"เต้ย"อยู่วงการพัฒนาตัว "ศรัทธา-จริงใจ" ต่ออาชีพแสดง



กลายเป็นพระเอกคนล่าสุดของ "ท่านมุ้ย "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ถูกเคี่ยวฝีมือลงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" สำหรับพระเอกหนุ่ม "เต้ย"พงศกร เมตตาริกานนท์ โดยจับคู่แสดงกับนางเอกสาว "มัดหมี่"พิมดาว พานิชสมัย

วันนี้จังหวะดีที่หนุ่มเต้ยแวะมาโปรโมตภาพยนตร์ เลยมีโอกาสพูดคุยกันยาวๆ

... เข้าวงการมากี่ปีแล้ว...

เต้ย - "3-4 ปีแล้วครับ ผมได้อะไรเยอะแยะเลย ทั้งวิชาการแสดงละคร ภาพยนตร์ ได้เรียนรู้การทำงาน ประสบ การณ์ต่างๆ ที่เข้ามาเรื่อยๆ ก็มีอะไรที่แตกต่างออกไป ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะ เดินสายนี้ แต่ก่อน อยากเป็นหมอฟัน อยากเป็นเภสัชกร แต่ก็ไม่ได้ (หัวเราะ) เลยจับพลัดจับผลูมาเป็นด้านนี้ ยิ่งตอนที่ไปเรียนนิเทศศาสตร์รู้สึกรักตรงนี้ จนกระทั่งมีประกวด The ldol Project 2 เลยได้มา"

... ตอนนี้มีผลงานแสดงเรื่องอะไรบ้าง...

เต้ย - "มีหนังเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ที่กำลังจะเข้าฉายสิ้นเดือนนี้ และละคร กำไลมาศ ซึ่งน่าจะได้ชมกันช่วงมกราคมปีหน้า ได้ร่วมงานกับ พี่เจนี่ (เทียนโพธิ์ สุวรรณ์) พี่จุ๋ย (วรัทยา) พี่ญาญ่าหญิง (รฐา) แรกๆ เกร็งแน่นอน แต่เขามีความเป็นมืออาชีพมาก แต่หลังๆ ก็เริ่มปรับตัวได้ เพราะมีความสนิทสนมกัน"

"อย่างเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ตอนแรกเป็นละครโทรทัศน์ แต่มีการปรับเปลี่ยนจนขึ้นโรงภาพยนตร์ แต่ตรงนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เราไม่ค่อยรู้ แต่ตอนถ่ายทำเราถ่ายในรูปแบบหนังอยู่แล้ว ใช้กล้องภาพยนตร์ถ่าย พอขยับขึ้นมาอีกสเต็ปผมว่ามันดูใหญ่ขึ้น เป็นอีกรูปแบบนึงเพียงแต่สั้นขึ้นด้วยระยะเวลา แต่มันเป็นศิลปะเหมือนกัน และเรื่องนี้ผมรับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ หรือสิน คาแร็กเตอร์จะเป็นคนซื่อสัตย์ จงรักภักดี รักเดียวใจเดียว"

... เรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" มีความยากง่ายยังไง...

เต้ย - "เรื่องนี้ยากครับ เพราะตอนนั้นเราเป็นนักแสดงใหม่มากๆ จำได้ว่าถ่ายพร้อมละคร คุณชาย รัชชานนท์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ต้อง ไปเจอนักแสดงรุ่นพี่ พี่เบิร์ด (พ.ท. วันชนะ), พี่ลิง (สมเกียรติ), มัดหมี่ (พิมดาว), อาหนิง (นิรุตติ์), อาเอก (สรพงศ์) เยอะมาก เราตื่นเต้นมาก ยิ่งได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ คือ ท่านมุ้ย เราต้องคอยเก็บเกี่ยวตลอดเวลากับนักแสดงรุ่นพี่ รุ่นอาวุโส และผู้กำกับฯ"

"ถือว่างานหินมากครับ มันยากตั้งแต่ภาษา เพราะปกติปัจจุบันเราไม่ได้พูดภาษาแบบนั้น แต่นี่เราต้องไปพูดแบบคนโบราณ ยิ่งมีคำราชาศัพท์เข้ามาด้วย คำควบกล้ำต้องชัด มันเลยยากมาก แล้วตอนนั้นยังใหม่อยู่ เรื่องแอ๊กติ้งก็ได้ท่านมุ้ยคอยสอน และได้พี่อ้อย-จิระวดี คอยช่วยเหลือด้วย ส่วนอุปสรรคที่เจอคือเรื่องการแสดงของเรา แต่ได้ท่านมุ้ยช่วยทุบให้จนได้ดี หรือซีนร้องไห้เราถ่ายกันหนักมาก แต่โชคดีที่ท่านถ่ายแบบเรียงซีน ทำให้เข้าใจอารมณ์"

... รู้สึกยังไงมาทำงานกับท่านมุ้ย...

เต้ย - "ตื่นเต้น รู้สึกเป็นเกียรติมาก เพราะเราติดตามท่านอยู่แล้วในสุริโยไท, พระนเรศวรฯ ก็ไม่น่าเชื่อว่าวันนึงจะได้มาร่วมงานกับท่าน และในวงการท่านคือคนที่ทุกคนเคารพนับถือมาก ถ้าใครผ่านท่านไปได้ก็ถือว่าผ่านจุดหินมาพอสมควร เห็นมีนักแสดงรุ่นใหญ่หลายคนบอกว่า ถ้าผ่านไปได้เรื่องอื่นก็สบายแล้ว ยิ่งผมเริ่มจากที่ยากๆ คือพีเรียด ท่านมุ้ยเคยแนะนำเรื่องความสามารถพิเศษ เพราะตอนแรกผมทำอะไรไม่เป็นเลย ท่านก็จับไปเรียนต่อยมวย ฟันดาบ ขี่ม้า พายเรือ คัดท้ายเรือ ทำทุกอย่าง ท่านให้แง่คิดว่าเราเป็นนักแสดงควรมีพวกนี้ครบตั้งแต่เริ่มต้น พอเขาเรียกใช้งานเราจะได้ทำเป็น จากนั้นก็ทำให้ผมคิดได้ว่า เราควรมีความสามารถพิเศษเยอะๆ เพื่อสามารถเล่นเป็นตัวนั้นนี้ได้"

... ความประทับใจในการทำงานเรื่องนี้...

เต้ย - "ทีมงานทุกคนตั้งใจทำมาก ฉากเหมือนจริงมาก ผมชื่นชอบฝ่ายพร็อบมาก เพราะเขาหาทุกอย่างได้เหมือนจริงมาก คอสตูมก็ดี จัดเสื้อผ้าเป๊ะ แสงในเรื่องนี้สวยมาก เขาใช้เวลาจัดแสงประมาณ 3-4 ชั่วโมง ในแต่ละฉาก"

... เห็นส่วนใหญ่เราจะเล่นแต่บทไทยๆ...

เต้ย - "เดี๋ยวจะมีละครปัจจุบันแล้วครับปีหน้า เรื่อง The Cupids บริษัทรักอุตลุดซ่อนรักกามเทพ ส่วนถ้าคนติดภาพพระเอกหน้าไทย มันก็คงเป็นหน้าที่ผมที่ต้องทำให้คนเชื่อให้ได้ในเรื่องต่อไป"

... ก่อนเข้าวงการ มีเตรียมใจกับข่าว ต่างๆ ไหม...

เต้ย - "คือเป็นคนสาธารณะก็ต้องมีคนจับตามองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องทำใจได้เพราะเป็นเรื่องธรรมดา และพอเข้ามาในวงการจริงๆ ก็มีบ้าง แต่เราไม่ซีเรียสนะ"

... น้อยใจไหม ที่พระเอกหลายคนเข้า มาเจนฯ เดียวกับเรา แต่เราไม่เปรี้ยงเท่าเขา...

เต้ย - เรามาเจเนอเรชั่นเดียวกัน มันก็มีความชอบของแฟนคลับแต่ละคนต่างกัน เพราะหน้าตาและบุคลิกนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส รวมถึงดวงของแต่ละคนด้วย ผมก็ไม่น้อยใจครับ เพราะเราเป็นเพื่อนนักแสดงในวงการเดียวกัน คือมันก็มีขึ้นๆ ลงๆ แต่ผมขออยู่ไปนานๆ ดีกว่า แต่ก็มีนักแสดงใหม่มาเรื่อยๆ ยิ่งปีที่ผ่านมาเยอะมาก เรากลายเป็นรุ่นพี่ไปแล้ว ถ้าให้แนะนำคงต้องเรื่องความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถพิเศษต่างๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว มีอีโก้ได้แต่อย่ามีเยอะครับ"

...ช่วงเจอกระแสอะไรแรงๆ มีคำพูดไหนไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจไหม...

เต้ย - "ส่วนมากจะเป็นกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่มากกว่า ท่านจะพูดว่า "เดี๋ยวก็ทำได้" แค่นี้เองครับและมันก็ทำได้จริงๆ"

... มองวงการบันเทิงไว้ยังไง...

เต้ย - "ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เรื่องการแสดง ได้บทมาก็ต้องทำให้เต็มที่ ให้คนดูเชื่อให้ได้ แต่ผมอยากเล่นบทฝาแฝด อยากเล่นเป็นคนความจำเสื่อม เป้าหมายสูงสุดในวงการอยากเป็นแบบพี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ เป็นนักแสดงก็ได้ เป็นศิลปินก็ได้ เป็นผู้กำกับฯ ก็ได้ ผมเคยคุยกับพี่อ๊อฟ เขาบอกว่าเราต้องศรัทธาและจริงใจกับอาชีพที่เราทำ เพราะสิ่งเหล่านี้มันเลี้ยงเราได้แน่นอน อย่างที่เขามีทุกวันนี้เพราะเขาจริงใจและศรัทธากับมัน ผมก็อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ"



ยังไม่พร้อมดูแลใคร-มองความรักเหมือนคนบ้า

ยืดอกลูกผู้ชายวัย 23 ปี ถึงเรื่องความรักว่ามีคุยกับสาวคนนั้นคนนี้ เพียงแต่ยังไม่พร้อมจะเปิดสถานะว่าเป็นแฟนกัน โดยพระเอกหนุ่ม "เต้ย-พงศกร" เปิดใจว่า "เพราะผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร ผมยังอยากทำงานก่อน และการที่เราจะยอมรับว่าเป็นแฟนกันมันดูเป็นการยึดติด ผูกมัดกัน เราเองก็ไม่รู้จะทำหน้าที่แฟนตรงนี้ได้ดีไหม สมกับที่เป็นแฟน เพราะผมรู้สึกยังไม่พร้อมที่จะเรียกใครเป็นแฟนได้"

ถามว่าอย่างแฟนคนล่าสุดนี่เมื่อไหร่ เต้ยหัวเราะก่อนตอบ "คนล่าสุดก็ไม่เรียกว่าแฟน น่าจะเป็นตั้งแต่ปั๊ปปี้เลิฟคือมัธยม นี่ก็โสดมา 4 ปีได้แล้ว นอกนั้นก็คุยกุ๊กกิ๊กไปเรื่อยๆ พอเป็นกำลังใจ เพียงแต่ไม่พร้อมมีใครจริงๆ เวลาเราทำงานเราไม่มีเวลา เราเหนื่อยเราก็ไม่อยากคุยโทรศัพท์ เราอยากนอน เพราะอีกวันนึงก็ต้องตื่นเช้า ถ้าจะมานอนคุยโทรศัพท์แล้วไม่ทำการบ้าน ไม่อ่านบท พรุ่งนี้ไปก็ยุ่งอีก"

