นี่คือประสบการณ์ตรงที่เราได้รับ เราทำงานในบริษัทเล็กๆได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดฝากเข้าบัญชี
เราตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกอย่างตั้งใจกับงานมาตลอด ปีนึงเราลาหยุดไปธุระแค่วันเดียว
ตอนที่เราตัดสินใจลาออกเราก็เกรงใจเจ้านายนะกลัวหาคนมาทำงานไม่ทัน ก่อนน่านั้นเรามีเรื่อง
ให้หงุดหงินมาสามสี่เดือนแล้ว แต่เราอดทน จนเรื่องล่าสุดมีผู้มีความคิด แต่ไม่เคยทำงาน ประจบ
เป็นเท่านั้น เข้ามาพัฒนาระบบการทำงาน ซึ่งในความเป็นจริงงานที่ทำไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
แต่คงอยากได้หน้า ก็เค้ามายุ่งงานที่เราทำ เราก็ทนทำตามอยู่ไม่นาน จนเราแย้งว่ามันคิดได้แต่
ไม่สามารถเอามาใช้ได้ทั้งหมด ขอเรียกบุคคลนั้นว่าสัมพเวสีแล้วกัน สัมพเวสีก็เงียบไปสู้เหตุผล
เราไม่ได้ เหมือนเรื่องจะจบ แต่ไม่จบ ก็มาวุ่นวานงานเราแบบเหตุผลที่เป็นใครก็ไม่สามารถทนได้
แบบว่างฉันจะเชคงานทุกตัว เอาเป็นว่าพูดตรงๆไม่ได้ ถ้าพูดแบบเหตุการณ์จริง คงจะรู้ตัว ซึ่งเรา
ไม่ได้ประสบปัญหาคนเดียว มีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหนึ่งคน เราก็คุยกันตลอด พอมีปัญหาแบบนี้
เจ้านายก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร เค้าก็คุยกับหัวหน้า แต่เราพึ่งทราบว่าความคิดของคนเป็นนาย เค้าคิดว่า
จะออกก็ออกไม่แคร์ เค้าจะปกป้องคนของเค้า ฉันไม่สนใจเด็กๆ และที่รู้มาว่าเค้าไม่ชอบหน้าตาเรา
กับพนักงานอีกคนบอกไม่มีราศรี พอเรารู้นะเราคิดเลย ไม่ชอบรับเราทำงานแต่เเรกทำไม และเอา
อะไรมาวัดเรากับพนักงานอีกคนว่าไม่มีราศรี เราเลย บอกลาออก โดยไม่คิดสงสารเลย ได้แต่บอก
ตัวเองหมดเวรกรรมกับคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ โบนัสไม่ได้ เราก็ไม่แคร์ คนภายนอกมองเค้าใจดีใจบุญ
แต่เรารู้แล้ว คนแบบนี่มือถือสากปากถือศีล ไม่มองคนที่ความสามารถ ตัดสินแค่พึงพอใจของเจ้านายเอง
ไม่มีอะไรเป็นระบบ ไม่มีอะไรเป็นมาตรฐาน เค้าเห็นเราเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่เคยนึกถึงใจพนักงานระดับล่าง
เพราะฉะนั้น สุขภาพจิตเราต้องมาก่อน อยากออกก็ออก ไม่ต้องไปสนใจจิตใจของเจ้าของบริษัทหรอก
เค้าไม่เสียดายเราหรอก คนที่เสียดายเรามีแต่คนที่ทำงานร่วมกับเราเท่านั้นที่เสียดายการทำงานของเรา
ส่วนใครที่ ทำงานองค์กรณ์เล็กๆ แล้วเจอที่ดีๆ
เราก็ดีใจด้วย ใครที่อยู่แล้วมีแต่เสียสุขภาพจิต ออกไปมีอนาคตที่ดีกว่าอย่าทนให้ที่ห่วยแตกแบบนี้ใช้งานเรา
