"คริสต์มาสปีนี้ดูเงียบๆเนอะ" ผมพูดกับน้องชายบนโต๊ะอาหาร หลังจากผ่านคืนแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูตามความเชื่อของศาสนาคริสต์มาเมื่อวาน
"ยังไงเหรอ" น้องชายผมถามกลับ
"ก็ หมายถึงพวกงานเทศกาล ร้านรวงต่างๆ กิจกรรม ทั้งในทีวีกับข้างนอกนั่น ปีนี้ดูมันอึมครึม ไม่คึกครื้นแบบเมื่อก่อน"
น้องชายผมกลับแค่หัวเราะเบาๆ "นั่นเพราะพวกเราแก่ขึ้นรึเปล่า"
คำพูดของเจ้าน้องชายพุ่งเข้ามาสะกิดใจของผม ให้ต้องคิดทบทวนความคิดของตัวเองใหม่ นั่นสิ หรือเป็นเพราะตัวเราเองที่เปลี่ยนไป
ผมชอบเทศกาลคริสต์มาสลากยาวไปจนถึงปีใหม่ ไม่ใช่แค่ว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนหรอกนะ แต่ผมชอบบรรยากาศของมัน ผมชอบอากาศเย็นของฤดูหนาว แม้ประเทศไทยจะไม่มีหิมะสีขาวประดับให้เห็นก็ตามที ผมชอบต้นสนที่ถูกแต่งเติมด้วยของขวัญ ตุ๊กตา และแสงไฟ ชอบบรรยากาศที่ได้รับรู้ความรู้สึกของผู้คนที่มีความสุขรอบๆตัว คนทำงานที่ได้หยุดพักผ่อนยาวสักทีหลังจากเหนื่อยมาตลอดปี ครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง เพื่อนฝูงได้พบเจอสังสรรค์ด้วยเสียงหัวเราะเด็กๆที่เฝ้ารอของขวัญจากซานตาคลอสอย่างใจจดใจจ่อ คืนแห่งความทรงจำของคู่รักอีกหลายคู่ แม้ว่าบางคนจะไม่รู้ความหมายของวันคริสต์มาสด้วยซ้ำ แต่จะเป็นอะไรไปเล่า เทศกาลก็ได้มอบความสุขและความรักให้กับผู้คนอย่างที่พระเยซูตั้งใจแล้วนี่นา
ผมนึกทบทวนกับตัวเองว่าคริสต์มาสในความทรงจำของผม ที่ยังคงประทับใจล่าสุดคือเมื่อไหร่ คำตอบคือตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย วัยที่เต็มไปด้วยความฝัน เพื่อนพ้อง ความสนุกสนานโดยไม่ต้องสนใจความรับผิดชอบใดๆในชีวิต
เพราะเราแก่ขึ้นหรือเปล่า ผมเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของน้องชาย เพราะเราเติบโตขึ้นทำให้รับรู้และเข้าใจชีวิตมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เลยทำให้รู้ว่าในเบื้องหลังของภาพเทศกาลแห่งรอยยิ้มยังมีบางสิ่งที่ตัวเราในสมัยเด็กไม่เคยรับรู้ได้ถึงมัน
เมื่อเราเริ่มทำงาน เราจึงรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่ต้องเสียสละไม่ได้หยุดพักผ่อน ไม่ได้กลับบ้านมาเจอครอบครัวหรือคนรัก บางคนต้องทำงานล่วงเวลา บางคนก็เลือกที่จะไม่ไปไหนเพราะคนรักต้องทำงานล่วงเวลา บางคนเลือกที่จะเก็บตัวพักผ่อนเพราะเหนื่อยมามากเกินพอ
เมื่อเราต้องรับผิดชอบชีวิตมากขึ้นก็มีภาระหน้าที่ตามมาให้คิด โดยเฉพาะรายรับรายจ่าย บางสถานที่เลือกที่จะลดงานสังสรรค์หรือยกเลิกไปเพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง บางคนเลือกที่จะประหยัดรายจ่ายโดยไม่ออกไปร่วมเทศกาล
เมื่อเรารับรู้ข่าวสารมากขึ้น ทำให้รู้ว่าสภาพการเมืองเศรษฐกิจ ไม่ได้ราบรื่นคงที่ให้ท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ เรารับรู้ว่ามีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นทั่วมุมโลกตลอดปีที่ผ่านมา บางคนเลือกที่จะไม่ไปไหนเพราะต้องการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเจ็บป่วย
