SSD หรือ Solid State Drive ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไอทีที่ได้รับความนิยมในการใช้งานสูงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ กับฮาร์ดดิสก์ไว้เก็บข้อมูลซึ่งทำงานแบบความเร็วสูง กว่าฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กแบบเดิมๆ หลายเท่า จากการที่ความจุต่อราคานั้นมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างตัวความจุ 240GB ตอนนี้มีราคาแค่สามพันกว่าบาทเท่านั้น อีกทั้งยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ทั้งความเร็วในการเขียนอ่าน ความทนทาน ความสเถียรภาพ ทำให้หลายๆ คนที่จะประกอบคอม หรืออัพเกรดคอม คงต้องมองหา SSD เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่จะซื้ออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลายคนเวลาที่ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเลือกโน๊ตบุ๊ก อาจจะมองว่าฮาร์ดดิสก์ ไม่ได้มีความสำคัญอย่างไรต่อประสิทธิภาพในการใช้งานหรือเล่นเกมมากนัก จึงทุ่มเงินไปที่อุปกรณ์อื่นๆ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นซีพียูหรือการ์ดจอ แต่นั่นเป็นความจริงสำหรับฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กในอดีต ที่ความเร็วมีข้อจำกัดอยู่ ทั้งในเรื่องของกลไกกายภาพและอัตราการส่งข้อมูลของอุปกรณ์เอง โดยหลายคนที่ไม่เคยใช้อาจจะยังไม่เห็นภาพ ว่า SSD นั้นมันเจ๋งแค่ไหนกัน ถ้าข้อมูลจากต้นทาง ไม่สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากๆ ได้ทันสำหรับการประมวลผลแล้ว โอกาสที่เกมจะเกิดความล่าช้าตามมาก็มีสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแรมมีน้อยด้วยแล้ว ก็อาจทำให้การเข้าเกมและความลื่นไหลลดน้อยลงไปด้วย ความสำคัญของ SSD จึงถือเป็นเรื่องที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น ไม่ว่าความเร็วในการบูทเครื่อง การเปิดโปรแกรมและการเรียกไฟล์ยังทำได้ดีขึ้นอีกด้วย
พื้นฐานในการเล่นเกมนั้น การเรนเดอร์ไฟล์ยังคงต้องอาศัยประสิทธิภาพจาก Processor หรือ GPU เป็นสำคัญ ในการที่จะสร้างสรรค์ภาพขึ้นมา ให้มีความต่อเนื่องและไหลลื่น แต่ถ้าข้อมูลจากต้นทาง ไม่สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากๆ ได้ทันสำหรับการประมวลผลแล้ว โอกาสที่เกมจะเกิดความล่าช้าตามมาก็มีสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแรมมีน้อยด้วยแล้ว ก็อาจทำให้การเข้าเกมและความลื่นไหลลดน้อยลงไปด้วย ความสำคัญของ SSD จึงถือเป็นเรื่องที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น ไม่ว่าความเร็วในการบูทเครื่อง การเปิดโปรแกรมและการเรียกไฟล์ยังทำได้ดีขึ้นอีกด้วย
ซึ่งในกระทู้นี้ผมจะมารีวิวในส่วนของ Kingston HyperX Savage ซึ่งเป็น SSD รุ่นล่าสุดของทาง Kingston ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ประเภท SSD ในส่วนของรูปแบบ SATA 2.5" ที่เราสามารถนำไปใช้งานกับโน้คบุ๊คได้ทันที แทนที่ฮาร์ดดิสก์แบบเดิม หรือจะนำไปติดตั้งบนคอมพีซีก็สามารถทำได้เช่นกัน โดย Kingston HyperX Savage เป็น SSD ตัวท็อปสุดในไลน์การผลิตของ SSD ขนาด 2.5" จาก Kingston (อยู่เหนือกว่า Hyper X Fury และ Hyper X 3K SSD) อีกด้วย แน่นอนว่าทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