แลกเปลี่ยนสิ่งแย่ๆที่เจอในที่ทำงาน จนอดทนไม่ได้แล้วลาออก
เราตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกอย่างตั้งใจกับงานมาตลอด ปีนึงเราลาหยุดไปธุระแค่วันเดียว
ตอนที่เราตัดสินใจลาออกเราก็เกรงใจเจ้านายนะกลัวหาคนมาทำงานไม่ทัน ก่อนน่านั้นเรามีเรื่อง
ให้หงุดหงินมาสามสี่เดือนแล้ว แต่เราอดทน จนเรื่องล่าสุดมีผู้มีความคิด แต่ไม่เคยทำงาน ประจบ
เป็นเท่านั้น เข้ามาพัฒนาระบบการทำงาน ซึ่งในความเป็นจริงงานที่ทำไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
แต่คงอยากได้หน้า ก็เค้ามายุ่งงานที่เราทำ เราก็ทนทำตามอยู่ไม่นาน จนเราแย้งว่ามันคิดได้แต่
ไม่สามารถเอามาใช้ได้ทั้งหมด ขอเรียกบุคคลนั้นว่าสัมพเวสีแล้วกัน สัมพเวสีก็เงียบไปสู้เหตุผล
เราไม่ได้ เหมือนเรื่องจะจบ แต่ไม่จบ ก็มาวุ่นวานงานเราแบบเหตุผลที่เป็นใครก็ไม่สามารถทนได้
แบบว่างฉันจะเชคงานทุกตัว เอาเป็นว่าพูดตรงๆไม่ได้ ถ้าพูดแบบเหตุการณ์จริง คงจะรู้ตัว ซึ่งเรา
ไม่ได้ประสบปัญหาคนเดียว มีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหนึ่งคน เราก็คุยกันตลอด พอมีปัญหาแบบนี้
เจ้านายก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร เค้าก็คุยกับหัวหน้า แต่เราพึ่งทราบว่าความคิดของคนเป็นนาย เค้าคิดว่า
จะออกก็ออกไม่แคร์ เค้าจะปกป้องคนของเค้า ฉันไม่สนใจเด็กๆ และที่รู้มาว่าเค้าไม่ชอบหน้าตาเรา
กับพนักงานอีกคนบอกไม่มีราศรี พอเรารู้นะเราคิดเลย ไม่ชอบรับเราทำงานแต่เเรกทำไม และเอา
อะไรมาวัดเรากับพนักงานอีกคนว่าไม่มีราศรี เราเลย บอกลาออก โดยไม่คิดสงสารเลย ได้แต่บอก
ตัวเองหมดเวรกรรมกับคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ โบนัสไม่ได้ เราก็ไม่แคร์ คนภายนอกมองเค้าใจดีใจบุญ
แต่เรารู้แล้ว คนแบบนี่มือถือสากปากถือศีล ไม่มองคนที่ความสามารถ ตัดสินแค่พึงพอใจของเจ้านายเอง
ไม่มีอะไรเป็นระบบ ไม่มีอะไรเป็นมาตรฐาน เค้าเห็นเราเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่เคยนึกถึงใจพนักงานระดับล่าง
เพราะฉะนั้น สุขภาพจิตเราต้องมาก่อน อยากออกก็ออก ไม่ต้องไปสนใจจิตใจของเจ้าของบริษัทหรอก
เค้าไม่เสียดายเราหรอก คนที่เสียดายเรามีแต่คนที่ทำงานร่วมกับเราเท่านั้นที่เสียดายการทำงานของเรา
ส่วนใครที่ ทำงานองค์กรณ์เล็กๆ แล้วเจอที่ดีๆ
เราก็ดีใจด้วย ใครที่อยู่แล้วมีแต่เสียสุขภาพจิต ออกไปมีอนาคตที่ดีกว่าอย่าทนให้ที่ห่วยแตกแบบนี้ใช้งานเรา