ตัวตนที่แท้จริงของเรา(วัยรุ่นปัจจุบัน)ต่อมุมมองของคนเป็นพ่อแม่. เราอยากจะถามความเห็นของคนที่เป็นวัยเดียวกับเรากับคนที่เป

สวัสดีค่ะ ที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเราอยากรู้ว่าในมุมมองของหลายๆวัยที่ต่างกัน และในแต่ละสังคมจะมีความเห็นอย่างไรบ้าง ?
และเราเป็นคนสองบุคลิกจนบางทีเราก็กลัวตัวเองขึ้นมาว่าเป็นคนยังไงกันแน่ และเราควรจะบอกหรือคุยกับคนในครอบครัวไหมว่าจริงๆแล้วเราเป็นคนแบบนี้

ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของเราและเรารู้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม (ซึ่งปัจจุบันเรื่องแบบนี้ก็เห็นได้ปกติไปแล้ว)
เพราะฉะนั้นถ้าจะด่า จะติ จะเตียน ให้คำแนะนำ หรือพูดจารุนแรงเรารับได้แต่อย่าเกินเลยถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เรา

(ยาวหน่อยนะ จะมีเรื่องรักของเราอาจจะสอนหลายๆคนได้ และเรื่องของเรากับครอบครัว)
เราเป็นคนรอบนอกที่เข้ามาเรียนในตัวเมืองของจังหวัด บ้านเรามีฐานะค่อนข้างดี พ่อแม่รับข้าราชการและมีธุรกิจส่วนตัวเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม และค่อนข้างจะหัวโบราณอาจเนื่องมาจากท่านเป็นข้าราชการบวกกับสังคมรอบนอกอะนะ เราเติบโตมากับครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่เราเป็นคนมีเหตุผลพอสมควร เวลาเราอยากได้ของเล่น ถ้าพ่อแม่เห็นว่ามันไม่มีประโยชน์ก็จะไม่ยอมซื้อให้เรา แม้ว่าเราจะร้องไห้เสียงดังกลางห้าง ก็จะไม่ดุ หรือตี แต่จะเดินหนีเราไป ตอนเด็กๆเราจึงไม่ค่อยอยากได้อะไร เพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่ซื้อให้แน่นอน และสิ่งที่จำเป็นพ่อแม่เราจะให้โดยไม่ต้องขอ เมื่อก่อนเราเป็นคนที่ตามใจคนอื่น ชอบพูดว่าแล้วแต่เราอะไรก็ได้ พ่อแม่ซื้อมาเราชอบหมดเลย เราไม่เคยปฏิเสธใครเลย ยอมคน ค่อนข้างที่จะถนอมน้ำใจคนอื่นมาก ไม่พูดโกหก และไม่เคยเถียงพ่อแม่เลย คือเราค่อนข้างที่จะเป็นเด็กดีมากในช่วงเวลานั้น ใสๆบริสุทธิ์ จิ้มลิ้ม555 การเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ดีตลอด

จนเราขึ้นม.1พ่อแม่เราส่งให้มาอยู่รร.หญิงล้วนในตัวเมือง มีหอพักประจำที่เข้มงวด ในช่วงนั้นที่จากพ่อแม่มาอยู่คนเดียว เราร้องไห้กลับบ้านทุกวัน พ่อแม่เราบอกให้อดทนและจะมาหาแค่เดือนละครั้ง ทั้งที่บ้านเรากับตัวเมืองขับรถแค่ชั่วโมงครึ่ง จะร้องไห้แค่ไหนก็ไม่ใจอ่อน นั้นทำให้เราต้องพึ่งตัวเองมากขึ้นและเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เราอยู่หอพักประจำสามปี ไม่เคยมีปัญหาเลย ไม่เคยแหกกฎของหอพัก มันเข้มงวดมาก ที่เราไม่ทำเพราะเรากลัวอาจารย์คุมหอเสียใจในตัวเราถ้าเราทำผิดกฏ นั้นก็เป็นการย้ำอีกว่าเราเป็นเด็กดีมาตลอดนะ พ่อแม่เราจึงไว้ใจเรามาก

พอขึ้นม.ปลาย เราย้ายโรงเรียนจากโรงเรียนหญิงล้วนไปโรงเรียนสห เราจึงย้ายจากหอพักประจำมาอยู่หอนอกหญิงล้วนที่มีกฏเคร่งกว่าหอนอกธรรมดา เช่น ต้องกลับเข้าหอไม่เกิน 2 ทุ่ม ห้ามใส่กางเกงขาสั้นเหนือเข่า ทุก4ทุ่มจะมีคนมาตรวจทุกห้องว่าอยู่ครบหรือเปล่า ถ้าจะออกไปนอนค้างที่อื่นต้องให้ผู้ปกครองเซ็นรับทราบถึงจะออกได้ เราก็โอเค เราไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะเราเคยอยู่ที่เข้มงวดกว่านี้

