรูปแบบของ " นักรับจ้างโพส " หรือกลุ่มที่ฝักใฝ่ทฤษฎีสมคบคิด เรียกว่า " ผู้ดูแลความมั่นคง "
ไม่มีการยืนยัน อย่างชัดเจน ว่า ใครคือ คนกลุ่มนี้ แต่จากหลัก " ตรรกะศาสตร์ " ที่คนกลุ่มนี้ใช้อยู่เป็นิจ จะสังเกตุได้ว่ามีอยู่อยู่อาชีพนึง ที่ใช้อย่างถนัด นั่นคือ ผู้ที่เรียนกฎหมาย หรือทนายความ จะอยู่ใกล้กับความจริงที่กล่าวถึงที่สุด
เวปบอร์ดทางการเมือง ถูกสร้างขึ้นเพื่อ ให้เกิดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และมันเป็นหลักการเบื่องต้น ที่คนจะดำรงอยู่ในสังคมทุกประเภท จะมีสิทธิ์ แสดงความคิดเห็น ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและอิสระ ภายใต้หลักการทางรัฐปะศาสนศาสตร์ ที่จะต้องมีสิ่งที่รัฐส่งออกสู่สังคม และรัฐต้องได้รับข้อมูลย้อนกลับที่เรียกว่า ฟีดแบ๊ค
แต่ในความเป็นจริง มันถูกควบคุม จากสิ่งที่เราเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่า " นักรับจ้างโพส "
เหตุผลจะกระดะไปกระดะมา อย่างไม่มีทางออก ด้วยหลักตรรกะทางภาษา และหลักจิตวิทยา ของกฎแรงดึงดูดที่ว่าด้วยเรื่อง ธรรมชาติของจิต และมันไม่เคยออกไปสู่เหตุผลใหม่ๆ และสุดท้าย ในบอร์ดต่างๆ จะไม่มีประชาชนตาดำๆ มาให้ข้อมูลย้อนกลับต่อรัฐหรือต่อใครทั้งสิ้น หากแต่จะเหลือเพียงแค่ นักรับจ้างโพส ที่โต้ตอบ สร้างภาพและสถานการณ์ที่เหมือนเป็น " พลวัตน์ " แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนเลย เท่านั้นเอง.
เจาะทะลวง ความลับของสมาพันธ์แห่งดวงดาว ถึงอานานิคมของจักรวรรดิ์
ในกรณีศึกษาทางรัฐศาสตร์นี้ เป็นผลสรุปจากหลายๆมิติ ของสังคม ทั้งเทคโนโลยีโซเชียลเนตเวริก ทั้งทฤษฎีเกม ทั้งกลไกทางธุรกิจ และปรัชญาทางการปกครอง
ทำให้เราสรุปได้แล้ว ว่า ภายใต้ รัฐ , อานาเขต หรือกรอบใดกรอบหนึ่ง จะมีเทคนิคการปกครอง ด้วยหลักจิตวิทยา อย่างง่ายๆ
อนึ่ง เวปบอร์ด หรือเวปเพจที่ใช้ แชท หรือพูดคุยตอบโต้กันได้ต่างๆ ก็ถูกจัดอานาเขตแห่งการปกครองให้อยู่ในเพียงพื้นที่ของแต่ละรัฐด้วย มันไม่ได้เป็นโลกาภิวัตน์อย่างที่หลักการทางสากลว่าไว้แต่อย่างไร
ในหนึ่งกระทู้ หรือหนึ่งประเด็นที่เป็นทั้งคำถาม หรือเพียงการแสดงความคิดเห็น จะถูกตีความ อย่างแม่นยำ จากกลุ่มคนที่มีหน้าที่ควบคุมทิศทางแนวคิดของประชากร แล้วสะท้อนออกมาในรูปแบบของ " นักรับจ้างโพส " หรือกลุ่มที่ฝักใฝ่ทฤษฎีสมคบคิด เรียกว่า " ผู้ดูแลความมั่นคง "
ไม่มีการยืนยัน อย่างชัดเจน ว่า ใครคือ คนกลุ่มนี้ แต่จากหลัก " ตรรกะศาสตร์ " ที่คนกลุ่มนี้ใช้อยู่เป็นิจ จะสังเกตุได้ว่ามีอยู่อยู่อาชีพนึง ที่ใช้อย่างถนัด นั่นคือ ผู้ที่เรียนกฎหมาย หรือทนายความ จะอยู่ใกล้กับความจริงที่กล่าวถึงที่สุด
เวปบอร์ดทางการเมือง ถูกสร้างขึ้นเพื่อ ให้เกิดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และมันเป็นหลักการเบื่องต้น ที่คนจะดำรงอยู่ในสังคมทุกประเภท จะมีสิทธิ์ แสดงความคิดเห็น ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและอิสระ ภายใต้หลักการทางรัฐปะศาสนศาสตร์ ที่จะต้องมีสิ่งที่รัฐส่งออกสู่สังคม และรัฐต้องได้รับข้อมูลย้อนกลับที่เรียกว่า ฟีดแบ๊ค
แต่ในความเป็นจริง มันถูกควบคุม จากสิ่งที่เราเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่า " นักรับจ้างโพส "
เหตุผลจะกระดะไปกระดะมา อย่างไม่มีทางออก ด้วยหลักตรรกะทางภาษา และหลักจิตวิทยา ของกฎแรงดึงดูดที่ว่าด้วยเรื่อง ธรรมชาติของจิต และมันไม่เคยออกไปสู่เหตุผลใหม่ๆ และสุดท้าย ในบอร์ดต่างๆ จะไม่มีประชาชนตาดำๆ มาให้ข้อมูลย้อนกลับต่อรัฐหรือต่อใครทั้งสิ้น หากแต่จะเหลือเพียงแค่ นักรับจ้างโพส ที่โต้ตอบ สร้างภาพและสถานการณ์ที่เหมือนเป็น " พลวัตน์ " แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนเลย เท่านั้นเอง.