ทริปแบ็คแพ็คของ 5 สาวกะ 1 เก้งที่ทรหด วุ่นวาย มันส์ และคุ้มค่าคู่ควรแก่ความทรงจำ

โดยทริปนี้เราเดินทางกัน 6 วัน 5 คืน
ใช้งบประมาณเบ็ดเสร็จต่อคนอยู่ที่ 17,000 บาท [รายละเอียดค่าใช้จ่ายเดี๋ยวสรุปให้ตอนจบอีกทีนะคะ]
โปรแกรมคร่าวๆของเรามีดังนี้ค่ะ
วันที่ 5 ธ.ค. : เดินทางจากประเทศไทยไปยังโกตาคีนาบาลู
วันที่ 6 ธ.ค. : เดินเล่น Sunday Market , ไปชิมอาหารอินเดียแบบ Banana leave [แนะนำค่ะ]
ชมพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือและตบท้ายมื้อเย็นด้วยบักกุดเต๋
วันที่ 7 ธ.ค. : ไป Kotakinabalu National Park และเริ่มเดินขึ้นขา [พักที่ Laban Rata Rest House]
วันที่ 8 ธ.ค. : ขึ้นพิชิตยอดเขาและสารพัดความดราม่าทรหดอดทน
วันที่ 9 ธ.ค. : กลับเข้าตัวเมือง เที่ยวห้าง, Kraft Market, Dinner ที่ร้าน Little italy [แนะนำค่ะ]
วันที่ 10 ธ.ค. : กลับประเทศไทย
โดยจะขอเม้ามอยอย่างละเอียดไล่ตามวันเวลาละนะคะ
อ้ะ เริ่ม!
1. เม้าท์มอย ไล่ตาม วัน-เวลา
5 ธันวาคม 2558
6.30 : นัดเจอเดอะแก็งค์ที่สนามบินดอนเมืองเพื่อเตรียมเช็คอิน เราใช้วิธีเช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติ Self check in [บินกับ Air Asia ค่า]
8.35 : เครื่องออก ข้างๆเราคือสาวอิสลามที่นั่งท่องคัมภีร์อย่างสงบตลอดการบิน [จะมีเผลอหลับไปบ้าง ก็หลับกันทั้งคู่จนหัวมาโขกกัน ฮ่าๆ]
11.00 : ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์
เรานัดเจอกับเพื่อนอีกคนนึงที่บินมาจากภูเก็ต
หลังจากรวมกลุ่มกอดรัดทักทายกันเรียบร้อยก็ไปเช็คอินที่ตู้ Self Check in และปริ้นท์ตั๋วผ่านตู้ได้ทันที
และในส่วนของอาหารเที่ยงนั้น เพื่อนสาวชาวภูเก็ตของเรานางหิ้วข้าวมันไก่เจ้าดังมาให้พวกเราอิ่มหนำกันที่กลางสนามบินกัวลาลัมเปอร์ค่ะ!
ขอแนะนำเพื่อนๆให้กินข้าวตรง Food Court ที่ชั้น 2 ค่ะ ที่นั่งเยอะ ราคาไม่แพง และมี free Wi-fi ให้ใช้ค่ะ,
เมื่อเราเช็คอินใช้เนทมือถือก็จะปรับเวลาอัตโนมัติเป็นเวลามาเลเซียเรียบร้อย
[อ้อ พวกเราเอง ก็นั่งกินข้าวมันไก่ภูเก็ตกันตรงนี้ละค่ะ ไม่มีใครว่า แสนจะชิวจ้าา]
15.15 : นี่คือกำหนดการจริงที่เกทจะปิดและเครื่องเตรียมขึ้น แต่ด้วยสภาพอากาศที่ฟ้าครึ้มๆ ทางสายการบินจึงขอดีเลย์ออกไปเกือบชั่วโมง