จริงๆ แล้วตอนนี้มีคุยๆ บ้างหรือเปล่า พระเอกหนุ่มกล่าวว่า "มีคุยเรื่อยๆ ครับ เป็นสาวนอกวงการครับ ไม่เอาในวงการ เพราะเขาก็คงทำงานเหมือนกับเรา ไม่มีเวลาเหมือนกัน ยิ่งคนไม่มีเวลามาเจอกับคนไม่มีเวลาคงจบ"

ส่วนสเป๊กสาวๆ เจ้าตัวแง้ม "ชอบน่ารัก มีเสน่ห์ ไม่ซีเรียสว่าต้องสูงขาว แค่เข้ากับเรา เข้ากับครอบครัวเราได้ ไม่เที่ยวกลางคืน ที่ผ่านๆ มา ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่ครับ"

ปิดกั้นตัวเองจากความรักไหม "ไม่ปิดกั้นครับ ใครเข้ามาคุยได้หมด แต่ส่วนใหญ่ที่เข้ามา เขาจะค่อยๆ หายไปเองมากกว่า เพราะเราไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยตอบรับ"

และที่ไม่ค่อยเห็นข่าวกับสาวๆ หนุ่มเต้ยยืนยัน ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะรักษาภาพลักษณ์

"เราแค่ยังไม่พร้อมที่จะดูแลใครจริงๆ ตัวผมเองอยากเลี้ยงสุนัขยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อมาเลี้ยงเลย เพราะเราต้องมีเวลาให้มัน อย่างชีวิตส่วนตัวปกติของผมก็อยู่แต่ในบ้าน ดูหนัง วาดรูป เล่นกีฬา เล่นฟิตเนส เรียนอะไรเพิ่มเติมไปเรื่อย ชีวิตจะวนเวียนแค่นี้ เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่"

ครอบครัวมีถามไหม เรื่องสาวๆ เต้ย กล่าวว่า "ผมจะบอกคุณแม่ตลอดครับว่าคุยกับใคร คนนี้เข้ามาเป็นยังไง เข้าหาเขายังไง แต่ยังไม่เคยพาใครไปแนะนำให้ท่านรู้จักนะ แม่บอกว่าอายุ 30 ปีขึ้นไปค่อยแต่งงาน(หัวเราะ) เพราะท่านเคยเจอประสบการณ์มาแล้ว คือท่านแต่งงานเร็ว เขาก็สอนให้เราดูไว้ เพราะท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ผมก็ตั้งใจไว้เหมือนกันว่า 30 ขึ้นไปค่อยว่ากัน ผู้ชายไม่เสียหายอยู่แล้ว โอกาสจะทำงานนี้มันไม่ได้มาง่ายๆ ถ้าเราได้โอกาสต้องทำเต็มที่ครับ จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด จะทำทุกอย่างไม่ปล่อยให้เวลาเปล่าประโยชน์ไปวันๆ และที่ทำทุกวันนี้เพื่อครอบครัวและเพื่อตัวเองด้วย"

สุดท้ายเจ้าตัวเผยถึงเรื่องมุมมองความรักว่า "ก่อนที่เราจะพร้อมดูแลใครสักคนนึง เราต้องดูแลตัวเอง รักตัวเองด้วยแต่ไม่ใช่แบบเห็นแก่ตัวนะ คือต้องพร้อมดูแล คนอื่น มีเวลาให้เขาได้ ผมมองว่าความรักเหมือนคนบ้า เพราะมันทำให้เราเห็นอะไรผิดก็เป็นถูกหมด คนอื่นมองไม่ดียังไง แต่เราก็มองว่าดี คือประสบการณ์ตรงนิดหน่อยครับ แต่ผมว่าทุกคนเคยบ้ากันหมด"

