กราบสวัสดีชาวPantipครับ ผมขออนุญาตเรียนปรึกษาทุกท่านที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูธุรกิจครับ
ขอเล่าสถานการณ์ทีละเรื่องนะครับ
1. ที่บ้านผม ทำธุรกิจเกี่ยวกับงานก่อสร้างและขายเครื่องจักรเฉพาะทาง(ขอไม่ระบุประเภทละกันครับ) เคยล้มหนักสมัยปี 40 มีหนี้ทั้งในและนอกระบบหลายร้อยล้านครับ คุณพ่อก็สู้ต่อมาเรื่อยๆ ประคับประคอง หมุนเงินเป็นกิจวัตรมาตลอด ยอดขายของบริษัทเฉลี่ยปีละ 60-80m ดูเหมือนเยอะนะครับ แต่ธุรกิจประเภทนี้ ขึ้นชื่อว่าเงินจม ออเดอร์ลูกค้าเยอะจริงครับ แต่เราใช้เงินหมุนตลอด ทั้งเสียดอกเยอะ ได้โน่นมาโป๊ะนี่ ทีละเล็กละน้อย ลูกค้าจ่ายเงินช้า เราส่งของช้าบ้าง ทำให้ตึงตลอดเวลาครับ Assetของบริษัท มีแต่เครื่องจักรครับ ที่เช่าเค้าหมด รถติดไฟแนนซ์ ส่วนบ้าน หลุดออกมาจากเจ้าหนี้นอกระบบเเล้ว
ธุรกิจมีกำไร แต่ขาดสภาพคล่องตลอดเวลา เพราะขายของชิ้นใหญ่ เงินจมครับ ปัจจุบันเป็นบริษัทใหม่ ดำเนินงานมา 4 ปีแล้วในชื่อผมเป็นกรรมการ(เพราะคุณพ่อติดสภาพล้มละลาย) ธุรกิจมีกำไรตลอด 4 ปี(แต่เงินไปใช้หนี้เค้าซะเกือบหมด) เงินสดแทบไม่มีครับ มีก็โดนดึงไปหมดอย่างไว
2. ผม อายุ 25 ครับ จบสายบัญชี-บริหาร มา ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจของตัวเองมาตั้งแต่สมัยเรียนปี1 นึกสนุกทำธุรกิจเล็กๆน้อย จนขยายไปได้ 4 5 สาขา คุณพ่อก็ขอให้เราออกมาช่วยตลอดแต่ผมก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานก่อสร้างหรือเครื่องจักรเลย แต่สุดท้ายผมต้องขายธุรกิจออกไปและเอาเงินส่วนตัวรวมราวๆ 6 ล้าน เพื่อเอาบ้านออกมาจากเจ้าหนี้นอกระบบก่อนจะถูกยึด และเอาโฉนดเข้าตู้เซฟ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่แตะต้องโฉนดชุดนี้ และจะไม่เอาไปทำธุรกรรมการเงินใดๆทั้งสิ้น เป็นที่มาของการกลับมาช่วยดูแลธุรกิจที่บ้านครับ ปจบ.เข้ามาดูได้ 5 เดือนเเล้ว มึนกับการหมุนเงินมาก เพราะในอดีตเราทำธุรกิจที่สภาพคล่องดีมากมาตลอด ก่อนหน้านี้ผมยุ่งกับงานขาย จนมาfind outจริงๆว่าปัญหาไม่ใช่ขายของไม่ได้ แต่เป็นเพราะแทบไม่มีเงินสดเลย
3. ผมเอาบช.รายรับ - กระแสเงินสดจากการดำเนินงานย้อนหลังมาดู พบว่าช่วงปี 51-55 เรามีสภาพคล่องที่ค่อนข้างดีผิดปกติ จึงได้ประชุมพนักงาน และพบว่า แต่ก่อน ที่บริษัทจะมี business unit ย่อย 2 อย่าง คือ ผลิตเครื่องจักรเฉพะทางขาย กับ B(ขออนุญาตสมมุติชื่อครับ) โดยปัจจุบันทำแต่ผลิตเครื่องจักรเฉพะทางขาย ในขณะที่ B เป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบเฉพาะทางสำหรับใช้ในงานรับเหมา โดยมีผู้รับเหมารายใหญ่และย่อยมาซื้อตลอดเวลาเป็น"เงินสด" กำไรไม่มาก แต่มีเงินสดเข้ามาเฉลี่ยวันละ 100,000+- ในขณะที่เราได้เครดิตจากsupplier
4. ธุรกิจ B ชะงักลงไปตอนปี 55 เพราะน้ำท่วม ตัวโรงผลิตและเครื่องจักรมูลค่ารวมประมาณ 20m แต่มันส่วนหนึ่งถูกน้ำท่วมไป ทำให้ต้องหยุดงานลง และเงินสดไหลออกไม่หยุดหลังจากนั้น ต้องใช้เงินสดประมาณ 6 ล้านบาทลงทุนในการซ่อมแซมและreconditionขึ้นมาใหม่(ผมประเมินเกินๆไปเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจต้องลงซัก 10mแต่เราสร้างเองซ่อมเองได้ แต่ต้องอาศัยเครื่องจักรหลักๆตัวใหม่ๆจากต่างประเทศครับ) ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการซ่อมแซม(ลองนึกภาพตามว่ามันเป็นLEGOละกันครับ ส่วนฐานเสีย ส่วนบนยังดีอยู่) แต่เราไม่สามารถมาทำต่อได้ เพราะไม่มี"เงินเย็น"เสียที พอจะกันมาทำอะไรซักอย่าง ก็จะถูกดึงเงินไปทำเรื่องที่ urgentกว่า เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ
5. หลังจากการปรึกษากับพนง.และคุณพ่อ ผมเชื่อว่าถ้ามีไอ B เนี่ย จะดีกว่านี้มากจะคล่องกว่านี้มาก แต่ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมา 5 6 ล้าน เพราะทุกวันนี้ก็หมุนหน้ามืดอยู่เเล้ว คุณพ่อทำสายoperationอย่างเดียว อ่อนแอเรื่องการเงินและบัญชีอย่างรุนแรง เลยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไร แต่แกขายของเก่งมาก ทั้งบริษัทไม่มีเซลส์ซักคน แกขายคนเดียว ปีที่เเล้ว ยอดขาย 120m ผมเลยตั้งใจว่า จะฟื้นไอ B ตัวนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยพึ่งพาสถาบันทางการเงินเป็นหลักครับ เพราะเราไม่ได้ยุ่งกับแบงก์มานานมากเเล้วตั้งแต่พ่อเป็น NPL โดยมีเงื่อนไขว่า ผมจะไม่เอา บ้าน ที่ผมเพิ่งเอาออกมาจากนอกระบบ กลับเข้าไปเป็นหลักประกันโดยเด็ดขาดครับ โดยตั้งใจไว้ว่า หากได้เงินมา ก็จะกันแยกออกไป ไม่ให้เงินถูกดึงออกไปใช้ในactivityอื่นเลยครับ
6. ผมมีเงินสดส่วนตัวประมาณ 2m อาจจะช่วยลดจำนวนเงินกู้ก้อนนี้ได้ ผมควรบริหารจัดการอย่างไรดีครับ
รบกวนผู้มีความรู้หรือประสบการณ์ช่วยแนะนำช่องทางการเจรจากับสถาบันทางการเงินหน่อยครับ ว่าผมควรทำอย่างไรในการเข้าถึงเงินทุนก้อนนี้ หรือมีวิธีในการระดมทุนอื่นๆแนะนำมั้ยครับ
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำครับ
อยากฟื้นธุรกิจที่บ้าน ปรึกษาผู้มีประสบการณ์ครับ
ขอเล่าสถานการณ์ทีละเรื่องนะครับ
1. ที่บ้านผม ทำธุรกิจเกี่ยวกับงานก่อสร้างและขายเครื่องจักรเฉพาะทาง(ขอไม่ระบุประเภทละกันครับ) เคยล้มหนักสมัยปี 40 มีหนี้ทั้งในและนอกระบบหลายร้อยล้านครับ คุณพ่อก็สู้ต่อมาเรื่อยๆ ประคับประคอง หมุนเงินเป็นกิจวัตรมาตลอด ยอดขายของบริษัทเฉลี่ยปีละ 60-80m ดูเหมือนเยอะนะครับ แต่ธุรกิจประเภทนี้ ขึ้นชื่อว่าเงินจม ออเดอร์ลูกค้าเยอะจริงครับ แต่เราใช้เงินหมุนตลอด ทั้งเสียดอกเยอะ ได้โน่นมาโป๊ะนี่ ทีละเล็กละน้อย ลูกค้าจ่ายเงินช้า เราส่งของช้าบ้าง ทำให้ตึงตลอดเวลาครับ Assetของบริษัท มีแต่เครื่องจักรครับ ที่เช่าเค้าหมด รถติดไฟแนนซ์ ส่วนบ้าน หลุดออกมาจากเจ้าหนี้นอกระบบเเล้ว
ธุรกิจมีกำไร แต่ขาดสภาพคล่องตลอดเวลา เพราะขายของชิ้นใหญ่ เงินจมครับ ปัจจุบันเป็นบริษัทใหม่ ดำเนินงานมา 4 ปีแล้วในชื่อผมเป็นกรรมการ(เพราะคุณพ่อติดสภาพล้มละลาย) ธุรกิจมีกำไรตลอด 4 ปี(แต่เงินไปใช้หนี้เค้าซะเกือบหมด) เงินสดแทบไม่มีครับ มีก็โดนดึงไปหมดอย่างไว
2. ผม อายุ 25 ครับ จบสายบัญชี-บริหาร มา ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจของตัวเองมาตั้งแต่สมัยเรียนปี1 นึกสนุกทำธุรกิจเล็กๆน้อย จนขยายไปได้ 4 5 สาขา คุณพ่อก็ขอให้เราออกมาช่วยตลอดแต่ผมก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานก่อสร้างหรือเครื่องจักรเลย แต่สุดท้ายผมต้องขายธุรกิจออกไปและเอาเงินส่วนตัวรวมราวๆ 6 ล้าน เพื่อเอาบ้านออกมาจากเจ้าหนี้นอกระบบก่อนจะถูกยึด และเอาโฉนดเข้าตู้เซฟ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่แตะต้องโฉนดชุดนี้ และจะไม่เอาไปทำธุรกรรมการเงินใดๆทั้งสิ้น เป็นที่มาของการกลับมาช่วยดูแลธุรกิจที่บ้านครับ ปจบ.เข้ามาดูได้ 5 เดือนเเล้ว มึนกับการหมุนเงินมาก เพราะในอดีตเราทำธุรกิจที่สภาพคล่องดีมากมาตลอด ก่อนหน้านี้ผมยุ่งกับงานขาย จนมาfind outจริงๆว่าปัญหาไม่ใช่ขายของไม่ได้ แต่เป็นเพราะแทบไม่มีเงินสดเลย