ซึ่งช่วงม.ปลายเนี่ยแหละทำให้เราเปลี่ยนไป พอเปิดเรียนม.4 เราตื่นเต้นมาก เราชอบโรงเรียนนี้ โรงเรียนสหทุกอย่างจะแตกต่างจากโรงเรียนหญิงล้วนสิ้นเชิง ทั้งกลุ่มเพื่อน สังคมในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน ทุกคนรู้จักกันหมด เฮฮาปาจิงโกะมาก ซึ่งถ้าเป็นรร.หญิงล้วน เพื่อนจะอยู่กันเป็นกลุ่ม ค่อนข้างจะหยิ่ง รู้จักกันแค่ในกลุ่มเพื่อนตัวเอง บางคนอยู่ห้องด้วยกันมาสองสามปียังจำชื่อเพื่อนไม่ได้เลย เราไม่ได้พูดเว่อร์นะ มันเป็นความจริง55 เราชอบที่นี้มากทุกอย่างมีความสุขเหมือนได้เกิดใหม่อะรู้สึกยังงั้นเลย พอเปิดเรียนได้สักพักเราก็มีผู้ชายมาจีบ หน้าตาเราก็ไม่ถือว่าสวยนะ แต่จะออกเชิงน่ารักมากว่า(ชมตัวเอง?) ขาวๆหมวยๆ ตัวเล็กๆ ประมาณนั้น คนที่เข้ามาจีบเราเป็นรุ่นเดียวกับเราสูงๆ ขาว หน้าตาดี คือก็ดังในโรงเรียนว่างั้นเถอะ ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้สนใจหรอก เพราะเราอยู่หญิงล้วนมาเราเคยมีแฟนเป็นทอม เป็นผู้หญิงมาตลอด เราเลยไม่ได้พิศวาสผู้ชาย ถึงเราเป็นเด็กดีมาตลอดแต่เราก็มีแฟนนะ55 ตอนม.ต้น(ไวไปป่าววะ) พ่อแม่เราไม่รู้หรอก ท่านนึกว่าเพื่อนกัน ที่จริงเป็นเพื่อนกันนั้นแหละไปๆมาๆเป็นแฟนกันเฉย แต่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งนะ ตอนนั้นเราคบเหมือนเพื่อนเนี่ยแหละไปโรงเรียน ทำการบ้านด้วยกัน มากสุดก็แค่จับมือกันแค่นั้น