เมื่อเราเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น ทำให้รู้ว่าโลกไม่ได้ใจดีมอบแต่ความสุขให้ผู้คนอย่างที่เคยเข้าใจ ฤดูกาลที่แปรปรวนผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อม คริสต์มาสจึงกลับร้อนอบอ้าวแทนที่จะหนาวเย็น ครอบครัวหลายครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้า บางครอบครัวก็ไม่สามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าได้อีกตลอดไป เพื่อนฝูงหลายคนต่างออกไปใช้ชีวิตคนละเส้นทางและยากที่จะกลับมารวม คนรักที่มีเหตุให้ต้องไกลกัน หรือบางคู่ก็อาจเป็นคืนที่สร้างแผลใจให้จนไม่อยากจดจำ ของขวัญกลายเป็นสิ่งจำเป็นตามมารยาททางสังคม และซานตาคลอสไม่เคยมีอยู่จริงอีกต่อไป
เพราะเราเติบโตขึ้น วัยผู้ใหญ่ได้มอบความจริงของโลกให้ และทำลายจินตนาการเสียจนหมดสิ้น แต่กระนั้นเอง ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีความสุขได้อีกเลย เพียงแต่มันไม่ใช่ความสุขสนุกสนานตามจินตนาการในความฝัน แต่เป็นความสุขในชีวิตของโลกแห่งความเป็นจริง
บางคนไม่ได้หยุดงานในวันคริสต์มาส แต่เขามีความสุขในหน้าที่การงานที่ทำ
บางครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้าแต่ก็ติดต่อกันได้ผ่านทางเทคโนโลยี
เพื่อนฝูงที่แยกกันไปมีชีวิตคนละทาง ก็เลือกที่จะมีความสุขกับเส้นทางใหม่ของตัวเอง และยังสามารถติดต่อกันได้ถ้าคิดถึง
บางคนไม่ได้ออกไปไหนเพราะเหตุผลต่างๆนาๆ แต่ก็มีความสุขกับการได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน
คู่รักบางคู่ต้องกลับไปเป็นโสด แต่เชื่อเถอะว่ายังมีเพื่อนและครอบครัวรอให้คุณกลับไปพบเจอ
และถึงแม้ว่าไม่มีซานตาคลอสแล้ว แต่เราก็มอบของขวัญให้กันได้
คริสต์มาสของผมปีนี้ไม่มีของขวัญ ไม่มีงานเลี้ยงสังสรรค์ใหญ่โต ไม่มีเสียงเพลงไพเราะหรือแสงสีตระการ แต่ผมก็มีความสุขกับการเขียนหนังสือเงียบๆที่บ้าน อ่านหนังสือที่ชอบ ใช้ชีวิตกับครอบครัว และติดต่อพูดคุยกับคนสนิทเพียงบางคน แม้จะไม่ได้สนุกสนานสุดเหวี่ยงเหมือนความทรงจำในวัยเด็ก แต่ผมก็ยังชอบวันคริสต์มาสมากอยู่ดี
Merry Christmas 2015 ครับทุกคน
คริสต์มาสปีนี้ดูเงียบๆว่าไหมครับ
"ยังไงเหรอ" น้องชายผมถามกลับ
"ก็ หมายถึงพวกงานเทศกาล ร้านรวงต่างๆ กิจกรรม ทั้งในทีวีกับข้างนอกนั่น ปีนี้ดูมันอึมครึม ไม่คึกครื้นแบบเมื่อก่อน"
น้องชายผมกลับแค่หัวเราะเบาๆ "นั่นเพราะพวกเราแก่ขึ้นรึเปล่า"
คำพูดของเจ้าน้องชายพุ่งเข้ามาสะกิดใจของผม ให้ต้องคิดทบทวนความคิดของตัวเองใหม่ นั่นสิ หรือเป็นเพราะตัวเราเองที่เปลี่ยนไป
ผมชอบเทศกาลคริสต์มาสลากยาวไปจนถึงปีใหม่ ไม่ใช่แค่ว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนหรอกนะ แต่ผมชอบบรรยากาศของมัน ผมชอบอากาศเย็นของฤดูหนาว แม้ประเทศไทยจะไม่มีหิมะสีขาวประดับให้เห็นก็ตามที ผมชอบต้นสนที่ถูกแต่งเติมด้วยของขวัญ ตุ๊กตา และแสงไฟ ชอบบรรยากาศที่ได้รับรู้ความรู้สึกของผู้คนที่มีความสุขรอบๆตัว คนทำงานที่ได้หยุดพักผ่อนยาวสักทีหลังจากเหนื่อยมาตลอดปี ครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง เพื่อนฝูงได้พบเจอสังสรรค์ด้วยเสียงหัวเราะเด็กๆที่เฝ้ารอของขวัญจากซานตาคลอสอย่างใจจดใจจ่อ คืนแห่งความทรงจำของคู่รักอีกหลายคู่ แม้ว่าบางคนจะไม่รู้ความหมายของวันคริสต์มาสด้วยซ้ำ แต่จะเป็นอะไรไปเล่า เทศกาลก็ได้มอบความสุขและความรักให้กับผู้คนอย่างที่พระเยซูตั้งใจแล้วนี่นา
ผมนึกทบทวนกับตัวเองว่าคริสต์มาสในความทรงจำของผม ที่ยังคงประทับใจล่าสุดคือเมื่อไหร่ คำตอบคือตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย วัยที่เต็มไปด้วยความฝัน เพื่อนพ้อง ความสนุกสนานโดยไม่ต้องสนใจความรับผิดชอบใดๆในชีวิต
