ลูกปืนคลัทช์แตก มันก็เหมือนสายคลัทช์ขาด…เรามีวิธีเอาตัวรอดยังไง!!!
จริงๆ แล้ว มันไม่ได้น่าวิตกหรือน่ากลัวอย่างที่หลายๆ คนคิด เพราะถ้า “ลูกปืนคลัทช์แตก” มันก็เหมือนกับการที่ “สายคลัทช์ขาด” ซึ่งจะส่งผลให้เราไม่สามารถที่จะตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ได้เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ แต่เรายังสามารถที่จะเปลี่ยนเกียร์ได้แม้ว่ามันอาจจะมีอาการกระตุกบ้างก็ตาม...ถ้าใครเคยขี่รถมีคลัทช์แล้วสายคลัทช์ขาดระหว่างการใช้งานก็จะรู้ว่า เรายังสามารถที่จะขับขี่เคลื่อนที่ไปต่อได้เหมือนกัน...ตัวผมเองก็เคยสายคลัทช์ขาดในระหว่างการขับขี่เช่นกัน!!!
วันนี้ก็เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง หากว่าใครเจอเข้ากับเหตุการณ์สายคลัทช์ขาดหรือลูกปืนคลัทช์แตกจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เราสามารถขับขี่เดินทางต่อไปยังจุดหมายหรือไปยังร้านซ่อมได้...
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า อาการลูกปืนคลัทช์แตกหรือสายคลัทช์ขาดมันเป็นยังไง??...
อาการที่เราจะเจอก็คือ ไม่สามารถที่จะตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ได้ในเวลาที่บีบก้านคลัทช์ เช่น เมื่อเราบีบคลัทช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์แต่เครื่องยนต์ยังคงทำงานเหมือนเดิมและไม่สามารถที่จะเข้าเกียร์ได้ตามปกตินั่นเอง...อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือ “ตั้งสติ” ให้ดีอย่าตกใจเป็นอันขาด
จากนั้นให้ผ่อนคันเร่งลงแล้วขี่ชิดซ้ายพร้อมทั้งพยายามเปลี่ยนเกียร์ให้มาอยู่ใน “ตำแหน่งเกียร์ว่าง” ซึ่งวิธีการนี้ก็คือการชิพเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัทช์นั่นเอง (เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยทำการอย่างแน่นอน) และเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างแล้วก็ใช้เบรกชะลอความเร็วและหยุดรถ แค่นี้เราก็สามารถจอดรถได้อย่างปลอดภัยแล้ว จากนั้นก็ค่อยหาวิธีแก้ไขกันต่อไป...
แต่ถ้าใครที่มีทักษะและประสบการณ์ขับขี่มาโชกโชน ก็อาจจะขี่ต่อไปยังศูนย์บริการหรือร้านซ่อมต่อไปได้ เพราะเครื่องยนต์ยังสามารถทำงานได้เพียงแต่ใช้คลัทช์ในการตัดต่อกำลังเครื่องตอนเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ แต่เรายังสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ แต่อาจจะมีอาการกระตุกบ้างในช่วงของการเปลี่ยนเกียร์ครับ...
ใครที่ใช้รถมีคลัทช์อยู่...ลองซ้อมกันดูบ้างก็ดีนะ ลองเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ซึ่งจะรู้ว่าเราสามารถทำได้อย่างสบายๆ เผื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อเจอกับเหตุการณ์สายคลัทช์ขาดหรือลูกปืนคลัทช์แตกนะครับ!!!
ลูกปืนคลัทช์แตก มันก็เหมือนสายคลัทช์ขาด…เรามีวิธีเอาตัวรอดยังไง!!!
จริงๆ แล้ว มันไม่ได้น่าวิตกหรือน่ากลัวอย่างที่หลายๆ คนคิด เพราะถ้า “ลูกปืนคลัทช์แตก” มันก็เหมือนกับการที่ “สายคลัทช์ขาด” ซึ่งจะส่งผลให้เราไม่สามารถที่จะตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ได้เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ แต่เรายังสามารถที่จะเปลี่ยนเกียร์ได้แม้ว่ามันอาจจะมีอาการกระตุกบ้างก็ตาม...ถ้าใครเคยขี่รถมีคลัทช์แล้วสายคลัทช์ขาดระหว่างการใช้งานก็จะรู้ว่า เรายังสามารถที่จะขับขี่เคลื่อนที่ไปต่อได้เหมือนกัน...ตัวผมเองก็เคยสายคลัทช์ขาดในระหว่างการขับขี่เช่นกัน!!!
วันนี้ก็เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง หากว่าใครเจอเข้ากับเหตุการณ์สายคลัทช์ขาดหรือลูกปืนคลัทช์แตกจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เราสามารถขับขี่เดินทางต่อไปยังจุดหมายหรือไปยังร้านซ่อมได้...
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า อาการลูกปืนคลัทช์แตกหรือสายคลัทช์ขาดมันเป็นยังไง??...
อาการที่เราจะเจอก็คือ ไม่สามารถที่จะตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ได้ในเวลาที่บีบก้านคลัทช์ เช่น เมื่อเราบีบคลัทช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์แต่เครื่องยนต์ยังคงทำงานเหมือนเดิมและไม่สามารถที่จะเข้าเกียร์ได้ตามปกตินั่นเอง...อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือ “ตั้งสติ” ให้ดีอย่าตกใจเป็นอันขาด
จากนั้นให้ผ่อนคันเร่งลงแล้วขี่ชิดซ้ายพร้อมทั้งพยายามเปลี่ยนเกียร์ให้มาอยู่ใน “ตำแหน่งเกียร์ว่าง” ซึ่งวิธีการนี้ก็คือการชิพเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัทช์นั่นเอง (เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยทำการอย่างแน่นอน) และเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างแล้วก็ใช้เบรกชะลอความเร็วและหยุดรถ แค่นี้เราก็สามารถจอดรถได้อย่างปลอดภัยแล้ว จากนั้นก็ค่อยหาวิธีแก้ไขกันต่อไป...
แต่ถ้าใครที่มีทักษะและประสบการณ์ขับขี่มาโชกโชน ก็อาจจะขี่ต่อไปยังศูนย์บริการหรือร้านซ่อมต่อไปได้ เพราะเครื่องยนต์ยังสามารถทำงานได้เพียงแต่ใช้คลัทช์ในการตัดต่อกำลังเครื่องตอนเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ แต่เรายังสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ แต่อาจจะมีอาการกระตุกบ้างในช่วงของการเปลี่ยนเกียร์ครับ...
ใครที่ใช้รถมีคลัทช์อยู่...ลองซ้อมกันดูบ้างก็ดีนะ ลองเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ซึ่งจะรู้ว่าเราสามารถทำได้อย่างสบายๆ เผื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อเจอกับเหตุการณ์สายคลัทช์ขาดหรือลูกปืนคลัทช์แตกนะครับ!!!