ก่อนจะเขียนบทความนี้ ผมต้องบอกว่า ผมไม่ใช่พวก Anti Cyber นะครับ เพียงแต่อยากจะชี้โทษ ที่บางครั้งคนที่โพสต์อาจไม่ได้คิดว่า ผู้ที่รับสื่ออยู่ปลายทาง เค้าจะได้รับผลกระทบแค่ไหน สิ่งนี้มันพาสังคมไปสู่ความเสื่อมได้ขนาดไหน และมันทำให้ เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่นที่กำลังเรียนประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ซึ่งแทบไม่มีเกราะป้องกันอะไรเลย เสียหายขนาดไหน เพราะ เด็กเหล่านี้เสพสื่อ ที่พ่อแม่ แทบไม่สามารถส่องเข้าไปเห็น หรือรับรู้อะไรเลย
ผมขอเริ่มจาก นิสัยของมนุษย์ก่อน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อันนี้ทุกท่านทราบดี แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ชอบแบ่งชนชั้น วรรณะ มันเป็นนิสัยโดยสันดาน ที่มนุษย์ชอบอวดว่าเรามีสิ่งที่ดีกว่าคนอื่น สันดานอันนี้ก็เป็นสัญชาติญาณที่มนุษย์ได้มาตั้งแต่ยังเป็น “สัตว์” อยู่ เราจำเป็นต้องอวด เพื่อการ “สืบพันธุ์” ตัวผู้ก็ต้องอวด ตัวเมีย ว่าตัวผู้ดีกว่ายังไง ตัวเมียก็ต้องอวดตัวผู้ ว่าตัวเมียดีกว่าอย่างไร เพราะ มันเป็นการ “คัดเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุด” ให้สืบเชื้อสายให้ได้มากและระยะเวลายาวที่สุด ความคิดอันนี้ ก็ส่งผ่านมาให้มนุษย์ทุกคนชอบ “อวด” ไม่ว่าจะทางกายภาพ หรือ ทาง ไซเบอร์
ดังนั้น ผู้ส่งสาร (มนุษย์) ทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Line Wechat ฯลฯ สารพัดอย่าง พวกท่านไม่รู้ตัวหรอกครับว่ากำลัง “อวด” ไปตามสัญชาติญาณ ไม่ว่าจะอวดว่า ไปเที่ยวยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือ “อวด” ว่า กระเป๋า Chanel Coach Fendi etc. สิ่งเหล่านี้ ไม่เป็นปัญหาเลยครับ เมื่อสมัยก่อน เพราะ สังคมมันจำกัดตัวมันเองอยู่ สังคมชนชั้นสูง กษัตริย์ ขุนนาง เศรษฐี กลุ่มพวกเค้าจะใช้อะไร ทำอะไร มันก็ปิดอยู่ในวงสังคมเค้า คนที่อยู่ร่วมสังคมก็เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพที่จะใช้สอย จับจ่ายได้ แต่ในปัจจุบัน มันไม่ใช่ มันกลายเป็นว่า สังคมไซเบอร์ มันได้ทำลายกำแพงระหว่างชนชั้นออกไป ไม่ว่าชนชั้นสูง (คนมีเงิน) จะใช้อะไร จะ”อวด” อะไร จะ”อวย” อะไร คนนอกสังคมนี้ “รับรู้” ได้หมด ผมไม่ได้โทษสังคมชนชั้นสูง แต่ผมอยากจะบอกว่า คนส่งสาร คือ ใครก็ได้ ที่คุณกำลังภูมิใจ กับการที่คุณได้เอาเงินที่คุณหามาได้ (ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร) ใช้จ่ายสินค้าและบริการ และเอามา “อวด” (ด้วยความภูมิใจ) ในสังคมไซเบอร์ แล้วผู้รับสาร ก็เป็นใครก็ได้ที่อาจจะมีฐานะเช่นเดียวกับคุณ หรือฐานะด้อยกว่า แต่มันเกิดให้สิ่งที่เรียกว่า “การทำตามค่านิยม” (ที่อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้)
ปัญหาสังคมที่คุณเจอ ไม่ว่าจะเป็นการยืมเงินแล้วไม่คืน ขโมยของ ฆาตกรรม ล้วนแล้วมีพื้นฐานมาจาก ความต้องการที่ตัวเค้าไม่สามารถบรรลุความต้องการนั้น ด้วยความสามารถของเค้าเอง แล้วความต้องการนั้นมาจากไหนละ ก็เกิดจาก แรงกระตุ้นที่ส่วนหนึ่ง มาจากสังคมไซเบอร์ เฟสบุ๊ค ไลน์ และอื่นๆนี่แหละ ไม่ว่า คุณจะไปกินแล้ว ถ่ายรูปออกมาโชว์ ไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปโชว์ โชว์สมาร์ทโฟน กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ
จริงๆแล้ว ความต้องการ หรือ ความโลภ เป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องมี เพราะ มันเป็นแรงผลักดันให้ คนเราพัฒนาตนเอง ให้ขึ้นไปอยู่ในอีกระดับหนึ่ง แต่ผมถามว่า เด็กนักเรียน นักศึกษา เค้าสามารถไหม ขนาดที่เด็กมัธยม บ้านรวย ถ่ายรูปโชว์ เด็กที่บ้านฐานะต่ำกว่าจะทำเช่นไร เด็กผิดหรือที่เค้าเกิดมามีไม่เท่าเพื่อน ปิดเทอมไม่ได้เที่ยวต่างประเทศ ไม่ได้กินอาหารโรงแรมแล้วถ่ายรูปมาอวด สิ่งที่ผมกลัวไม่ใช่เด็กจะเกิดความโลภ แต่ผมกลัวว่า “ภูมิต้าทานเด็ก ไม่มากพอ” ถ้าเด็กคนนี้มีข้อดีอื่นๆ เช่น เรียนเก่ง เป็นที่ยอมรับของสังคมในกลุ่ม เค้าอาจจมีปัญหาด้านนี้น้อย เพราะ อย่างน้อยเค้ามีความภูมิใจ แต่เด็กที่เรียนปานกลาง หรือ อ่อน เค้าไม่มี “จุดขาย” สิ่งที่เค้าจะทำคืออะไร เราเห็นปัญหามากมายที่เด็กทำถึงขนาด ทำ “สลิปโอนเงินปลอม” เพื่อหลอกผู้ขายทางเน็ต ซึ่งก็มีฟ้องร้องกันไป หลายคดี
แล้วถามว่าปัญหานี้เกิดกับคนวัยทำงาน หรือ วัยชราไหม สังคมไซเบอร์ เฟสบุ๊ค ไลน์ ฯลฯ มันกระทบกับพวกเค้าไหม สำหรับคนวัยทำงาน คุณค่าในตัวเองมันเกิดขึ้นแล้ว ความอยากที่จะไปตามเพื่อนๆ มันก็มีบ้าง แต่ก็อยู่ในวิสัยที่จะใช้วิจารณญาณในการตัดสิน แต่ก็มีคนวัยทำงานไม่น้อย ที่ไม่สามารถต้านได้ เพราะ ความภูมิใจอันนั้น มันไม่มากพอ พวกเค้าและเธอต่างต้องการเป็นจุดเด่น เป็น “แกงค์นางฟ้า” ที่ต้องเฉิดฉาย แน่นอน เพื่อนในกลุ่มบางคนอาจจะลับแสง หรือ ดับแสงออกไปจากกลุ่มได้ หากเกิดภาวะไม่ดีทางเศรษฐกิจ (ซึ่งก็กำลังเป็นในปัจจุบัน) คุณผู้เป็นผู้ส่งสาร ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่อยากจะ “อวด” และ “ภูมิใจ” ว่าได้ใช้บริการหรือสินค้านั้นๆ แต่เคยคิดกลับบ้างไหม ว่ามันกำลังสร้าง ความ “อิจฉา” เล็กๆ ให้กับคนกลุ่มอื่น ที่เปิดมาเจอ ถ้าคนกลุ่มอื่นที่เค้าไม่มีฐานะพอ แล้วต้องการวิธีที่เร็วที่สุดที่จำทำตามแบบคุณ เค้าจะทำอย่างไร “ถูกกฏหมาย” หรือ “ผิดกฎหมาย” ส่วนสังคมวัยชรา ปัญหานี้มีไม่น้อย เพราะ ลูกหลานของแต่ละคน ก็มีหน้าที่การงานฐานะแตกต่างกัน และวัยชราเป็นวัยที่ บางครั้ง โดนปัญหารุมเร้ามามาก อาจผิดหวังหลายครั้ง และมีความหวังที่ลูกหลาน การแชร์ของคนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็น “ลูกหลาน ได้นู่น ได้นี่ เป็นนั่น เป็นนี่ ทำงานดีเลิศ หรือ ได้รับของขวัญจากลูกหลาน” ปัญหาก็ไม่ต่างจากกลุ่มคนในวัยอื่นๆ เพียงแต่ คนกลุ่มนี้ถ้าพวกเค้าแข่งแกร่งพอ เค้าก็จะไม่สนใจ เพราะ เข้าใจชีวิตดี ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจแฟบ แต่จะมีอีกกลุ่ม ที่ไม่อาจทำใจได้
ดังนั้น การ “อวด” หรือ “อวย” ผ่าน เฟสบุ๊ค หรือ ไลน์ ผู้ทำการส่งสาร บางครั้ง ก็ไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมา เพียงแต่ต้องการ “โชว์” เท่านั้น อยากให้ผู้ส่งสารคิดสักนิด ว่า สังคมที่คุณกำลังอยู่มันเปิดกว้างขึ้น ถ้าคุณโชว์ในสังคมปิด สังคมจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่สังคมเปิดมันไม่ใช่ มีผู้ด้อยฐานะมากมายที่เค้าไม่มีทาง สร้างฐานะได้ทันกับความต้องการเค้า ดังนั้น สิ่งที่เค้าทำ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีในสังคม เค้าอาจไปทำร้ายคุณไม่ได้ แต่เค้าอาจทำร้ายคนรอบข้างเค้า ถ้าคุณส่งสาร จะคิดสักนิด “แชร์” หรือ “โชว์” โดยระบุว่า โชว์เฉพาะในกลุ่มเพื่อน หรือ กลุ่มเฉพาะ ก็จะเป็นการลดความอยากให้กับคนอื่นๆ
สุดท้ายนี้ ไม่ใช่ว่า เฟสบุ๊ค ไลน์ หรือ สังคมไซเบอร์ไม่ดี ข้อดีมีมาก เป็นสถานที่กระจายความรู้(ที่ดี) อย่างไม่จำกัด แต่ทุกอย่างเป็น “ดาบสองคม” คนที่น่าสงสารคือ คนที่เค้าไม่มีพื้นฐาน ไม่มีข้อดีข้อเด่นอะไร โดยเฉพาะ เด็กๆ ที่บางครั้งพ่อแม่ก็ไม่อาจทราบได้ว่า ลูกๆของตนรับ “ข้อมูล” อะไรบ้าง ผ่านเจ้า สมาร์ทโฟนเล็กๆ และหวังว่า ผู้ส่งสารจะให้ความระมัดระวัง ไม่สร้างความ “อยาก” ที่ไม่จำเป็น ไม่สร้าง “ภาระ” ให้กับสังคม
สังคม Social ดาบสองคม หากใจอ่อนแอ โดนฟันทิ้งไม่ยั้ง ไม่ว่า เด็ก ผู้ใหญ่ ชรา
ผมขอเริ่มจาก นิสัยของมนุษย์ก่อน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อันนี้ทุกท่านทราบดี แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ชอบแบ่งชนชั้น วรรณะ มันเป็นนิสัยโดยสันดาน ที่มนุษย์ชอบอวดว่าเรามีสิ่งที่ดีกว่าคนอื่น สันดานอันนี้ก็เป็นสัญชาติญาณที่มนุษย์ได้มาตั้งแต่ยังเป็น “สัตว์” อยู่ เราจำเป็นต้องอวด เพื่อการ “สืบพันธุ์” ตัวผู้ก็ต้องอวด ตัวเมีย ว่าตัวผู้ดีกว่ายังไง ตัวเมียก็ต้องอวดตัวผู้ ว่าตัวเมียดีกว่าอย่างไร เพราะ มันเป็นการ “คัดเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุด” ให้สืบเชื้อสายให้ได้มากและระยะเวลายาวที่สุด ความคิดอันนี้ ก็ส่งผ่านมาให้มนุษย์ทุกคนชอบ “อวด” ไม่ว่าจะทางกายภาพ หรือ ทาง ไซเบอร์
ดังนั้น ผู้ส่งสาร (มนุษย์) ทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Line Wechat ฯลฯ สารพัดอย่าง พวกท่านไม่รู้ตัวหรอกครับว่ากำลัง “อวด” ไปตามสัญชาติญาณ ไม่ว่าจะอวดว่า ไปเที่ยวยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือ “อวด” ว่า กระเป๋า Chanel Coach Fendi etc. สิ่งเหล่านี้ ไม่เป็นปัญหาเลยครับ เมื่อสมัยก่อน เพราะ สังคมมันจำกัดตัวมันเองอยู่ สังคมชนชั้นสูง กษัตริย์ ขุนนาง เศรษฐี กลุ่มพวกเค้าจะใช้อะไร ทำอะไร มันก็ปิดอยู่ในวงสังคมเค้า คนที่อยู่ร่วมสังคมก็เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพที่จะใช้สอย จับจ่ายได้ แต่ในปัจจุบัน มันไม่ใช่ มันกลายเป็นว่า สังคมไซเบอร์ มันได้ทำลายกำแพงระหว่างชนชั้นออกไป ไม่ว่าชนชั้นสูง (คนมีเงิน) จะใช้อะไร จะ”อวด” อะไร จะ”อวย” อะไร คนนอกสังคมนี้ “รับรู้” ได้หมด ผมไม่ได้โทษสังคมชนชั้นสูง แต่ผมอยากจะบอกว่า คนส่งสาร คือ ใครก็ได้ ที่คุณกำลังภูมิใจ กับการที่คุณได้เอาเงินที่คุณหามาได้ (ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร) ใช้จ่ายสินค้าและบริการ และเอามา “อวด” (ด้วยความภูมิใจ) ในสังคมไซเบอร์ แล้วผู้รับสาร ก็เป็นใครก็ได้ที่อาจจะมีฐานะเช่นเดียวกับคุณ หรือฐานะด้อยกว่า แต่มันเกิดให้สิ่งที่เรียกว่า “การทำตามค่านิยม” (ที่อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้)
ปัญหาสังคมที่คุณเจอ ไม่ว่าจะเป็นการยืมเงินแล้วไม่คืน ขโมยของ ฆาตกรรม ล้วนแล้วมีพื้นฐานมาจาก ความต้องการที่ตัวเค้าไม่สามารถบรรลุความต้องการนั้น ด้วยความสามารถของเค้าเอง แล้วความต้องการนั้นมาจากไหนละ ก็เกิดจาก แรงกระตุ้นที่ส่วนหนึ่ง มาจากสังคมไซเบอร์ เฟสบุ๊ค ไลน์ และอื่นๆนี่แหละ ไม่ว่า คุณจะไปกินแล้ว ถ่ายรูปออกมาโชว์ ไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปโชว์ โชว์สมาร์ทโฟน กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ
จริงๆแล้ว ความต้องการ หรือ ความโลภ เป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องมี เพราะ มันเป็นแรงผลักดันให้ คนเราพัฒนาตนเอง ให้ขึ้นไปอยู่ในอีกระดับหนึ่ง แต่ผมถามว่า เด็กนักเรียน นักศึกษา เค้าสามารถไหม ขนาดที่เด็กมัธยม บ้านรวย ถ่ายรูปโชว์ เด็กที่บ้านฐานะต่ำกว่าจะทำเช่นไร เด็กผิดหรือที่เค้าเกิดมามีไม่เท่าเพื่อน ปิดเทอมไม่ได้เที่ยวต่างประเทศ ไม่ได้กินอาหารโรงแรมแล้วถ่ายรูปมาอวด สิ่งที่ผมกลัวไม่ใช่เด็กจะเกิดความโลภ แต่ผมกลัวว่า “ภูมิต้าทานเด็ก ไม่มากพอ” ถ้าเด็กคนนี้มีข้อดีอื่นๆ เช่น เรียนเก่ง เป็นที่ยอมรับของสังคมในกลุ่ม เค้าอาจจมีปัญหาด้านนี้น้อย เพราะ อย่างน้อยเค้ามีความภูมิใจ แต่เด็กที่เรียนปานกลาง หรือ อ่อน เค้าไม่มี “จุดขาย” สิ่งที่เค้าจะทำคืออะไร เราเห็นปัญหามากมายที่เด็กทำถึงขนาด ทำ “สลิปโอนเงินปลอม” เพื่อหลอกผู้ขายทางเน็ต ซึ่งก็มีฟ้องร้องกันไป หลายคดี
