เมื่อเราไม่มีโทรศัพท์ติดตัวแล้วหลงกับญาติในห้างแห่งหนึ่ง

ตอนมาที่ห้างเราก็ไม่รู้ว่ารถจอดตรงไหน เนื่องจากหาที่จอดรถก็ไม่มี  วันนี้รถเยอะเป็นพิเศษเลย อาจเป็นเพราะไปซื้อของขวัญปีใหม่กัน   ญาติเลยให้ลงจากรถเข้าห้างไปก่อน  เดี๋ยวเขาจะหาที่จอดเอง

    หลังจากซื้อของที่บิ๊กซีเสร็จ ได้แยกทางกับญาติ  ตอนที่เรากำลังรอทำใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอยู่ที่บิ๊กซี ซึ่งแถวยากมากเลยค่ะ  ญาติจึงไม่รอ ขอแยกทางไปทำธุรกรรมโอนเงินกับธนาคารก่อน โดยที่ญาติเอากระเป๋าเราไปติดตัวไปด้วย  เนื่องจากกระเป๋าเป็นเป้ค่อนข้างหนักเขาเลยเอาไปถือให้ ซึ่งเราไม่ได้เอะใจเลยว่า กระเป๋าที่เขาเอาไปมีมือถือเราอยู่ในนั้นด้วย ก็ลืมไปนึกว่ามือถืออยู่ที่ตัวเองแล้ว เลยไม่ได้นัดสถานที่เจอกับญาติ  

    หลังจากผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง ทำใบกำกับภาษีเสร็จ  ก็จะโทรหาญาติว่าอยู่ไหน  ปรากฎว่าไม่มีโทรศัพท์ อ้าวเอาไว้ในกระเป๋าเป้แน่เลย   จึงได้เดินไปตามหาที่ธนาคาร  ก็ไม่เจอแล้ว  ก็พยายามหาเหรียญในกระเป๋าสตางค์ และมองหาโทรศัพท์สาธาณะในห้าง  ด้วยความที่เคยเห็นว่าโทรศัพท์สาธารณะอยู่ที่ชั้น B หลายเครื่องจึงตรงไปที่ชั้น B ด้านหน้าห้างทันที ปรากฎว่าไม่เจอเลยสักเครื่อง

     ได้สอบถามยาม ยามบอกว่าเขาเอาออกไปหมดแล้ว  ยามบอกว่าให้ไปหาประชาสัมพันธ์เขาจะโทรติดต่อญาติให้เอง เราก็รู้สึกดีใจมากเลย แต่พอไปถามปชส.  น้องปชส.คนสวยบอกว่าให้ลูกค้าไปโทรเองที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ  ชั้น 3 หน้าลิฟต์ เราก็โอเคมีตู้แล้ว ก็ไปทันทีแบบมีความหวัง

    พอไปถึง ชั้น 3 เห็นผู้คนมากมายกำลังรอรับบริการห่อของขวัญอยู่หน้าลิฟต์  ก็เดินเข้าไปในช่อง ถามพนักงานว่า
เห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะไหมคะ  พนักงานก็บอกว่าอยู่นั่นครับ

      เราก็ตรงไปยกหูโทรศัพท์  ดูขั้นตอนวิธีการโทร  ปรากฎว่าไม่มีสัญญาณเลย  แน่นอนว่าตู้เสีย   เอาไงดีล่ะทีนี้   ก็เลยไปถามพนักงานคนเดิมว่า  ตู้นี้เสียค่ะ มีที่อื่นอีกไหมคะ พนักงาน ตอบว่า มีอีกตู้อยู่ที่ชั้นหนึ่งครับ

    เราก็รีบลงลิฟต์ไปชั้น 1  ปรากฎตู้ก็เสียอีกตามเคย  แล้วจะทำไงหนอ ก็คิด หมดหนทาง ก็ไปหาน้อง ปชส. อีก  ว่าจะทำไงดี ตู้เสียหมดเลย  น้องก็บอกว่าจะประกาศให้  ก็เขียนชื่อให้น้องเขา แต่เราก็ไม่รู้น้องเขาประกาศตอนไหน เพราะไม่ได้ยินเสียงเลย  ก็เลยถามน้องว่าประกาศหรือยังคะ น้องบอกว่าประกาศแล้ว ทางนี้จะได้ยินเสียงค่ะ  แต่ญาติพี่จะได้ยิน เราก็โอเค เดี่ยวคงมา  รอไปประมาณไม่แน่ใจว่านานมากแค่ไหน เพราะเป็นคนไม่ใส่นาฬิกา  ดูเวลาจากโทรศัพท์ตลอด พอไม่มีโทรศัพท์ ก็เลยกลายเป็นคนไม่มีเวลาไปเลย 555  แต่รู้ว่านานมากสำหรับเรา ญาติก็ไม่มาสักที  

    น้องก็ประกาศแบบไร้เสียงให้อีก  1 ครั้ง (คือตรงที่เรายืนอยู่ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลย คงเป็นอย่างที่น้องเขาบอกว่าที่อื่นจะได้ยิน) ปรากฎว่าก็รอต่อไปนานเหมือนกัน  ก็ย้งไม่มาอีก เริ่มท้อแท้ เริ่มคิดแล้วว่าทำไมเขาไม่ให้เรายืมโทรศัพท์โทรเลยนะ  ง่ายกว่าไหม  แล้วก็คิดค่าบริการจากเราไป จะแพงก็ไม่เป็นไร  ดีกว่าประกาศ เพราะเราจะไม่ต้องรออยู่ที่ประชาสัมพันธ์ สามารถเดินไปหาญาติได้เลย  