เพราะเราแก่ขึ้นหรือเปล่า ผมเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของน้องชาย เพราะเราเติบโตขึ้นทำให้รับรู้และเข้าใจชีวิตมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เลยทำให้รู้ว่าในเบื้องหลังของภาพเทศกาลแห่งรอยยิ้มยังมีบางสิ่งที่ตัวเราในสมัยเด็กไม่เคยรับรู้ได้ถึงมัน
เมื่อเราเริ่มทำงาน เราจึงรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่ต้องเสียสละไม่ได้หยุดพักผ่อน ไม่ได้กลับบ้านมาเจอครอบครัวหรือคนรัก บางคนต้องทำงานล่วงเวลา บางคนก็เลือกที่จะไม่ไปไหนเพราะคนรักต้องทำงานล่วงเวลา บางคนเลือกที่จะเก็บตัวพักผ่อนเพราะเหนื่อยมามากเกินพอ
เมื่อเราต้องรับผิดชอบชีวิตมากขึ้นก็มีภาระหน้าที่ตามมาให้คิด โดยเฉพาะรายรับรายจ่าย บางสถานที่เลือกที่จะลดงานสังสรรค์หรือยกเลิกไปเพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง บางคนเลือกที่จะประหยัดรายจ่ายโดยไม่ออกไปร่วมเทศกาล
เมื่อเรารับรู้ข่าวสารมากขึ้น ทำให้รู้ว่าสภาพการเมืองเศรษฐกิจ ไม่ได้ราบรื่นคงที่ให้ท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ เรารับรู้ว่ามีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นทั่วมุมโลกตลอดปีที่ผ่านมา บางคนเลือกที่จะไม่ไปไหนเพราะต้องการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือเจ็บป่วย
เมื่อเราเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น ทำให้รู้ว่าโลกไม่ได้ใจดีมอบแต่ความสุขให้ผู้คนอย่างที่เคยเข้าใจ ฤดูกาลที่แปรปรวนผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อม คริสต์มาสจึงกลับร้อนอบอ้าวแทนที่จะหนาวเย็น ครอบครัวหลายครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้า บางครอบครัวก็ไม่สามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าได้อีกตลอดไป เพื่อนฝูงหลายคนต่างออกไปใช้ชีวิตคนละเส้นทางและยากที่จะกลับมารวม คนรักที่มีเหตุให้ต้องไกลกัน หรือบางคู่ก็อาจเป็นคืนที่สร้างแผลใจให้จนไม่อยากจดจำ ของขวัญกลายเป็นสิ่งจำเป็นตามมารยาททางสังคม และซานตาคลอสไม่เคยมีอยู่จริงอีกต่อไป
เพราะเราเติบโตขึ้น วัยผู้ใหญ่ได้มอบความจริงของโลกให้ และทำลายจินตนาการเสียจนหมดสิ้น แต่กระนั้นเอง ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีความสุขได้อีกเลย เพียงแต่มันไม่ใช่ความสุขสนุกสนานตามจินตนาการในความฝัน แต่เป็นความสุขในชีวิตของโลกแห่งความเป็นจริง
บางคนไม่ได้หยุดงานในวันคริสต์มาส แต่เขามีความสุขในหน้าที่การงานที่ทำ
บางครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้าแต่ก็ติดต่อกันได้ผ่านทางเทคโนโลยี
เพื่อนฝูงที่แยกกันไปมีชีวิตคนละทาง ก็เลือกที่จะมีความสุขกับเส้นทางใหม่ของตัวเอง และยังสามารถติดต่อกันได้ถ้าคิดถึง
บางคนไม่ได้ออกไปไหนเพราะเหตุผลต่างๆนาๆ แต่ก็มีความสุขกับการได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน
คู่รักบางคู่ต้องกลับไปเป็นโสด แต่เชื่อเถอะว่ายังมีเพื่อนและครอบครัวรอให้คุณกลับไปพบเจอ
และถึงแม้ว่าไม่มีซานตาคลอสแล้ว แต่เราก็มอบของขวัญให้กันได้
คริสต์มาสของผมปีนี้ไม่มีของขวัญ ไม่มีงานเลี้ยงสังสรรค์ใหญ่โต ไม่มีเสียงเพลงไพเราะหรือแสงสีตระการ แต่ผมก็มีความสุขกับการเขียนหนังสือเงียบๆที่บ้าน อ่านหนังสือที่ชอบ ใช้ชีวิตกับครอบครัว และติดต่อพูดคุยกับคนสนิทเพียงบางคน แม้จะไม่ได้สนุกสนานสุดเหวี่ยงเหมือนความทรงจำในวัยเด็ก แต่ผมก็ยังชอบวันคริสต์มาสมากอยู่ดี
Merry Christmas 2015 ครับทุกคน