รักสุขภาพ

เป็นหนึ่งหนุ่มที่รักสุขภาพ สำหรับ "เต้ย-พงศกร" ดูได้จากภาพที่โพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวของตัวเอง โดยเจ้าตัวยอมรับ "ใช่ครับ ส่วนมากถ้าว่างจะออกกำลังกาย เล่นกีฬา ผมชอบอยู่แล้ว"

"แต่ต้องดูแลหุ่นด้วยก็มีส่วน เพราะนักแสดงต้องมีบุคลิกภายนอกที่ดี อย่างตอนนี้ผมอยากให้ผอมลงเพื่อเตรียมตัวรับละครเรื่องใหม่ เพราะตัวใหญ่ไม่ได้แล้ว"

โดยกีฬาที่ชอบเล่นที่สุด เต้ยบอกว่ากอล์ฟ "ผมเล่นกอล์ฟตั้งแต่ ป.4 ที่เริ่มเล่นเพราะผมติดเกมส์ แม่เลยเอามาตีกอล์ฟ ตอนนั้นติดเกมส์แร็กนาร็อกมากๆ ช่วงแรกที่เล่นที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอหลังๆ เราเริ่มมีการเสียเงินในการเล่นเกมส์ เพราะต้องซื้อบัตรเข้าไปเล่น ไม่เช่นนั้นเล่นไม่ได้ เลยใช้เงินเยอะมาก และการเล่นเกมส์ทำให้สมาธิสั้นด้วย เวลาแม่พูดอะไรนิดหน่อยเราก็หงุดหงิด แม่เลยจับผมออกมาเล่นกีฬาดีกว่า ได้สุขภาพกว่าด้วย"

แม่ทำยังไง ถึงดึงเด็กติดเกมส์ออกมาได้ "โดนพ่อตีไงครับ คือตอนแรกเขาห้ามแล้ว แต่ผมหนีไปเล่นอีกครั้ง พอจับได้ก็จัดหนักเลย ผมเลยเริ่มตีกอล์ฟ ตอนนั้นโดนบังคับให้เล่น แต่พอไปตีก็สนุกดี แปลกใจที่ทำไมลูกกอล์ฟแค่นี้เราตีไม่โดน เลยเริ่มท้าทายตัวเองว่าเราต้องตีให้ได้ เห็นคนอื่นทำได้ เราเลยตั้งใจฝึกไปเรื่อยๆ และพอได้ไปแข่งเยาวชน ก็ได้เห็นสนามสวยๆ ธรรมชาติ เห็นหมอกตอนเช้าสวยมาก เลยหันมาชอบกอล์ฟ และก็เล่นยาวมาถึงปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่ารักกีฬานี้ครับ ไม่งั้นเราคงทิ้งไปนานแล้ว"

ส่วนมากไปตีกับใคร "กับน้าครับ เพื่อนน้าที่เป็นโปรกอล์ฟ ผมเองเคยคิดจะเอาดีด้านนี้นะตอนแรกอยากเป็นโปรกอล์ฟ แต่พอเรียนนิเทศ ศาสตร์เลยชอบ ทางนี้ อีกอย่างเราไม่มีเวลาซ้อม"

ปีใหม่นี้มีแพลน ไปไหนไหม เต้ย กล่าวว่า "อยู่บ้านครับ เพราะไม่อยากแย่งกันอยู่ แย่งกันกิน เคยเจอประสบการณ์แบบนี้นานมากแล้ว ไปพัทยากัน คนเยอะมาก คิดว่าปีใหม่อยู่บ้านดีกว่า"

"เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาหา เลยจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าเพราะไม่ค่อยได้เจอกัน อยู่แบบสบายๆ เงินไม่รั่วไหล(ยิ้ม)"


เครดิต

ข่าวสด ออนไลน์

ณัฐพร อินถา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่