แล้วถามว่าปัญหานี้เกิดกับคนวัยทำงาน หรือ วัยชราไหม สังคมไซเบอร์ เฟสบุ๊ค ไลน์ ฯลฯ มันกระทบกับพวกเค้าไหม สำหรับคนวัยทำงาน คุณค่าในตัวเองมันเกิดขึ้นแล้ว ความอยากที่จะไปตามเพื่อนๆ มันก็มีบ้าง แต่ก็อยู่ในวิสัยที่จะใช้วิจารณญาณในการตัดสิน แต่ก็มีคนวัยทำงานไม่น้อย ที่ไม่สามารถต้านได้ เพราะ ความภูมิใจอันนั้น มันไม่มากพอ พวกเค้าและเธอต่างต้องการเป็นจุดเด่น เป็น “แกงค์นางฟ้า” ที่ต้องเฉิดฉาย แน่นอน เพื่อนในกลุ่มบางคนอาจจะลับแสง หรือ ดับแสงออกไปจากกลุ่มได้ หากเกิดภาวะไม่ดีทางเศรษฐกิจ (ซึ่งก็กำลังเป็นในปัจจุบัน) คุณผู้เป็นผู้ส่งสาร ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่อยากจะ “อวด” และ “ภูมิใจ” ว่าได้ใช้บริการหรือสินค้านั้นๆ แต่เคยคิดกลับบ้างไหม ว่ามันกำลังสร้าง ความ “อิจฉา” เล็กๆ ให้กับคนกลุ่มอื่น ที่เปิดมาเจอ ถ้าคนกลุ่มอื่นที่เค้าไม่มีฐานะพอ แล้วต้องการวิธีที่เร็วที่สุดที่จำทำตามแบบคุณ เค้าจะทำอย่างไร “ถูกกฏหมาย” หรือ “ผิดกฎหมาย” ส่วนสังคมวัยชรา ปัญหานี้มีไม่น้อย เพราะ ลูกหลานของแต่ละคน ก็มีหน้าที่การงานฐานะแตกต่างกัน และวัยชราเป็นวัยที่ บางครั้ง โดนปัญหารุมเร้ามามาก อาจผิดหวังหลายครั้ง และมีความหวังที่ลูกหลาน การแชร์ของคนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็น “ลูกหลาน ได้นู่น ได้นี่ เป็นนั่น เป็นนี่ ทำงานดีเลิศ หรือ ได้รับของขวัญจากลูกหลาน” ปัญหาก็ไม่ต่างจากกลุ่มคนในวัยอื่นๆ เพียงแต่ คนกลุ่มนี้ถ้าพวกเค้าแข่งแกร่งพอ เค้าก็จะไม่สนใจ เพราะ เข้าใจชีวิตดี ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจแฟบ แต่จะมีอีกกลุ่ม ที่ไม่อาจทำใจได้
ดังนั้น การ “อวด” หรือ “อวย” ผ่าน เฟสบุ๊ค หรือ ไลน์ ผู้ทำการส่งสาร บางครั้ง ก็ไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมา เพียงแต่ต้องการ “โชว์” เท่านั้น อยากให้ผู้ส่งสารคิดสักนิด ว่า สังคมที่คุณกำลังอยู่มันเปิดกว้างขึ้น ถ้าคุณโชว์ในสังคมปิด สังคมจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่สังคมเปิดมันไม่ใช่ มีผู้ด้อยฐานะมากมายที่เค้าไม่มีทาง สร้างฐานะได้ทันกับความต้องการเค้า ดังนั้น สิ่งที่เค้าทำ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีในสังคม เค้าอาจไปทำร้ายคุณไม่ได้ แต่เค้าอาจทำร้ายคนรอบข้างเค้า ถ้าคุณส่งสาร จะคิดสักนิด “แชร์” หรือ “โชว์” โดยระบุว่า โชว์เฉพาะในกลุ่มเพื่อน หรือ กลุ่มเฉพาะ ก็จะเป็นการลดความอยากให้กับคนอื่นๆ
สุดท้ายนี้ ไม่ใช่ว่า เฟสบุ๊ค ไลน์ หรือ สังคมไซเบอร์ไม่ดี ข้อดีมีมาก เป็นสถานที่กระจายความรู้(ที่ดี) อย่างไม่จำกัด แต่ทุกอย่างเป็น “ดาบสองคม” คนที่น่าสงสารคือ คนที่เค้าไม่มีพื้นฐาน ไม่มีข้อดีข้อเด่นอะไร โดยเฉพาะ เด็กๆ ที่บางครั้งพ่อแม่ก็ไม่อาจทราบได้ว่า ลูกๆของตนรับ “ข้อมูล” อะไรบ้าง ผ่านเจ้า สมาร์ทโฟนเล็กๆ และหวังว่า ผู้ส่งสารจะให้ความระมัดระวัง ไม่สร้างความ “อยาก” ที่ไม่จำเป็น ไม่สร้าง “ภาระ” ให้กับสังคม