ศาลพิพากษายกฟ้อง "กษิต ภิรมย์ " คดีหมิ่นประมาท "

เฮ้อออ...  แล้วจะไม่ให้ชาวบ้านเขาคาใจได้อย่างไร

เด็กประถมยังรู้  ยังเข้าใจ   ว่าการวิพากษ์วิจารณ์  กับการใส่ร้ายนั้นต่างกัน



แมวที่ไหนก็รู้   ว่าการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยากเป็นประธานาธิบดี   ยึดประเทศ
เป็นคำกล่าวหาใส่ร้าย  ทำให้เสียหาย   เกินกว่าคำว่าวิพากษ์วิจารณ์มาก   ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนพึงกระทำได้
และไม่ใช่การกระทำที่สุจริตแน่ ๆ
แถมมีการดึงไปสู่คำว่าปกป้องประเทศ ปกป้องสถาบัน

กรณีนี้  เห็นมาแล้วในคดียกฟ้องเทพเทือก   ด้วยเหตุผลว่า   เป็นการกระทำโดยสุจริต
ด้วยการอ้างคำให้การของเทพเทือกว่า  พูดเพราะได้เห็นมาจากสื่อ  ได้ยินหลวงตามหาบัวเทศน์
โดยไม่พิจารณาถึงความสมเหตุสมผลว่า  วุฒิภาวะ  หน้าที่การงาน  ของเทพเทือกนั้นเป็นอย่างไร
ได้ยินได้ฟังอะไรมา  ควรไหมที่จะพิจารณาได้ว่า  ควรนำไปพูดต่อ  ควรพูดต่อให้คนอื่นเสียหายไหม
อ้างได้ไงไม่รู้ว่า  ได้ยินมาก็พูดต่อ  ถือว่าพูดโดยสุจริต  ไม่ผิด    เหมือนเทพเทือกเป็นเด็กสองขวบ  ได้ยินมาไงก็พูดไปงั้น

แต่ตอนนี้   แค่กดแชร์ก็จะเอาเข้าคุก


หรืออย่างคดีแป๊ะลิ้มหมิ่นประมาทป่าไม้เชียงราย   ต้นกับอุทธรณ์จำคุก
ฎีกากลับยกฟ้อง  ด้วยเหตุผลว่า  เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของข้าราชการโดยสุจริต  ยกฟ้อง
ทั้งที่คำพูดที่โดนฟ้องนั้น  คือการพูดปราศรัยว่าป่าไม้พาพวกไปขว้างประทัดยักษ์ใส่เวทีที่สวนลุมฯ
การกล่าวหาใส่ร้ายว่าเขาขว้างประทัดใส่   เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานไปได้หน้าตาเฉย


ล่าสุด   เกาะเต่า   ในคำพิพากษามีบอกด้วยว่า  
ไม่พบดีเอ็นเอจำเลยที่จอบอันเป็นอาวุธในการฆ่า   นั่นเพราะจำเลยอาจสวมถุงมือก็ได้

เฮ้อออ...