สำหรับ Kingston HyperX Savage ตัวที่เราได้รับมานั้นจะมาพร้อมความจุ 240GB มีความเร็วสูงสุดในการอ่าน-เขียน ที่ระบุเอาไว้ตามสเปกถึง 560MB/s - 530MB/s นอกเหนือจากนั้นจุดเด่นของมันก็จะเป็นในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างสวยงามและโดดเด่น เพราะมาพร้อมสีดำ ตัดแดงและเทาดุดันเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงในเรื่องของบันเดิลที่มีมาให้ในชุดก็จัดเต็มมากๆ อาทิกล่องไว้ใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5" แบบ USB 3.0 พร้อมสายเชื่อมต่อ, ฝาแปลงจาก 2.5" ไป 3.5", สาย SATA, ไขควง Hyper X รุ่นพิเศษ, สกรูน๊อต, คู่มือ-สติกเกอร์ รวมไปถึงตัวแปลงความหนาจาก 7 ม.ม. ไป 9 ม.ม. (แต่สำหรับรุ่นที่เป็นความจุ 120GB จะมีเพียงตัว SSD มาให้)
ดีไซน์โดยรวมของ Kingston HyperX Savage มีความบางเพียง 7 ม.ม. และเบาเพียง 96 กรัมเท่านั้น และมาในลักษณะการออกแบบที่เป็นพื้นผิวโลหะอลูมิเนียมแบบด้านเป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างยากทีเดียว แถมแข็งและค่อนข้างหนาให้สัมผัสที่ทนทาน มีสีดำตลอดทั้งตัว พร้อมตัวหนังสือระบุรุ่น Savage ที่ยิงด้วเลเซอร์บริเวณขอบด้านล่าง ตัดกับเพลทสีแดง และโลโก้-ลวดลาย Hyper X สีเงินแบบมี Texture สวยงามแปลกตากว่า SSD ตัวอื่นมากทีเดียว เรียกได้ว่าดูดุดันอย่างมาก เหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำมาใส่พีซีในสไตล์ Test Bed หรือ Case กระจกใสเพื่อโชว์ System ระดับ Extreme หรือ Modder สำหรับสายแต่งคอมอย่างแท้จริง ผ่านทางการติดตั้งด้วยตัวแปลงเป็น 3.5" ที่มีมาให้ หรือจะใช้กับโน้ตบุ๊คก็ทำได้ทันที แต่ถ้าโน้ตบุ๊คบางเครื่องที่รองรับความหนาที่ 9 ม.ม. ก็ใช้ตัวแปลงในบันเดิลได้เลย
ด้านของสเปคภายในของ Kingston HyperX Savage รองรับการเชื่อมต่อแบบ SATA 3.0 ตามมาตรฐาน พร้อมมีความเร็วสูงสุดในการอ่านถึง 560MB/s เขียนถึง 530MB/s (ส่วนจะได้แค่ไหน ต้องมาชมกันอีกที) มีความจุที่ให้เลือกกันตั้งแต่ 120GB , 240GB , 480GB และ 960GB เลือกใช้ชิปแฟลชเมโมรี่ Toshiba A19 64Gbit MLC NAND flash และคอนโทรลเลอร์ Phison S10 ที่ว่ากันว่าค่อนข้างมีอึดและมีอายุการใช้งานยาวนานทีเดียว (ดีกว่าพลังทรายเยอะ)
จากการได้ใช้งานร่วมกับ Gaming Notebook ตัวเทพของทาง ASUS อย่าง ROG G752 โดยนำมาเปลื่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมที่เป็นแบบจานหมุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการติดตั้งก็ง่ายมากๆ ด้วยการถอดฝาหลังของเครื่องออก จากนั้นก็ถอดฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมจากแร็ค จากนั้นแทนที่ด้วย Kingston HyperX Savage แล้วก็ปิดฝาให้เหมือนเดิม ส่วนฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมเราก็สามารถนำมาใส่ในกล่องฮาร์ดดิสก์ USB 3.0 ของ Kingston HyperX Savage เอง เพื่อถ่ายข้อมูลกลับ
สำหรับการทดสอบผ่านโปรแกรม Benchmark ของ SSD ซึ่งใช้เป็นลูกเก็บข้อมูลผ่าน SATA 3 จะเห็นว่ามีประสิทธิภาพแในการใช้งานที่น่าประทับใจทีเดียว ที่ความเร็วอ่านถึง 476MB/s เขียนถึง 426MB/s ซึ่งอาจจะเพราะมีข้อมูลมาก (ก็ใช้ตามจริงล่ะเนอะ) ความเร็วเลยลดลงมามากกว่าสเปคที่ระบุ แต่ก็ถือว่ารวดเร็วไม่น้อยอยู่ดี รวมไปถึงทดสอบโอนถ่ายข้อมูลไปมาระหว่าง SSD หลักและ Kingston HyperX Savage ด้วยขนาดไฟล์กว่า 30GB ที่เผยถึงความเร็วแบบสุดๆ เพราะใช้เวลาไปเพียง 45 วินาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติทั่วไปอย่างที่สุด (ฮาร์ดดิสก์จานหมุนใช้เวลาสิบกว่านาทีเลยล่ะ) ส่วนการเปิดเครื่องหรือเล่นเกมไม่ต้องพูดถึง เมื่อเปลี่ยนมาใช้ SSD ก็เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติแน่นอน แบบไม่ต้องสืบ
Kingston HyperX Savage ก็บอกได้เลยว่าเร็วแรงสมความเป็น SSD ตัวท็อปของ Kingston จริงๆ ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบก็สวยงามดุดัน ลงตัว และน่าจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่กำลังมองหา SSD มาอัพเกรดคอมไม่ว่าจะเป็นพีซีหรือโน้ตบุ๊ค รวมไปถึงนักแต่งนักโมคอมพิวเตอร์ที่ชอบโชว์ฮาร์ดแวร์เท่ห์ๆ ยิ่งถ้าบวกกับบันเดิลที่จัดมาให้อย่างครบครันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกล่องฮาร์ดไดร์ฟ 2.5" USB 3.0 และไขขวง Hyper X ด้วยแล้วละก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจในแง่ของความยืดหยุ่นของ Kingston HyperX Savage ขึ้นไปอีก ส่วนในเรื่องของความทนทานนั้นจากการที่ใช้งานมาแล้วซักพักก็ต้องบอกว่าไว้ใจได้เลย อีกทั้งยังมีการรับประกันถึง 3 ปีเต็ม ฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจแน่นอน ราคาก็อาจจะสูงกว่าเจ้าอื่นหน่อย แต่ก็ให้ของบันเดิลมาเยอะพอตัว ยังไงไว้พิจารณาดูเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแล้วกันครับ
สนนราคา Kingston HyperX Savage SSD
- ความจุ 120GB อยู่ที่ 2,490 บาท
- ความจุ 240GB อยู่ที่ 3,890 บาท
- ความจุ 480GB อยู่ที่ 7,490 บาท
[SR] รีวิว SSD : Kingston HyperX Savage เร่งความเร็ว เพิ่มความจุ เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามหลายคนเวลาที่ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเลือกโน๊ตบุ๊ก อาจจะมองว่าฮาร์ดดิสก์ ไม่ได้มีความสำคัญอย่างไรต่อประสิทธิภาพในการใช้งานหรือเล่นเกมมากนัก จึงทุ่มเงินไปที่อุปกรณ์อื่นๆ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นซีพียูหรือการ์ดจอ แต่นั่นเป็นความจริงสำหรับฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กในอดีต ที่ความเร็วมีข้อจำกัดอยู่ ทั้งในเรื่องของกลไกกายภาพและอัตราการส่งข้อมูลของอุปกรณ์เอง โดยหลายคนที่ไม่เคยใช้อาจจะยังไม่เห็นภาพ ว่า SSD นั้นมันเจ๋งแค่ไหนกัน ถ้าข้อมูลจากต้นทาง ไม่สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากๆ ได้ทันสำหรับการประมวลผลแล้ว โอกาสที่เกมจะเกิดความล่าช้าตามมาก็มีสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแรมมีน้อยด้วยแล้ว ก็อาจทำให้การเข้าเกมและความลื่นไหลลดน้อยลงไปด้วย ความสำคัญของ SSD จึงถือเป็นเรื่องที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น ไม่ว่าความเร็วในการบูทเครื่อง การเปิดโปรแกรมและการเรียกไฟล์ยังทำได้ดีขึ้นอีกด้วย
พื้นฐานในการเล่นเกมนั้น การเรนเดอร์ไฟล์ยังคงต้องอาศัยประสิทธิภาพจาก Processor หรือ GPU เป็นสำคัญ ในการที่จะสร้างสรรค์ภาพขึ้นมา ให้มีความต่อเนื่องและไหลลื่น แต่ถ้าข้อมูลจากต้นทาง ไม่สามารถส่งข้อมูลปริมาณมากๆ ได้ทันสำหรับการประมวลผลแล้ว โอกาสที่เกมจะเกิดความล่าช้าตามมาก็มีสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแรมมีน้อยด้วยแล้ว ก็อาจทำให้การเข้าเกมและความลื่นไหลลดน้อยลงไปด้วย ความสำคัญของ SSD จึงถือเป็นเรื่องที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่การเล่นเกมเท่านั้น ไม่ว่าความเร็วในการบูทเครื่อง การเปิดโปรแกรมและการเรียกไฟล์ยังทำได้ดีขึ้นอีกด้วย
ซึ่งในกระทู้นี้ผมจะมารีวิวในส่วนของ Kingston HyperX Savage ซึ่งเป็น SSD รุ่นล่าสุดของทาง Kingston ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ประเภท SSD ในส่วนของรูปแบบ SATA 2.5" ที่เราสามารถนำไปใช้งานกับโน้คบุ๊คได้ทันที แทนที่ฮาร์ดดิสก์แบบเดิม หรือจะนำไปติดตั้งบนคอมพีซีก็สามารถทำได้เช่นกัน โดย Kingston HyperX Savage เป็น SSD ตัวท็อปสุดในไลน์การผลิตของ SSD ขนาด 2.5" จาก Kingston (อยู่เหนือกว่า Hyper X Fury และ Hyper X 3K SSD) อีกด้วย แน่นอนว่าทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
สำหรับ Kingston HyperX Savage ตัวที่เราได้รับมานั้นจะมาพร้อมความจุ 240GB มีความเร็วสูงสุดในการอ่าน-เขียน ที่ระบุเอาไว้ตามสเปกถึง 560MB/s - 530MB/s นอกเหนือจากนั้นจุดเด่นของมันก็จะเป็นในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างสวยงามและโดดเด่น เพราะมาพร้อมสีดำ ตัดแดงและเทาดุดันเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงในเรื่องของบันเดิลที่มีมาให้ในชุดก็จัดเต็มมากๆ อาทิกล่องไว้ใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5" แบบ USB 3.0 พร้อมสายเชื่อมต่อ, ฝาแปลงจาก 2.5" ไป 3.5", สาย SATA, ไขควง Hyper X รุ่นพิเศษ, สกรูน๊อต, คู่มือ-สติกเกอร์ รวมไปถึงตัวแปลงความหนาจาก 7 ม.ม. ไป 9 ม.ม. (แต่สำหรับรุ่นที่เป็นความจุ 120GB จะมีเพียงตัว SSD มาให้)
ดีไซน์โดยรวมของ Kingston HyperX Savage มีความบางเพียง 7 ม.ม. และเบาเพียง 96 กรัมเท่านั้น และมาในลักษณะการออกแบบที่เป็นพื้นผิวโลหะอลูมิเนียมแบบด้านเป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างยากทีเดียว แถมแข็งและค่อนข้างหนาให้สัมผัสที่ทนทาน มีสีดำตลอดทั้งตัว พร้อมตัวหนังสือระบุรุ่น Savage ที่ยิงด้วเลเซอร์บริเวณขอบด้านล่าง ตัดกับเพลทสีแดง และโลโก้-ลวดลาย Hyper X สีเงินแบบมี Texture สวยงามแปลกตากว่า SSD ตัวอื่นมากทีเดียว เรียกได้ว่าดูดุดันอย่างมาก เหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำมาใส่พีซีในสไตล์ Test Bed หรือ Case กระจกใสเพื่อโชว์ System ระดับ Extreme หรือ Modder สำหรับสายแต่งคอมอย่างแท้จริง ผ่านทางการติดตั้งด้วยตัวแปลงเป็น 3.5" ที่มีมาให้ หรือจะใช้กับโน้ตบุ๊คก็ทำได้ทันที แต่ถ้าโน้ตบุ๊คบางเครื่องที่รองรับความหนาที่ 9 ม.ม. ก็ใช้ตัวแปลงในบันเดิลได้เลย
ด้านของสเปคภายในของ Kingston HyperX Savage รองรับการเชื่อมต่อแบบ SATA 3.0 ตามมาตรฐาน พร้อมมีความเร็วสูงสุดในการอ่านถึง 560MB/s เขียนถึง 530MB/s (ส่วนจะได้แค่ไหน ต้องมาชมกันอีกที) มีความจุที่ให้เลือกกันตั้งแต่ 120GB , 240GB , 480GB และ 960GB เลือกใช้ชิปแฟลชเมโมรี่ Toshiba A19 64Gbit MLC NAND flash และคอนโทรลเลอร์ Phison S10 ที่ว่ากันว่าค่อนข้างมีอึดและมีอายุการใช้งานยาวนานทีเดียว (ดีกว่าพลังทรายเยอะ)
จากการได้ใช้งานร่วมกับ Gaming Notebook ตัวเทพของทาง ASUS อย่าง ROG G752 โดยนำมาเปลื่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมที่เป็นแบบจานหมุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการติดตั้งก็ง่ายมากๆ ด้วยการถอดฝาหลังของเครื่องออก จากนั้นก็ถอดฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมจากแร็ค จากนั้นแทนที่ด้วย Kingston HyperX Savage แล้วก็ปิดฝาให้เหมือนเดิม ส่วนฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมเราก็สามารถนำมาใส่ในกล่องฮาร์ดดิสก์ USB 3.0 ของ Kingston HyperX Savage เอง เพื่อถ่ายข้อมูลกลับ
สำหรับการทดสอบผ่านโปรแกรม Benchmark ของ SSD ซึ่งใช้เป็นลูกเก็บข้อมูลผ่าน SATA 3 จะเห็นว่ามีประสิทธิภาพแในการใช้งานที่น่าประทับใจทีเดียว ที่ความเร็วอ่านถึง 476MB/s เขียนถึง 426MB/s ซึ่งอาจจะเพราะมีข้อมูลมาก (ก็ใช้ตามจริงล่ะเนอะ) ความเร็วเลยลดลงมามากกว่าสเปคที่ระบุ แต่ก็ถือว่ารวดเร็วไม่น้อยอยู่ดี รวมไปถึงทดสอบโอนถ่ายข้อมูลไปมาระหว่าง SSD หลักและ Kingston HyperX Savage ด้วยขนาดไฟล์กว่า 30GB ที่เผยถึงความเร็วแบบสุดๆ เพราะใช้เวลาไปเพียง 45 วินาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติทั่วไปอย่างที่สุด (ฮาร์ดดิสก์จานหมุนใช้เวลาสิบกว่านาทีเลยล่ะ) ส่วนการเปิดเครื่องหรือเล่นเกมไม่ต้องพูดถึง เมื่อเปลี่ยนมาใช้ SSD ก็เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติแน่นอน แบบไม่ต้องสืบ
Kingston HyperX Savage ก็บอกได้เลยว่าเร็วแรงสมความเป็น SSD ตัวท็อปของ Kingston จริงๆ ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบก็สวยงามดุดัน ลงตัว และน่าจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่กำลังมองหา SSD มาอัพเกรดคอมไม่ว่าจะเป็นพีซีหรือโน้ตบุ๊ค รวมไปถึงนักแต่งนักโมคอมพิวเตอร์ที่ชอบโชว์ฮาร์ดแวร์เท่ห์ๆ ยิ่งถ้าบวกกับบันเดิลที่จัดมาให้อย่างครบครันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกล่องฮาร์ดไดร์ฟ 2.5" USB 3.0 และไขขวง Hyper X ด้วยแล้วละก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจในแง่ของความยืดหยุ่นของ Kingston HyperX Savage ขึ้นไปอีก ส่วนในเรื่องของความทนทานนั้นจากการที่ใช้งานมาแล้วซักพักก็ต้องบอกว่าไว้ใจได้เลย อีกทั้งยังมีการรับประกันถึง 3 ปีเต็ม ฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจแน่นอน ราคาก็อาจจะสูงกว่าเจ้าอื่นหน่อย แต่ก็ให้ของบันเดิลมาเยอะพอตัว ยังไงไว้พิจารณาดูเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแล้วกันครับ
สนนราคา Kingston HyperX Savage SSD
- ความจุ 120GB อยู่ที่ 2,490 บาท
- ความจุ 240GB อยู่ที่ 3,890 บาท
- ความจุ 480GB อยู่ที่ 7,490 บาท