16.20 : ในที่สุดผู้โดยสารทุกคนก็พร้อมเพรียงรัดเข็มขัดอย่างสงบอยู่บนเครื่อง แต่แล้วกับตันประกาศก็ว่าสภาพอากาศยังไม่ค่อยดี
จะมีการดีเลย์ไปอีกนิดหน่อย เราจึงตั้งท่า....หลับกันอย่างสบายตัวท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำเบาๆ
17.00 : สะดุ้งตื่นขึ้นมา คิดว่าคงหันไปเจอวิวเมฆที่หน้าต่าง แต่กลับพบว่าเครื่องยังคงจอดนิ่งไม่ขยับเห็นพื้นรันเวย์สนามบินเช่นเคย
17.15 : ในที่สุดดด เครื่องก็ทะยานสู่ฟากฟ้าค่าา ศิริรวมดีเลย์ 2 ชั่วโมงสวยๆ
19.50 : จากกำหนดการเดิมที่เราจะถึงสนามบินตอน 6 โมงเย็น เรามาถึงเป็นเกือบ 2 ทุ่มด้วยสภาพหิวโหยท้องกิ่ว
พวกเรานัดเจอเพื่อนอีกคนที่บินตามมาทีหลังเนื่องด้วยนางติดภาระกิจงานไม่สามารถมาไฟล์ทเดียวกันได้
ณ จุดนี้ เดาได้ว่าไฟล์ทนางก็คงดีเลย์เช่นกัน จึงจัดแจงฆ่าความหิวกันด้วย KFC ที่สนามบิน
การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมืองมี 2 แบบที่ดูจะสะดวกสุด คือด้วยรถ Shuttle Bus มีซุ้มอยู่ตรงทางออกสนามบิน ดำเนินงานโดยกลุ่มคนจีน
หรือ Taxi ของสนามบินค่ะ ซึ่งติดต่อซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินค่ะ
20.10 : เห็นเงาคุณเพื่อนก็ย่างกรายมาถึงสักที ดีใจกว่าเจอดาราเกาหลีอีกค่ะ!
รวมครบกลุ่ม 5 สาว 1 เก้ง พร้อมตะลุย!!
[เราใช้บริการ Airport Taxi แบบรถคันใหญ่นั่ง 6 คนสบายๆกะกระเป๋าแบ็คแพ็คอันเท่าควายก็ยังไหว]
20.45 : ถึงที่พักซึ่งเราจองผ่านทาง internet ไว้เรียบร้อย
เราพักกันที่ Refare Hostel
จุดเด่นคือ ในเว็บไซท์เค้าโพส์รูปหนุ่มหล่อใส่ชุดกีฬาเปลือยท่อนบนอยู่ในห้องซักรีดและห้องนั่งเล่น...
สาวใสซื่อบ๊องแบ๊วอย่างพวกเรานี้ก็กดจองกันแบบไม่คิดมากเลยละค่าขุ่นผู้โช๊มม
อ้อๆ Hostel ที่นี้เป็นแนวแบบ Hip หน่อย พึ่งเปิดให้บริการมาได้ยังไม่ครบ 4 เดือน
เจ้าของเป็นกลุ่มวัยรุ่นคนจีนอายุประมาณ 24 - 25 ไปแอ๊วชวนคุยมาได้ความว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนเรียนมหาลัยนานาชาติที่นี้ด้วยกัน
พอเรียนจบก็หุ้นกันเปิด Hostel แห่งนี้ และทั้งหมดเป็นคนจีนค่ะ
[จึงเริ่มสังเกตุเห็นว่าที่โกตาคีนาบาลูแห่งนี้ มีกิจการของคนจีนเยอะมากกกกกก]