3. ผมเอาบช.รายรับ - กระแสเงินสดจากการดำเนินงานย้อนหลังมาดู พบว่าช่วงปี 51-55 เรามีสภาพคล่องที่ค่อนข้างดีผิดปกติ จึงได้ประชุมพนักงาน และพบว่า แต่ก่อน ที่บริษัทจะมี business unit ย่อย 2 อย่าง คือ ผลิตเครื่องจักรเฉพะทางขาย กับ B(ขออนุญาตสมมุติชื่อครับ) โดยปัจจุบันทำแต่ผลิตเครื่องจักรเฉพะทางขาย ในขณะที่ B เป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบเฉพาะทางสำหรับใช้ในงานรับเหมา โดยมีผู้รับเหมารายใหญ่และย่อยมาซื้อตลอดเวลาเป็น"เงินสด" กำไรไม่มาก แต่มีเงินสดเข้ามาเฉลี่ยวันละ 100,000+- ในขณะที่เราได้เครดิตจากsupplier
4. ธุรกิจ B ชะงักลงไปตอนปี 55 เพราะน้ำท่วม ตัวโรงผลิตและเครื่องจักรมูลค่ารวมประมาณ 20m แต่มันส่วนหนึ่งถูกน้ำท่วมไป ทำให้ต้องหยุดงานลง และเงินสดไหลออกไม่หยุดหลังจากนั้น ต้องใช้เงินสดประมาณ 6 ล้านบาทลงทุนในการซ่อมแซมและreconditionขึ้นมาใหม่(ผมประเมินเกินๆไปเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจต้องลงซัก 10mแต่เราสร้างเองซ่อมเองได้ แต่ต้องอาศัยเครื่องจักรหลักๆตัวใหม่ๆจากต่างประเทศครับ) ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการซ่อมแซม(ลองนึกภาพตามว่ามันเป็นLEGOละกันครับ ส่วนฐานเสีย ส่วนบนยังดีอยู่) แต่เราไม่สามารถมาทำต่อได้ เพราะไม่มี"เงินเย็น"เสียที พอจะกันมาทำอะไรซักอย่าง ก็จะถูกดึงเงินไปทำเรื่องที่ urgentกว่า เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ
5. หลังจากการปรึกษากับพนง.และคุณพ่อ ผมเชื่อว่าถ้ามีไอ B เนี่ย จะดีกว่านี้มากจะคล่องกว่านี้มาก แต่ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมา 5 6 ล้าน เพราะทุกวันนี้ก็หมุนหน้ามืดอยู่เเล้ว คุณพ่อทำสายoperationอย่างเดียว อ่อนแอเรื่องการเงินและบัญชีอย่างรุนแรง เลยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไร แต่แกขายของเก่งมาก ทั้งบริษัทไม่มีเซลส์ซักคน แกขายคนเดียว ปีที่เเล้ว ยอดขาย 120m ผมเลยตั้งใจว่า จะฟื้นไอ B ตัวนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยพึ่งพาสถาบันทางการเงินเป็นหลักครับ เพราะเราไม่ได้ยุ่งกับแบงก์มานานมากเเล้วตั้งแต่พ่อเป็น NPL โดยมีเงื่อนไขว่า ผมจะไม่เอา บ้าน ที่ผมเพิ่งเอาออกมาจากนอกระบบ กลับเข้าไปเป็นหลักประกันโดยเด็ดขาดครับ โดยตั้งใจไว้ว่า หากได้เงินมา ก็จะกันแยกออกไป ไม่ให้เงินถูกดึงออกไปใช้ในactivityอื่นเลยครับ
6. ผมมีเงินสดส่วนตัวประมาณ 2m อาจจะช่วยลดจำนวนเงินกู้ก้อนนี้ได้ ผมควรบริหารจัดการอย่างไรดีครับ
รบกวนผู้มีความรู้หรือประสบการณ์ช่วยแนะนำช่องทางการเจรจากับสถาบันทางการเงินหน่อยครับ ว่าผมควรทำอย่างไรในการเข้าถึงเงินทุนก้อนนี้ หรือมีวิธีในการระดมทุนอื่นๆแนะนำมั้ยครับ
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำครับ