M I N I N O V E L
-1-
คานทองวิลลา “แอปเปิล”
10
“เฮ้ย! เอ้อ เอ่อ...มี...มีอะไรเหรอปรัง?”
นาปรังเห็นเพื่อนดูตกใจผิดปกติก็ให้ขมวดคิ้วยิ้มๆ พยายามชะเง้อหน้าดูสิ่งที่อยู่หลังเพื่อน เห็นเสี้ยวๆ ว่าเป็นจอแม่ของกล้องวงจรปิดก็ให้ยิ่งสงสัย
“นี่แกกำลังดูอะไรอยู่อ่ะ บอกมานะ แล้วก็...อย่าโกหกด้วย” หญิงสาวชี้มือขู่เพื่อนสาวร่างท้วมที่เหงื่อซกตามหน้าผาก อัมรายิ้มแหย ยอมถอยร่างไปด้านข้างเพื่อเผยให้คนถามดูแทนคำตอบทั้งหมดทั้งมวล นาปรังแกล้งมองจิกเพื่อนที่กระเถิบร่างไปจนชิดมุมสุด ครั้นพอเห็นเพื่อนยิ้มแหยพเยิดหน้าให้ดูเธอจึงได้ละสายตาหันกลับมาดูที่จอพร้อมกับเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้แทนอัมรา
และสิ่งที่เธอเห็นก็คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวสวนข้างบ้าน ครั้นพอชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา คนจ้องจอก็อุทานเป็นชื่อ
“ไอ้ปี?”
อัมราลอบกลืนน้ำลาย ส่วนนาปรังนั้นหันไปมองเพื่อนสาวพร้อมทวนชื่อนั้น
“ไอ้ปี? นี่แกดู....ดูไอ้ปีทำไมอ่ะแอปเปิล อย่าบอกนะว่าแกชอบมัน?”
“เฮ้ย! บ้า! คิดได้ไงเนี่ยว่าฉันจะชอบผู้ชายที่รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วอย่างมัน โอ้ย บ้าน่ะแก คือ...คือที่ฉันดูนี่ก็แบบ...คือมันไม่ได้สำคัญอะไรหรอกแก ก็แค่...ฉันแค่ไม่มีอะไรทำ” ในที่สุดอัมราที่ไม่รู้จะไปทางไหนสุดท้ายก็เลือกคำตอบที่...ฟังขึ้นที่สุด นาปรังเลิกคิ้วข้างหนึ่ง หัวเราะ
“หะ? ไม่มีอะไรทำ? เฮ้ย ฟังขึ้นๆ ฟังขึ้นมากแอปเปิล แกไม่ได้แสดงพิรุธอะไรเลยจริงๆ” หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาตบบ่าเพื่อนที่พยักหน้าเห็นด้วยพลางยิ้มแหยๆ หากต่อมาคนตบบ่าก็แว้ดใส่จนอีกคนสะดุ้ง
“จะบ้าเหรอ!! เชื่อแกก็โง่แล้วแอปเปิล! นี่ตอบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าแกดูมันทำไม แล้ว...” เธอหันหลังไปดูคนในจอที่กำลังเดินรอบสวนก่อนหันมาถลึงตาใส่เพื่อน “แล้วไอ้หัวปลีนั่นมันกำลังทำบ้าอะไรกับบ้านตัวเองอยู่ บอกมานะ ไม่งั้นเดือนนี้ฉันจะให้แกกินคลีนเช้ากลางวันเย็นเลย”
อัมรากลืนน้ำลายดังเอื๊อก คำว่ากินคลีนนี่น่ากลัวที่สุดแล้วในบรรดาทุกคำที่นาปรังใช้ขู่
“ว่าไง?!”
อัมราสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าตวาดลั่น หล่อนพะงาบๆ ปาก สบตาเพื่อนแล้วก็ให้กลัว รีบหลับตาปี๋หันหน้าหนียอมบอกความจริง
“ฉัน...ฉันให้ไอ้ปีหาต้นปีบที่แกปลูกน่ะ!”
“หะ!!” นาปรังเบิกตากว้าง “เฮ้ย! แล้ว...แล้วนี่แกจะให้มันหาทำไมเนี่ยยย!! โอ๊ยยยย!!! ไม่นะ ไม่ๆๆๆ” นาปรังเงยหน้ากุมหัวตัวเองก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องควบคุมกล้องฯ อัมราดึงตัวเองออกมาจากผนัง ชะเง้อหน้าดูเพื่อนที่วิ่งหายไปแล้วก็ให้ถอนใจโล่งอก ก่อนจะมาสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นพรึ่บ
“ชิบแล้ว! ไอ้ปี!”
“ไหนวะเนี่ย โอ้ย ใบ้อีกนิดก็ไม่ได้” คนกำลังก้มหาอะไรสักอย่างที่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเริ่มบ่นเพราะปวดหลังแล้วก็เหนื่อยแล้วด้วย เขาก้มหาอะไรที่ว่านั่นมาหลายสิบนาที แต่ก็...ไม่เห็นจะเจอบ้าอะไรเลยให้ตายสิ!
“หยุดนะไอ้ปี!”
เจ้าของชื่อชะงัก ค่อยๆ ยืดหลังหันไปดูเจ้าของเสียงแหลมที่ยืนหน้าบูดเป็นตูดช้างเอราวัณจากด้านหลัง
“หยุดหาต้นปีบซะที หายังไงแกก็ไม่มีทางเจอหรอก”
นาปีขมวดคิ้ว ทวนคำเมื่อกี้อย่างสะดุดหูที่สุด
“ต้นปีบ?”
นาปรังที่กำลังเดือดและก็กลัวคนตรงหน้าหาเจอ...ชะงัก ทำไมนาปีถึงทำหน้าเหมือนยังไม่รู้มาก่อน? เดี๋ยวนะ...
“อ้าว นี่ตกลงที่แอปเปิลมันให้หานี่ต้นปีบเหรอวะเนี่ย ฮะ ฮะๆ” เขาขำ ก่อนจะขมวดคิ้วเอียงคอถามคนตรงหน้า “เดี๋ยว...แล้วนี่มันรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบดอกปีบ แกบอกเหรอ เอ้ยไม่สิ แกเองก็ไม่น่าจะรู้หนิ...” เขาเหลือบตามองตรงไปยังคนข้างหน้าที่สะดุ้งเฮือกหน้าแดงกะทันหันจนเขาดูออก คือมันดูง่ายมากเพราะตอนนี้พิรุธเธอมันออกสุดๆ
“แน่ๆๆๆ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันตลอด แต่ที่แท้แกก็แอบเก็บรายละเอียดของฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่า...หา...” นาปีแกล้งเดินชี้นิ้วยิ้มๆ เข้าหาอีกคนที่ตอนนี้ไปไม่เป็นแล้ว ยืนตัวแข็งมองหาคำตอบที่ยิ่งหาไม่เจอเข้าไปใหญ่เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ากำลังเดินใกล้เข้ามา
“ฉัน...ฉันไม่ได้...”
“...แต่ที่แท้แกก็แอบเก็บรายละเอียดของฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่า...หา...”
กึก...เหมือนกัน...งั้นเหรอ?
หญิงสาวยิ้มร้ายเมื่อหาคำตอบเจอ เหลือบมองคนตรงหน้าแล้วเชิดหน้าสู้อย่างมั่นๆ
“แล้วทีแกล่ะ! เมื่อกี้ฉันได้ยินนะ ว่าแกพูดคำว่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็แสดงว่า...แกเอง...ก็เก็บรายละเอียดของฉันด้วยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะไอ้ปี! ใช่มั้ยๆๆๆ”
นาปรังรุกเดินหน้าหน้าตาเอาเรื่องจนนาปีที่มีท่าเหมือนจะถือไพ่เหนือกว่าก็ตกใจที่เธอสวนมาแบบนั้น ชายหนุ่มถอยหลังรัวตามความเร็วที่คุณเธอไล่มาจนเท้าเผลอไปเหยียบกอไม้พุ่มเตี้ยเข้าก็ชะงักก้มดู ทว่าคนที่ไล่มาไม่หยุดไม่รู้ว่าเขาจะหยุดจึงได้ปรี่หน้าชนอกแข็งเข้าเต็มแรง นาปีตกใจหันมารับตัวคนจะล้มหงายหลังไว้ในอ้อมอก กลิ่นหอมในระยะประชิดนี้ บวกกับกล้ามเนื้ออกที่นูนเสื้อเชิ้ตออกมาชิดตาแบบนี้ก็ทำให้นาปรังวี้ดลั่นผลักคนตัวสูงเต็มแรง ต่างคนต่างเซจากกัน
“นี่...นี่แกฉวยโอกาสฉันเหรอไอ้ปี ไอ้ชั่ว! ไอ้หัวปลีทะลึ่ง!!”
“เฮ้ย!! พอได้แล้ว! ด่าเอาๆ แว้ดๆๆ แบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นนางร้ายในละครรึไง หะ อ้อ และก็รู้ไว้ซะด้วยนะ ฉัน! ไม่เคยคิดจะแต๊ะอั๋งผู้หญิงขี้วีนขี้งกอย่างแกแน่! ก็แค่รับไว้ป่ะวะไม่ให้หงายเงิบไปข้างหลังแค่นั้น เอะอะอะไรโดนตัวนิดหน่อยทำวี้ดๆ เอ้อ” เขาบ่นยาวไม่สนว่าชะตากรรมหูตัวเองหลังจากนี้จะเป็นยังไง ทว่าสวรรค์ข้างบนคงเมตตาสงสารหูเขา จึงได้ส่งอัมรามาช่วยไว้ได้ทันก่อนที่ปากสีแดงสดของนาปรังจะได้อ้ากว้างเพื่อด่าเขาให้หายแค้น
“เฮ้ย พอได้แล้วพวกแกน่ะ หยุดทะเลาะหยุดเถียงกันได้แล้ว”
ทั้งสองหยุด หันไปมองอัมราที่พยายามเดินเร็วเข้ามาหาจนพุงเด้ง นาปรังหุบปากเรียบตึง หรี่ตามองเพื่อนสาว
“แกมาก็ดีและแอปเปิล แกคิดบ้าอะไรอยู่ถึงให้มันหาต้นปีบแบบนี้ นี่คิดจะเล่นบทแม่สื่อใช่มะ?”
“เอ่อ...เปล๊า! แม่สื่ออัลร๊ายยย ม้ายยย”
นาปรังเบะปาก
“แหม เสียงสูง พิรุธไม่มีเลยนะยะ”
“เฮ้ยเดี๋ยวนะ เล่นบทแม่สื่อเหรอ เอ่อ...มะ...หมายความว่ายังไงวะ?”
นาปีที่ถามออกมาเพราะสงสัยจริงๆ เรียกสติให้นาปรังที่เผลอพูดอะไรออกไปต้องตาแข็งค้างกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“ก็คืองี้ไง...”
ไม่ทันที่อัมราจะได้ชะเง้อหน้าไปอธิบายให้เพื่อนหนุ่มฟัง นาปรังก็ถลึงตาตกใจ รีบถลาไปปิดปากเพื่อนพร้อมกับลากแขนเพื่อนสาวร่างท้วมให้ออกไปจากบ้านด้วยกัน นาปีร้องอ้าว เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเพราะนาปรังชี้กราดมาที่เขาเชิงว่าอย่าตามมานะ!
อ่า...อะไรของยัยนั่นวะเนี่ย? นี่บทจะมาก็มา บทจะไปก็จะไปให้ได้เลยเชียว ฮื่อ...ชายหนุ่มถอนใจ มองอัมราที่พลิกหน้าผลึกผลักพยายามจะหาทางออกให้ปากตัวเองให้ได้ และแล้วหล่อนก็หาเจอ...
“ไอ้ปรังมันรู้ว่าแกชอบดอกปีบเลยหามาปลูกให้!!! อุ้บ!”
นาปีเบิกตากว้าง มองนาปรังที่เบิกตากว้างปิดปากเพื่อนทันควัน คุณเธอท่าจะตกใจมาก เพราะดูจากแววตาตื่นตระหนกแล้วก็ใบหน้าแดงๆ ลามถึงหูที่หันมานั้นมันทำให้เขา...คิดไกล อีกแล้ว!
“อย่าไปเชื่อมัน! มันโกหก!! แกห้ามเชื่อนะไอ้ปี!!!”
เสียงแหลมที่ตะโกนมาจากหน้าบ้านแหลมแปดปรอทราวกับต้องการบังคับให้อีกฝ่ายเชื่อเท่านั้น ไม่เชื่อไม่ได้ นาปีคลี่ยิ้มหน้าแดง ตะโกนตอบกลับไปเสียงดังบ้าง
“เออ!! ไม่เชื่อก็ได้!! แต่แกอ่ะ!! เก็บอาการหน่อยนะ!! หน้าแม่มโคตรแดงเลย!!!” แล้วก็หัวเราะคนที่หยุดชะงักยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเพื่อนสาวร่างท้วมรีบฉวยโอกาสนี้เผ่นแน่บไปนู้นแล้ว
“เฮ้ย! แอปเปิล! อย่าหนีฉันนะยัยเพื่อนบ้า! แอปเปิ๊ลลล!!!”
นาปียี๋ตาเอามือปิดหู โอย ใช้ได้เลย เสียงยัยนี่นี่ฆ่าคนตายได้เลยนะเนี่ย อานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าปี่พระอภัยฯ อีก
“ฮึๆ” เขาส่ายหน้าขำความคิดตัวเอง ลดมือลงเมื่อเสียงนั้นห่างออกไป...ห่างออกไปจนไม่ได้ยินอีก ครั้นเมื่อเสียงโวยวายหายไป ความเงียบสงบก็เข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ลมพัดผ่านเอากลิ่นดอกไม้โชยมาถึงเขา และเพราะกลิ่นดอกไม้สักชนิดหนึ่งที่โชยมาจึงทำให้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องหาต้นปีบให้เจอ แม้กลิ่นนี้จะไม่ใช่ดอกปีบ แต่มันก็ช่วยเตือนให้เขานึกถึงเจ้าต้นไม้ดอกที่แสนชื่นชอบขึ้นมาได้
“หึ หวังว่าต้นไม้มันยังใบไม่เหลืองนะ” เขาพูดกับตัวเองขำๆ เพราะจำได้ว่านาปรังเป็นคนมือร้อน ปลูกอะไรก็ตายหมด ซึ่งนั่นก็เลยกลายเป็นสาเหตุให้เธอเป็นคนที่เลี่ยงการปลูกและดูแลต้นไม้เรื่อยมา เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่เรียนวิชาเกษตรเธอจะแอบให้อัมราช่วยโดยแลกกับการที่เธอจะทำการบ้านอย่างอื่นให้เพื่อนสาวร่างท้วมเพื่อเป็นการตอบแทน เขานึกแล้วก็ขำ ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าต้นปีบต้นนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ดีมั้ย
อ่า...แค่นึกคงไม่มีทางรู้หรอก ของอย่างนี้มันต้องหา!
MINI NOVEL #1 คานทองวิลลา [ตอนที่ 10]
-1-
คานทองวิลลา “แอปเปิล”
10
“เฮ้ย! เอ้อ เอ่อ...มี...มีอะไรเหรอปรัง?”
นาปรังเห็นเพื่อนดูตกใจผิดปกติก็ให้ขมวดคิ้วยิ้มๆ พยายามชะเง้อหน้าดูสิ่งที่อยู่หลังเพื่อน เห็นเสี้ยวๆ ว่าเป็นจอแม่ของกล้องวงจรปิดก็ให้ยิ่งสงสัย
“นี่แกกำลังดูอะไรอยู่อ่ะ บอกมานะ แล้วก็...อย่าโกหกด้วย” หญิงสาวชี้มือขู่เพื่อนสาวร่างท้วมที่เหงื่อซกตามหน้าผาก อัมรายิ้มแหย ยอมถอยร่างไปด้านข้างเพื่อเผยให้คนถามดูแทนคำตอบทั้งหมดทั้งมวล นาปรังแกล้งมองจิกเพื่อนที่กระเถิบร่างไปจนชิดมุมสุด ครั้นพอเห็นเพื่อนยิ้มแหยพเยิดหน้าให้ดูเธอจึงได้ละสายตาหันกลับมาดูที่จอพร้อมกับเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้แทนอัมรา
และสิ่งที่เธอเห็นก็คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวสวนข้างบ้าน ครั้นพอชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา คนจ้องจอก็อุทานเป็นชื่อ
“ไอ้ปี?”
อัมราลอบกลืนน้ำลาย ส่วนนาปรังนั้นหันไปมองเพื่อนสาวพร้อมทวนชื่อนั้น
“ไอ้ปี? นี่แกดู....ดูไอ้ปีทำไมอ่ะแอปเปิล อย่าบอกนะว่าแกชอบมัน?”
“เฮ้ย! บ้า! คิดได้ไงเนี่ยว่าฉันจะชอบผู้ชายที่รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วอย่างมัน โอ้ย บ้าน่ะแก คือ...คือที่ฉันดูนี่ก็แบบ...คือมันไม่ได้สำคัญอะไรหรอกแก ก็แค่...ฉันแค่ไม่มีอะไรทำ” ในที่สุดอัมราที่ไม่รู้จะไปทางไหนสุดท้ายก็เลือกคำตอบที่...ฟังขึ้นที่สุด นาปรังเลิกคิ้วข้างหนึ่ง หัวเราะ
“หะ? ไม่มีอะไรทำ? เฮ้ย ฟังขึ้นๆ ฟังขึ้นมากแอปเปิล แกไม่ได้แสดงพิรุธอะไรเลยจริงๆ” หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาตบบ่าเพื่อนที่พยักหน้าเห็นด้วยพลางยิ้มแหยๆ หากต่อมาคนตบบ่าก็แว้ดใส่จนอีกคนสะดุ้ง
“จะบ้าเหรอ!! เชื่อแกก็โง่แล้วแอปเปิล! นี่ตอบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าแกดูมันทำไม แล้ว...” เธอหันหลังไปดูคนในจอที่กำลังเดินรอบสวนก่อนหันมาถลึงตาใส่เพื่อน “แล้วไอ้หัวปลีนั่นมันกำลังทำบ้าอะไรกับบ้านตัวเองอยู่ บอกมานะ ไม่งั้นเดือนนี้ฉันจะให้แกกินคลีนเช้ากลางวันเย็นเลย”
อัมรากลืนน้ำลายดังเอื๊อก คำว่ากินคลีนนี่น่ากลัวที่สุดแล้วในบรรดาทุกคำที่นาปรังใช้ขู่
“ว่าไง?!”
อัมราสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าตวาดลั่น หล่อนพะงาบๆ ปาก สบตาเพื่อนแล้วก็ให้กลัว รีบหลับตาปี๋หันหน้าหนียอมบอกความจริง
“ฉัน...ฉันให้ไอ้ปีหาต้นปีบที่แกปลูกน่ะ!”
“หะ!!” นาปรังเบิกตากว้าง “เฮ้ย! แล้ว...แล้วนี่แกจะให้มันหาทำไมเนี่ยยย!! โอ๊ยยยย!!! ไม่นะ ไม่ๆๆๆ” นาปรังเงยหน้ากุมหัวตัวเองก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องควบคุมกล้องฯ อัมราดึงตัวเองออกมาจากผนัง ชะเง้อหน้าดูเพื่อนที่วิ่งหายไปแล้วก็ให้ถอนใจโล่งอก ก่อนจะมาสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นพรึ่บ
“ชิบแล้ว! ไอ้ปี!”
“ไหนวะเนี่ย โอ้ย ใบ้อีกนิดก็ไม่ได้” คนกำลังก้มหาอะไรสักอย่างที่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเริ่มบ่นเพราะปวดหลังแล้วก็เหนื่อยแล้วด้วย เขาก้มหาอะไรที่ว่านั่นมาหลายสิบนาที แต่ก็...ไม่เห็นจะเจอบ้าอะไรเลยให้ตายสิ!
“หยุดนะไอ้ปี!”
เจ้าของชื่อชะงัก ค่อยๆ ยืดหลังหันไปดูเจ้าของเสียงแหลมที่ยืนหน้าบูดเป็นตูดช้างเอราวัณจากด้านหลัง
“หยุดหาต้นปีบซะที หายังไงแกก็ไม่มีทางเจอหรอก”
นาปีขมวดคิ้ว ทวนคำเมื่อกี้อย่างสะดุดหูที่สุด
“ต้นปีบ?”
นาปรังที่กำลังเดือดและก็กลัวคนตรงหน้าหาเจอ...ชะงัก ทำไมนาปีถึงทำหน้าเหมือนยังไม่รู้มาก่อน? เดี๋ยวนะ...
“อ้าว นี่ตกลงที่แอปเปิลมันให้หานี่ต้นปีบเหรอวะเนี่ย ฮะ ฮะๆ” เขาขำ ก่อนจะขมวดคิ้วเอียงคอถามคนตรงหน้า “เดี๋ยว...แล้วนี่มันรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบดอกปีบ แกบอกเหรอ เอ้ยไม่สิ แกเองก็ไม่น่าจะรู้หนิ...” เขาเหลือบตามองตรงไปยังคนข้างหน้าที่สะดุ้งเฮือกหน้าแดงกะทันหันจนเขาดูออก คือมันดูง่ายมากเพราะตอนนี้พิรุธเธอมันออกสุดๆ
“แน่ๆๆๆ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันตลอด แต่ที่แท้แกก็แอบเก็บรายละเอียดของฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่า...หา...” นาปีแกล้งเดินชี้นิ้วยิ้มๆ เข้าหาอีกคนที่ตอนนี้ไปไม่เป็นแล้ว ยืนตัวแข็งมองหาคำตอบที่ยิ่งหาไม่เจอเข้าไปใหญ่เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ากำลังเดินใกล้เข้ามา
“ฉัน...ฉันไม่ได้...”
“...แต่ที่แท้แกก็แอบเก็บรายละเอียดของฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่า...หา...”
กึก...เหมือนกัน...งั้นเหรอ?
หญิงสาวยิ้มร้ายเมื่อหาคำตอบเจอ เหลือบมองคนตรงหน้าแล้วเชิดหน้าสู้อย่างมั่นๆ
“แล้วทีแกล่ะ! เมื่อกี้ฉันได้ยินนะ ว่าแกพูดคำว่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็แสดงว่า...แกเอง...ก็เก็บรายละเอียดของฉันด้วยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะไอ้ปี! ใช่มั้ยๆๆๆ”
นาปรังรุกเดินหน้าหน้าตาเอาเรื่องจนนาปีที่มีท่าเหมือนจะถือไพ่เหนือกว่าก็ตกใจที่เธอสวนมาแบบนั้น ชายหนุ่มถอยหลังรัวตามความเร็วที่คุณเธอไล่มาจนเท้าเผลอไปเหยียบกอไม้พุ่มเตี้ยเข้าก็ชะงักก้มดู ทว่าคนที่ไล่มาไม่หยุดไม่รู้ว่าเขาจะหยุดจึงได้ปรี่หน้าชนอกแข็งเข้าเต็มแรง นาปีตกใจหันมารับตัวคนจะล้มหงายหลังไว้ในอ้อมอก กลิ่นหอมในระยะประชิดนี้ บวกกับกล้ามเนื้ออกที่นูนเสื้อเชิ้ตออกมาชิดตาแบบนี้ก็ทำให้นาปรังวี้ดลั่นผลักคนตัวสูงเต็มแรง ต่างคนต่างเซจากกัน
“นี่...นี่แกฉวยโอกาสฉันเหรอไอ้ปี ไอ้ชั่ว! ไอ้หัวปลีทะลึ่ง!!”
“เฮ้ย!! พอได้แล้ว! ด่าเอาๆ แว้ดๆๆ แบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นนางร้ายในละครรึไง หะ อ้อ และก็รู้ไว้ซะด้วยนะ ฉัน! ไม่เคยคิดจะแต๊ะอั๋งผู้หญิงขี้วีนขี้งกอย่างแกแน่! ก็แค่รับไว้ป่ะวะไม่ให้หงายเงิบไปข้างหลังแค่นั้น เอะอะอะไรโดนตัวนิดหน่อยทำวี้ดๆ เอ้อ” เขาบ่นยาวไม่สนว่าชะตากรรมหูตัวเองหลังจากนี้จะเป็นยังไง ทว่าสวรรค์ข้างบนคงเมตตาสงสารหูเขา จึงได้ส่งอัมรามาช่วยไว้ได้ทันก่อนที่ปากสีแดงสดของนาปรังจะได้อ้ากว้างเพื่อด่าเขาให้หายแค้น
“เฮ้ย พอได้แล้วพวกแกน่ะ หยุดทะเลาะหยุดเถียงกันได้แล้ว”
ทั้งสองหยุด หันไปมองอัมราที่พยายามเดินเร็วเข้ามาหาจนพุงเด้ง นาปรังหุบปากเรียบตึง หรี่ตามองเพื่อนสาว
“แกมาก็ดีและแอปเปิล แกคิดบ้าอะไรอยู่ถึงให้มันหาต้นปีบแบบนี้ นี่คิดจะเล่นบทแม่สื่อใช่มะ?”
“เอ่อ...เปล๊า! แม่สื่ออัลร๊ายยย ม้ายยย”
นาปรังเบะปาก
“แหม เสียงสูง พิรุธไม่มีเลยนะยะ”
“เฮ้ยเดี๋ยวนะ เล่นบทแม่สื่อเหรอ เอ่อ...มะ...หมายความว่ายังไงวะ?”
นาปีที่ถามออกมาเพราะสงสัยจริงๆ เรียกสติให้นาปรังที่เผลอพูดอะไรออกไปต้องตาแข็งค้างกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“ก็คืองี้ไง...”
ไม่ทันที่อัมราจะได้ชะเง้อหน้าไปอธิบายให้เพื่อนหนุ่มฟัง นาปรังก็ถลึงตาตกใจ รีบถลาไปปิดปากเพื่อนพร้อมกับลากแขนเพื่อนสาวร่างท้วมให้ออกไปจากบ้านด้วยกัน นาปีร้องอ้าว เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเพราะนาปรังชี้กราดมาที่เขาเชิงว่าอย่าตามมานะ!
อ่า...อะไรของยัยนั่นวะเนี่ย? นี่บทจะมาก็มา บทจะไปก็จะไปให้ได้เลยเชียว ฮื่อ...ชายหนุ่มถอนใจ มองอัมราที่พลิกหน้าผลึกผลักพยายามจะหาทางออกให้ปากตัวเองให้ได้ และแล้วหล่อนก็หาเจอ...
“ไอ้ปรังมันรู้ว่าแกชอบดอกปีบเลยหามาปลูกให้!!! อุ้บ!”
นาปีเบิกตากว้าง มองนาปรังที่เบิกตากว้างปิดปากเพื่อนทันควัน คุณเธอท่าจะตกใจมาก เพราะดูจากแววตาตื่นตระหนกแล้วก็ใบหน้าแดงๆ ลามถึงหูที่หันมานั้นมันทำให้เขา...คิดไกล อีกแล้ว!
“อย่าไปเชื่อมัน! มันโกหก!! แกห้ามเชื่อนะไอ้ปี!!!”
เสียงแหลมที่ตะโกนมาจากหน้าบ้านแหลมแปดปรอทราวกับต้องการบังคับให้อีกฝ่ายเชื่อเท่านั้น ไม่เชื่อไม่ได้ นาปีคลี่ยิ้มหน้าแดง ตะโกนตอบกลับไปเสียงดังบ้าง
“เออ!! ไม่เชื่อก็ได้!! แต่แกอ่ะ!! เก็บอาการหน่อยนะ!! หน้าแม่มโคตรแดงเลย!!!” แล้วก็หัวเราะคนที่หยุดชะงักยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเพื่อนสาวร่างท้วมรีบฉวยโอกาสนี้เผ่นแน่บไปนู้นแล้ว
“เฮ้ย! แอปเปิล! อย่าหนีฉันนะยัยเพื่อนบ้า! แอปเปิ๊ลลล!!!”
นาปียี๋ตาเอามือปิดหู โอย ใช้ได้เลย เสียงยัยนี่นี่ฆ่าคนตายได้เลยนะเนี่ย อานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าปี่พระอภัยฯ อีก
“ฮึๆ” เขาส่ายหน้าขำความคิดตัวเอง ลดมือลงเมื่อเสียงนั้นห่างออกไป...ห่างออกไปจนไม่ได้ยินอีก ครั้นเมื่อเสียงโวยวายหายไป ความเงียบสงบก็เข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ลมพัดผ่านเอากลิ่นดอกไม้โชยมาถึงเขา และเพราะกลิ่นดอกไม้สักชนิดหนึ่งที่โชยมาจึงทำให้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องหาต้นปีบให้เจอ แม้กลิ่นนี้จะไม่ใช่ดอกปีบ แต่มันก็ช่วยเตือนให้เขานึกถึงเจ้าต้นไม้ดอกที่แสนชื่นชอบขึ้นมาได้
“หึ หวังว่าต้นไม้มันยังใบไม่เหลืองนะ” เขาพูดกับตัวเองขำๆ เพราะจำได้ว่านาปรังเป็นคนมือร้อน ปลูกอะไรก็ตายหมด ซึ่งนั่นก็เลยกลายเป็นสาเหตุให้เธอเป็นคนที่เลี่ยงการปลูกและดูแลต้นไม้เรื่อยมา เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่เรียนวิชาเกษตรเธอจะแอบให้อัมราช่วยโดยแลกกับการที่เธอจะทำการบ้านอย่างอื่นให้เพื่อนสาวร่างท้วมเพื่อเป็นการตอบแทน เขานึกแล้วก็ขำ ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าต้นปีบต้นนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ดีมั้ย
อ่า...แค่นึกคงไม่มีทางรู้หรอก ของอย่างนี้มันต้องหา!