สี่สาว นัดเจอกัน 6.30 ที่หน้าตู้ Self Check in Air Asia ดอนเมือง

ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์

เดินตามป้าย Keluar หรือ Wayout เพื่อไปยังทางออกค่ะ

เจอกับคุณเพื่อนที่บินมาจากภูเก็ตและมารอเราอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อออกมา จริงๆแล้วเราต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 3 เพื่อข้ามไปอีกตึกในการเปลี่ยนเครื่องค่ะ แต่พวกเราจะแวะไปที่ food court ที่ชั้น 2 กันก่อน

ความตื่นเต้นแรกกับการกินข้าวมันไก่เจ้าดังจากภูเก็ตที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ เพื่อนกล่าวว่า ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพกน้ำซุปขึ้นเครื่องมาให้ เพราะต้องจำกัดปริมาณของเหลว

หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จเราก็ข้ามตึกไปยัง Klia 2 เพื่อเตรียมต่อเครื่องไปยังโกตาคีนาบาลู

เดินตามทางไปที่ประตู Domestic Departure เพื่อต่อเครื่อง

ระหว่างการรอคอย ขอ selfie นิดนุง

ถึงสนามบินโกตาคีนาบาลูเอาตอนจะ 2 ทุ่ม

รออีก 1 สมาชิกกันที่ร้าน KFC แน่นอนค่ะ เมื่อมี wi-fi free ก็รีบอัพเดทส่งข่าวคราวและอัพรูปลง FB กันยกใหญ่

จุดเรียก Shuttle Bus

จุดซื้อตั๋ว Taxi โดยเราจะจ่ายเงินและแจ้งจุดหมายปลายทางที่นี้จากนั้นพนักงานจะให้ตั๋วมา
เราก็เดินถือตั๋วออกไปหา Taxi ที่จอดรออยู่ที่จุดให้บริการด้านนอก

Taxi คันใหญ่ของเรา สะอาด ใหม่ คนขับก็สุภาพดีค่ะ

ที่พักแรกของเรา [ที่พักโอเคนะคะ สะอาดปานกลาง เจ้าของเป็นกันเองและเป็นวัยรุ่น, มีครัว, มีที่ซักผ้า, รวมชายหญิง ลองเสิรชดูได้ชื่อ Refarer Hostel ค่ะ]

มุมด้านข้างของ Refarer Hostel

บรรยากาศภายใน

ภายในห้องพัก ที่เราแชร์กับหนุ่มสาวชาวสแกนดิเนเวียคู่หนึ่ง ...และด้วยสิทธิ์ที่คู่นั้นมาก่อน เค้าเปิดแอร์กันหนาวมากกกกกกกกกกกกก
ชนิดที่นั่งสักพักเรางี้ปากสั่น แต่พอเหลือบไปมอง สาวสแกนดิเนเวียของเราใส่ขาสั่นจุ๊ดกะเสื้อกล้ามค่าาาา

รูปหมู่รวมรูปแรกของพวกเราทั้ง6 อุส่าห์ขอถ่ายกับหนุ่มน้อยหนึ่งในเจ้าของ Hostel นี้...แต่ดันเบลอค่ะ...โถ ฮ่าๆๆๆ
และแล้ว...ก็จบวันแรกที่หมดเวลาไปกับการเดินทางล้วนๆ
6 ธันวาคม 2558
ด้วยทริปของพวกเราเป็นทริปชิวๆ วันนี้จึงแบ่งกลุ่มกันตามอัทธยาศัย
กลุ่มตื่นเช้า ก็ไปเดิน Sunday Market แถว Gaya Street
กลุ่มตื่นสายก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆที่พักและไปติดต่อหา Taxi เพื่อให้มารับที่ Hostel ไปยังอุธยาน Kinabalu National Park วันพรุ่งนี้เช้า
ส่วนตัวเจ้าของกระทู้...โดนพิษอะไรเข้าไปไม่รู้ อาหารเป็นพิษตั้งแต่เมื่อคืน เรียกได้ว่า ทวารทั้ง 8 แตกซ่าน!!
โชคดีมากจริงๆที่เพื่อนๆทุกคนที่มาด้วยกันช่างน่ารักผลัดกันดูแลซื้อหยูกยามารักษาเต็มที่เพราะพรุ่งนี้คือวันที่เราจะไปทรหดขึ้นเขาด้วยกัน
หากวันนี้ไม่หายแล้วไซร้ อิชั้นคงต้องนอนพักร่างอยู่ที่โฮสเทลนี้จนถึงวันกลับ TT^TT
ด้วยเดชะผลบุญค้ำชู...หลังจากอัดยาและดื่มเกลือแร่ไปจนเต็มที่ พอตกเที่ยงๆใกล้บ่าย
ร่างกายจึงเริ่มดีขึ้น อันเป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนๆกลับมาจากเดินเล่น
(คุณเพื่อนๆกล่าวว่า แดด! ร้อน! มาก++!!
ดังนั้นใครจะเดินเล่น Sunday Market แนะนำพกแว่น พกหมวก ทาครีม หรือกลัวดำจัดก็ใส่แขนยาวกันซะนะจ้ะ)
อีกครั้งที่อิชั้นได้เห็นถึงพลังแห่งมิตรภาพและความรักที่เพื่อนๆมีให้อย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อทุกคนทราบว่าอิชั้นหายขี้แตกแล้ว...จึงชักชวนพาไปฉลองที่ร้าน...อาหารอินเดียค่ะ เย่!?!
ถึงจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องขอบอกว่ามันดีงามมากค่ะ คืออร่อยเลิศ แนะนำให้หาลองทานให้ได้
แม้อิชั้นจะได้แต่จิ้มๆชิมๆเพราะยังกลัวขี้แตก แต่คอนเฟิร์มว่าอร่อยและสะอาดกว่าที่คิดมากๆๆๆค่ะ