    เราก็เริ่มไปขอร้องยามข้าง ๆ ที่คอยให้บริการหยิบรถเข็นให้ลูกค้าที่มาเช่า  ว่าพี่คะ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูให้เงินค่าโทรศัพท์ค่ะ  เพราะคิดว่าญาติเราเขาคงไม่ได้ยินที่น้องเขาประกาศแน่ ไม่งั้นเขาต้องมาแล้ว   แต่พี่ยามบอกว่า ทางปชส. ให้ยืมครับ  (คิดในใจมีให้ยืมแล้วทำไมไม่บอกเราตั้งนาน)

    เราก็ไปขอร้องน้องปชส. ว่าพี่ขอยืมโทรศัพท์ของน้องหรือของห้างก็ได้ แล้วพี่จะให้ค่าโทรศัพท์นะคะ น้องตอบว่า ทางห้างเราไม่มีบริการนี้ค่ะ เพราะเราไม่รู้จะคิดค่าบริการยังไง  เอาแล้ว ในใจอยากจะร้องไห้แล้วนะ  นี่ทางห้างไม่คิดจะช่วยลูกค้าในเรื่องแบบนี้เลยเหรอ  แล้วถ้าเกิดเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้พลัดหลงกับพ่อแม่ แต่เด็กสามารถจำเบอร์โทรศัพท์ได้  ทางปชส.ห้างจะไม่ช่วยโทรให้เด็กเลยเหรอ จะปชส. แล้วปล่อยให้เด็กรออยู่ที่ตรงนั้นหรือ แล้วถ้าพ่อแม่เด็กไม่ได้ยืนเสียงปชส. ล่ะจะทำอย่างไร   การให้เด็กได้พบพ่อแม่เร็วที่สุด จะดีกับเด็ก พ่อแม่ และ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า มากกว่าไหม   ผลสุดท้ายพี่ยามสงสารเราจึงให้เรายืมโทรศัพท์ ตอนนั้นรุ้สึกขอบคุณในน้ำใจของเขา พอโทรเสร็จแล้วเราจะให้ค่าโทรกับเขาก็ไม่เอา  จึงได้ไหว้ขอบพระคุณพี่ยามเขาไป  แต่เขาดูเหมือนคิดในใจว่า แก่ปานนี้แล้วยังจะหลงอยู่อีก  555

    พอได้ไปเจอกับญาติ ญาติบอกว่าไม่ได้ยินเสียงประกาศอะไรเลย  เขาก็พยายามเดินตามหาเราอยู่ อาจเป็นเพราะว่าห้างคนเยอะมากก็เป็นได้  ถึงไม่ได้ยินเสียงประกาศ  แต่ทำให้เราและญาติเสียความรุ้สึกกับการให้บริการของห้างนี้ซะแล้ว ทั้ง ๆที่เราไปห้างนี้ เดือนนึงประมาณ 3 -4 ครั้ง ไปแทบทุกอาทิตย์เลย  ปีนึงแทบจะไม่ได้ไปห้างอื่นเลย  
    แต่ในความเป็นจริงแล้วความผิดอยู่ที่เราเอง คือ
    1.  เราสะเพร่าเองกับเรื่องการพกโทรศัพท์ติดตัว ถ้ามีสติปัญหาก็จะไม่เกิด  
    2.  เราควรจะรออยู่ตรงที่เราขอใบกำกับภาษี เพราะญาติก็จะต้องไปหาเราที่นั่นเอง  ถ้าหาเราไม่เจอ

ผลสรุป  เรามานั่งคิดที่บ้านว่าทำไมเราถึงได้โง่อย่างนี้นะ   เฮ้อ  เสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง  ไม่ควรเลย และอีกอย่างที่คิดคือ  ทำไมน้อง ปชส เขาหน้าตาดี สวยมากเลย แต่เขาไม่สงสารเราเลย และดูเป็นคนไม่มีน้ำใจ และไม่มีความเมตตาเลยนะ  หรือว่าน้องเขากลัวเราได้โทรศัพท์น้องแล้ววิ่งหนีก็ไม่รู้สินะ   ต่อไปนี้จะพกโทรศัพท์ตลอดแล้วค่ะ  555

อีกอย่างถ้าตู้โทรศัพท์สาธารณะใช้งานได้สักตู้นึงก็คงจะดีกว่านี้  ไม่แน่ใจว่าห้างอื่นก็มีนโยบายแบบเดียวกันหรือไม่นะคะ


ขออนุญาตแท็ก  โทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเกี่ยวกับโทรศัพท์สาธารณะ และโทรศัพท์มือถือค่ะ

ขออนุญาตแท็ก  มหาสติปัฏฐาน 4 เนื่องจากเกี่ยวกับสติของเราเองค่ะ ถ้ามีสติกว่านี้ปัญหานี้ก็จะไม่เกิดค่ะ

ขออนุญาตแท็ก ที่จอดรถ  เนื่องจากถ้ามีที่จอดรถตอนแรก ก็คงรู้ที่จอด และไปรอที่รถได้ค่ะ  


ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ
ปล. ยืมล็อกอินเพื่อนตั้งกระทู้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต ห้างสรรพสินค้า
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่