ตลาดยามเช้า ซึ่งเอารูปมาจากกล้องเพื่อนค่ะ เพราะตัวเจ้าของกระทู้ซมป่วยเกาะขอบชักโครกอยู่ค่ะ

ในที่สุดก็ฟื้นไข้ออกมาเดินเล่นกับชาวบ้านได้ค่า

ฉลองหายท้องเสียด้วยอาหารอินเดีย ที่มึนกับการสั่ง

เสิรฟกันฉึบฉับเข้ามารุมที่โต๊ะที 4-5 คน

เครื่องเยอะละลานตา

อลังการงานอาหารอินเดีย อร่อยมากคะยูวว์ ต้องลองๆ***

บรรยากาศบ้านเมือง

รถTaxi

โพสแบบฮิปสเตอร์

โพสแบบชิคๆ

เย็นย่ำเดินเรื่อยเปื่อยดูพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือ

ร้านค้าแถวท่าเรือ

อาหารค่ำ ณ ร้าน บั๊กกุดเต๋

ปิดทริปชิวๆในตัวเมืองวันนี้ด้วยการซื้อเบียร์มาจิบเบาๆ 1 ขวด 6 คนที่โฮสเทล
และนั่งเม้าท์มอยกันเรื่อยเปื่อยก่อนเข้านอน
ปล.เบียร์ที่นี้แพงกว่าไทยนะจ้ะ เดากันว่าเพราะมีอิสลามเยอะ ซึ่งเค้าไม่สนับสนุนการดื่นสุรา
แต่ถ้าใครชอบสูบบุหรี่ แอบเห็นที่นี้มีมากมายหลายแบบเหลือเกิน...แต่พวกเราสาวๆไม่มีใครสูบจ้ะ เลยได้แต่มองไว้ประดับความรู้
[CR] รักเธอ เกลียดเธอ คิดถึงเธอ โกตาคีนาบาลู
โดยทริปนี้เราเดินทางกัน 6 วัน 5 คืน
ใช้งบประมาณเบ็ดเสร็จต่อคนอยู่ที่ 17,000 บาท [รายละเอียดค่าใช้จ่ายเดี๋ยวสรุปให้ตอนจบอีกทีนะคะ]
โปรแกรมคร่าวๆของเรามีดังนี้ค่ะ
วันที่ 5 ธ.ค. : เดินทางจากประเทศไทยไปยังโกตาคีนาบาลู
วันที่ 6 ธ.ค. : เดินเล่น Sunday Market , ไปชิมอาหารอินเดียแบบ Banana leave [แนะนำค่ะ]
ชมพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือและตบท้ายมื้อเย็นด้วยบักกุดเต๋
วันที่ 7 ธ.ค. : ไป Kotakinabalu National Park และเริ่มเดินขึ้นขา [พักที่ Laban Rata Rest House]
วันที่ 8 ธ.ค. : ขึ้นพิชิตยอดเขาและสารพัดความดราม่าทรหดอดทน
วันที่ 9 ธ.ค. : กลับเข้าตัวเมือง เที่ยวห้าง, Kraft Market, Dinner ที่ร้าน Little italy [แนะนำค่ะ]
วันที่ 10 ธ.ค. : กลับประเทศไทย
โดยจะขอเม้ามอยอย่างละเอียดไล่ตามวันเวลาละนะคะ
อ้ะ เริ่ม!
1. เม้าท์มอย ไล่ตาม วัน-เวลา
5 ธันวาคม 2558
6.30 : นัดเจอเดอะแก็งค์ที่สนามบินดอนเมืองเพื่อเตรียมเช็คอิน เราใช้วิธีเช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติ Self check in [บินกับ Air Asia ค่า]
8.35 : เครื่องออก ข้างๆเราคือสาวอิสลามที่นั่งท่องคัมภีร์อย่างสงบตลอดการบิน [จะมีเผลอหลับไปบ้าง ก็หลับกันทั้งคู่จนหัวมาโขกกัน ฮ่าๆ]
11.00 : ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์
เรานัดเจอกับเพื่อนอีกคนนึงที่บินมาจากภูเก็ต
หลังจากรวมกลุ่มกอดรัดทักทายกันเรียบร้อยก็ไปเช็คอินที่ตู้ Self Check in และปริ้นท์ตั๋วผ่านตู้ได้ทันที
และในส่วนของอาหารเที่ยงนั้น เพื่อนสาวชาวภูเก็ตของเรานางหิ้วข้าวมันไก่เจ้าดังมาให้พวกเราอิ่มหนำกันที่กลางสนามบินกัวลาลัมเปอร์ค่ะ!
ขอแนะนำเพื่อนๆให้กินข้าวตรง Food Court ที่ชั้น 2 ค่ะ ที่นั่งเยอะ ราคาไม่แพง และมี free Wi-fi ให้ใช้ค่ะ,
เมื่อเราเช็คอินใช้เนทมือถือก็จะปรับเวลาอัตโนมัติเป็นเวลามาเลเซียเรียบร้อย
[อ้อ พวกเราเอง ก็นั่งกินข้าวมันไก่ภูเก็ตกันตรงนี้ละค่ะ ไม่มีใครว่า แสนจะชิวจ้าา]
15.15 : นี่คือกำหนดการจริงที่เกทจะปิดและเครื่องเตรียมขึ้น แต่ด้วยสภาพอากาศที่ฟ้าครึ้มๆ ทางสายการบินจึงขอดีเลย์ออกไปเกือบชั่วโมง
16.20 : ในที่สุดผู้โดยสารทุกคนก็พร้อมเพรียงรัดเข็มขัดอย่างสงบอยู่บนเครื่อง แต่แล้วกับตันประกาศก็ว่าสภาพอากาศยังไม่ค่อยดี
จะมีการดีเลย์ไปอีกนิดหน่อย เราจึงตั้งท่า....หลับกันอย่างสบายตัวท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำเบาๆ
17.00 : สะดุ้งตื่นขึ้นมา คิดว่าคงหันไปเจอวิวเมฆที่หน้าต่าง แต่กลับพบว่าเครื่องยังคงจอดนิ่งไม่ขยับเห็นพื้นรันเวย์สนามบินเช่นเคย
17.15 : ในที่สุดดด เครื่องก็ทะยานสู่ฟากฟ้าค่าา ศิริรวมดีเลย์ 2 ชั่วโมงสวยๆ
19.50 : จากกำหนดการเดิมที่เราจะถึงสนามบินตอน 6 โมงเย็น เรามาถึงเป็นเกือบ 2 ทุ่มด้วยสภาพหิวโหยท้องกิ่ว
พวกเรานัดเจอเพื่อนอีกคนที่บินตามมาทีหลังเนื่องด้วยนางติดภาระกิจงานไม่สามารถมาไฟล์ทเดียวกันได้
ณ จุดนี้ เดาได้ว่าไฟล์ทนางก็คงดีเลย์เช่นกัน จึงจัดแจงฆ่าความหิวกันด้วย KFC ที่สนามบิน
การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมืองมี 2 แบบที่ดูจะสะดวกสุด คือด้วยรถ Shuttle Bus มีซุ้มอยู่ตรงทางออกสนามบิน ดำเนินงานโดยกลุ่มคนจีน
หรือ Taxi ของสนามบินค่ะ ซึ่งติดต่อซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบินค่ะ
20.10 : เห็นเงาคุณเพื่อนก็ย่างกรายมาถึงสักที ดีใจกว่าเจอดาราเกาหลีอีกค่ะ!
รวมครบกลุ่ม 5 สาว 1 เก้ง พร้อมตะลุย!!
[เราใช้บริการ Airport Taxi แบบรถคันใหญ่นั่ง 6 คนสบายๆกะกระเป๋าแบ็คแพ็คอันเท่าควายก็ยังไหว]
20.45 : ถึงที่พักซึ่งเราจองผ่านทาง internet ไว้เรียบร้อย
เราพักกันที่ Refare Hostel
จุดเด่นคือ ในเว็บไซท์เค้าโพส์รูปหนุ่มหล่อใส่ชุดกีฬาเปลือยท่อนบนอยู่ในห้องซักรีดและห้องนั่งเล่น...
สาวใสซื่อบ๊องแบ๊วอย่างพวกเรานี้ก็กดจองกันแบบไม่คิดมากเลยละค่าขุ่นผู้โช๊มม
อ้อๆ Hostel ที่นี้เป็นแนวแบบ Hip หน่อย พึ่งเปิดให้บริการมาได้ยังไม่ครบ 4 เดือน
เจ้าของเป็นกลุ่มวัยรุ่นคนจีนอายุประมาณ 24 - 25 ไปแอ๊วชวนคุยมาได้ความว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนเรียนมหาลัยนานาชาติที่นี้ด้วยกัน
พอเรียนจบก็หุ้นกันเปิด Hostel แห่งนี้ และทั้งหมดเป็นคนจีนค่ะ
[จึงเริ่มสังเกตุเห็นว่าที่โกตาคีนาบาลูแห่งนี้ มีกิจการของคนจีนเยอะมากกกกกก]
สี่สาว นัดเจอกัน 6.30 ที่หน้าตู้ Self Check in Air Asia ดอนเมือง
ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์
เดินตามป้าย Keluar หรือ Wayout เพื่อไปยังทางออกค่ะ
เจอกับคุณเพื่อนที่บินมาจากภูเก็ตและมารอเราอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อออกมา จริงๆแล้วเราต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 3 เพื่อข้ามไปอีกตึกในการเปลี่ยนเครื่องค่ะ แต่พวกเราจะแวะไปที่ food court ที่ชั้น 2 กันก่อน
ความตื่นเต้นแรกกับการกินข้าวมันไก่เจ้าดังจากภูเก็ตที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ เพื่อนกล่าวว่า ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพกน้ำซุปขึ้นเครื่องมาให้ เพราะต้องจำกัดปริมาณของเหลว
หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จเราก็ข้ามตึกไปยัง Klia 2 เพื่อเตรียมต่อเครื่องไปยังโกตาคีนาบาลู
เดินตามทางไปที่ประตู Domestic Departure เพื่อต่อเครื่อง
ระหว่างการรอคอย ขอ selfie นิดนุง
ถึงสนามบินโกตาคีนาบาลูเอาตอนจะ 2 ทุ่ม
รออีก 1 สมาชิกกันที่ร้าน KFC แน่นอนค่ะ เมื่อมี wi-fi free ก็รีบอัพเดทส่งข่าวคราวและอัพรูปลง FB กันยกใหญ่
จุดเรียก Shuttle Bus
จุดซื้อตั๋ว Taxi โดยเราจะจ่ายเงินและแจ้งจุดหมายปลายทางที่นี้จากนั้นพนักงานจะให้ตั๋วมา
เราก็เดินถือตั๋วออกไปหา Taxi ที่จอดรออยู่ที่จุดให้บริการด้านนอก
Taxi คันใหญ่ของเรา สะอาด ใหม่ คนขับก็สุภาพดีค่ะ
ที่พักแรกของเรา [ที่พักโอเคนะคะ สะอาดปานกลาง เจ้าของเป็นกันเองและเป็นวัยรุ่น, มีครัว, มีที่ซักผ้า, รวมชายหญิง ลองเสิรชดูได้ชื่อ Refarer Hostel ค่ะ]
มุมด้านข้างของ Refarer Hostel
บรรยากาศภายใน
ภายในห้องพัก ที่เราแชร์กับหนุ่มสาวชาวสแกนดิเนเวียคู่หนึ่ง ...และด้วยสิทธิ์ที่คู่นั้นมาก่อน เค้าเปิดแอร์กันหนาวมากกกกกกกกกกกกก
ชนิดที่นั่งสักพักเรางี้ปากสั่น แต่พอเหลือบไปมอง สาวสแกนดิเนเวียของเราใส่ขาสั่นจุ๊ดกะเสื้อกล้ามค่าาาา
รูปหมู่รวมรูปแรกของพวกเราทั้ง6 อุส่าห์ขอถ่ายกับหนุ่มน้อยหนึ่งในเจ้าของ Hostel นี้...แต่ดันเบลอค่ะ...โถ ฮ่าๆๆๆ
และแล้ว...ก็จบวันแรกที่หมดเวลาไปกับการเดินทางล้วนๆ
6 ธันวาคม 2558
ด้วยทริปของพวกเราเป็นทริปชิวๆ วันนี้จึงแบ่งกลุ่มกันตามอัทธยาศัย
กลุ่มตื่นเช้า ก็ไปเดิน Sunday Market แถว Gaya Street
กลุ่มตื่นสายก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆที่พักและไปติดต่อหา Taxi เพื่อให้มารับที่ Hostel ไปยังอุธยาน Kinabalu National Park วันพรุ่งนี้เช้า
ส่วนตัวเจ้าของกระทู้...โดนพิษอะไรเข้าไปไม่รู้ อาหารเป็นพิษตั้งแต่เมื่อคืน เรียกได้ว่า ทวารทั้ง 8 แตกซ่าน!!
โชคดีมากจริงๆที่เพื่อนๆทุกคนที่มาด้วยกันช่างน่ารักผลัดกันดูแลซื้อหยูกยามารักษาเต็มที่เพราะพรุ่งนี้คือวันที่เราจะไปทรหดขึ้นเขาด้วยกัน
หากวันนี้ไม่หายแล้วไซร้ อิชั้นคงต้องนอนพักร่างอยู่ที่โฮสเทลนี้จนถึงวันกลับ TT^TT
ด้วยเดชะผลบุญค้ำชู...หลังจากอัดยาและดื่มเกลือแร่ไปจนเต็มที่ พอตกเที่ยงๆใกล้บ่าย
ร่างกายจึงเริ่มดีขึ้น อันเป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนๆกลับมาจากเดินเล่น
(คุณเพื่อนๆกล่าวว่า แดด! ร้อน! มาก++!!
ดังนั้นใครจะเดินเล่น Sunday Market แนะนำพกแว่น พกหมวก ทาครีม หรือกลัวดำจัดก็ใส่แขนยาวกันซะนะจ้ะ)
อีกครั้งที่อิชั้นได้เห็นถึงพลังแห่งมิตรภาพและความรักที่เพื่อนๆมีให้อย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อทุกคนทราบว่าอิชั้นหายขี้แตกแล้ว...จึงชักชวนพาไปฉลองที่ร้าน...อาหารอินเดียค่ะ เย่!?!
ถึงจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องขอบอกว่ามันดีงามมากค่ะ คืออร่อยเลิศ แนะนำให้หาลองทานให้ได้
แม้อิชั้นจะได้แต่จิ้มๆชิมๆเพราะยังกลัวขี้แตก แต่คอนเฟิร์มว่าอร่อยและสะอาดกว่าที่คิดมากๆๆๆค่ะ
ตลาดยามเช้า ซึ่งเอารูปมาจากกล้องเพื่อนค่ะ เพราะตัวเจ้าของกระทู้ซมป่วยเกาะขอบชักโครกอยู่ค่ะ
ในที่สุดก็ฟื้นไข้ออกมาเดินเล่นกับชาวบ้านได้ค่า
ฉลองหายท้องเสียด้วยอาหารอินเดีย ที่มึนกับการสั่ง
เสิรฟกันฉึบฉับเข้ามารุมที่โต๊ะที 4-5 คน
เครื่องเยอะละลานตา
อลังการงานอาหารอินเดีย อร่อยมากคะยูวว์ ต้องลองๆ***
บรรยากาศบ้านเมือง
รถTaxi
โพสแบบฮิปสเตอร์
โพสแบบชิคๆ
เย็นย่ำเดินเรื่อยเปื่อยดูพระอาทิตย์ตกที่ท่าเรือ
ร้านค้าแถวท่าเรือ
อาหารค่ำ ณ ร้าน บั๊กกุดเต๋
ปิดทริปชิวๆในตัวเมืองวันนี้ด้วยการซื้อเบียร์มาจิบเบาๆ 1 ขวด 6 คนที่โฮสเทล
และนั่งเม้าท์มอยกันเรื่อยเปื่อยก่อนเข้านอน
ปล.เบียร์ที่นี้แพงกว่าไทยนะจ้ะ เดากันว่าเพราะมีอิสลามเยอะ ซึ่งเค้าไม่สนับสนุนการดื่นสุรา
แต่ถ้าใครชอบสูบบุหรี่ แอบเห็นที่นี้มีมากมายหลายแบบเหลือเกิน...แต่พวกเราสาวๆไม่มีใครสูบจ้ะ เลยได้แต่มองไว้ประดับความรู้