ต่อๆแล้วผู้ชายคนเนี่ยแหละที่เราจะจำจนวันตายเลย มันเข้ามาจีบเรา คุยกับเรา และเริ่มสนิทกับเรามากขึ้น เพื่อนๆทุกคนเชียร์ในเราคบกับมัน แต่เราก็เฉยๆอะ5555 เราหยิ่ง แต่เราก็ไปถามเพื่อนๆเก่าๆที่รู้จักมันมาก่อนว่าเป็นคนยังไง บางคนก็บอกว่ามันดีนะแก รักใครรักจริง หล่อด้วย คนชอบเพียบ ไม่ก็เอาเลยๆกูอะอิจฉา เราเลยไปลองถามเพื่อนผู้ชายบ้าง คือมันก็ตอบแบบ มันเจ้าชู้นะเมื่อก่อนอะ แต่ตอนนี้มันรักจริงแล้วแหละ ก็ลองดู เราก็อื้มๆตกลงเป็นแฟนกับมัน ซึ่งเป็นผู้ชายคนแรกที่เราคบ นี่ตอนม.4 นะ (ตอนนี้พอเรามองย้อนไปม.สี่มันยังเด็กอยู่เลยที่จะมีแฟน คือตอนนี้เราคงแก่แล้วมั้ง-.-) มันดีมากๆ ตอนเราคบกัน ตอนเช้าซื้อข้าวให้เรารอเราออกหอมากินด้วยกัน ซึ่งปกติเราออกหอตอนเกือบแปดโมงแล้ว แต่มันมาโรงเรียนหกโมงครึ่ง คือมานั่งรอเราทุกวัน ทุกพักเบรก พักเที่ยง จะมาหาเราที่ห้องตลอด ตอนเย็นถ้าเราเพื่อนรูมเมทเราไม่ว่าง มันก็จะเดินไปส่งเราที่หอแล้วเดินกลับเอง(หอเราไกลจากโรงเรียนประมาน1กิโล) โทรหาเราทุกวัน บอกรักเราทุกวัน ไม่พูดคำหยาบกับเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรามีความสุขมากจนเราคิดว่ามันเป็นของตาย ซึ่งปกติแล้วเราเฉยๆ หยิ่งๆหน่อยอยู่แล้ว เราไม่ค่อยได้ทำให้มันเลย มันทำให้ตลอด ทำให้เราเคยตัว เราเอาแต่ใจมากขึ้นและคุยกับผู้ชายคนอื่น จนมันจับได้ ครั้งแรก เราเสียใจนะ เราบอกว่าเราจะไม่คุยอีก มันก็ให้อภัยเรา เราก็แอบคุยต่อ มันก็จับได้อีก จนครั้งที่สอง มันบอกเราว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อีกมันจะเลิกกับเรา เราก็ตกลงเราจะไม่อะไรกับใครอีก แต่ตอนสุดท้ายเราก็ทำอีก แล้วมันก็จับได้ ครั้งนี้มันไปจริงๆ เราเสียใจมากเหมือนเราเพิ่งรู้ว่ามันสำคัญ เพิ่งรู้ว่ามันทำเพื่อเราขนาดไหน คือทำดีให้เราทุกอย่างแต่เรากลับไม่เห็นค่าอะไรเลย เสมอต้นเสมอปลายตลอด เราจึงตัดสินใจไปง้อมันอีก แล้วมันก็บอกว่ามันมีข้อเสนอมันจะกลับมาแต่ต้องแลกด้วยการมีอะไรกับเรา ถึงจุดนี้คือเราอึ้งไปเลยเลยไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ คือเราตกใจมากแต่เพราะเรารักมันเราจึงยอม นั้นเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกเราเป็นคนชั่ว เราคิดถึงพ่อแม่นะ แต่เราเป็นคนใจอ่อน ความรักคือยิ่งใหญ่ในชีวิตเรามาก จากนั้นมาความสัมพันธ์เรากับมันก็เริ่มแย่ เพราะมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป ซึ่งถ้าผู้หญิงยอมครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปก็จะง่ายขึ้น และสุดท้ายเราก็เลิกกันไปเพราะเรารับมันไม่ได้อีก คือเปลี่ยนเป็นคนละคนกับตอนที่ยังเป็นแฟนกัน พูดหยาบคาย ใจแข็ง และชอบพาลใส่เราคือเราก็ไม่รู้นะว่ามันยังไงกันแน่แต่เราก็รู้ว่ามันรักเรา และเราก็เป็นคนแรกของกันและกัน เพราะตอนมันจับได้ว่าเราคุยคนอื่น มันร้องไห้เลยทั้งที่มันแบบไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ง่ายๆเพื่อผู้หญิงอะ แต่สุดท้ายเราก็ถอยออกมาเอง เราเสียใจมาก เราแย่ลง การเรียนแย่ลง เหมือนเด็กใจแตก55 เพียงแค่ผู้ชายคนเดียวมาทำลายชีวิต เรารู้นะผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวแต่เราใจอ่อนเกินไปและเรากลัวมันเสียใจในตัวเราถ้าเราไม่ยอม เราโง่มาก ใจเราไม่แข็งพอ เรื่องนี้ทำให้เรามองโลกใหม่ จากตอนแรกตั้งแต่เด็กเรามองโลกดีเสมอ ทุกคนในโลกนี้เป็นคนดี โลกสวยงาม เราไว้ใจทุกคนเลย ยอมทุกคน และตั้งแต่นั้นมาเรื่องก็แกร่งขึ้น แต่เรากลับแย่ลงในส่วนของการเป็นลูก เราที่ไม่เคยโกหกพ่อแม่ พอมีเรื่องเกิดนี้เกิดขึ้นเราก็ต้องปิดไว้และทำตัวเป็นเด็กดีเหมือนเดิม เราบอกแม่นะว่าเราคบอะไรกับใคร แล้วแม่ก็ไว้ใจเรา สอนเราว่าคบเป็นเพื่อนไปก่อน มันยังไม่ถึงเวลา ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว แม่เราย้ำเสมอ เราก็ได้แต่พยักหน้า คือเรารู้สึกแย่ในใจมากนะ คือตั้งแต่นั้นมาเราไม่ได้คิดว่าโลกนี้มันสวยอีกต่อไป ทุกมโนความคิดที่เติบโตมาคือพังหมด เรื่องมีแฟนแล้วมีอะไรกันเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา การสูบบุหรี่จากที่เรายี้มากๆ เราก็รู้สึกเฉยๆ นิสัยเราจากคุณหนูเรียบร้อย กลายเป็นสาวโหดโหมดดาร์กทันที คือโชคยังดีที่เราไม่ท้อง ใจแตก ลาออกโรงเรียน ถ้าเป็นแบบนั้นเราว่าเราคงตายทั้งเป็น

จากนั้นเราก็มีแฟนคนใหม่ คนนี้เราเป็นคนเข้าไปหาเอง (ดูแรงนะเข้าไปหาผู้ชายเอง555) เรียบร้อย ติ๋มๆ ตัวเล็กๆ กวนตีนหน่อยๆ นิสัยดีและอบอุ่น คนนี้เราทุ่มเทมากและตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยทำอะไรให้เลย ทำร้ายจิตใจสารพัด เราเลยตั้งใจว่าคนนี้เราจะดูแลอย่างดี เราคบกันและไปกันได้ดี เราบอกพ่อแม่แล้วนะว่าเรามีแฟนใหม่แล้ว พ่อแม่เราก็รับรู้ แต่ท่านก็คิดว่าเราคงรู้ว่าควรทำตัวยังไง เราที่ถูกปลูกฝังมาตลอดเรื่องผู้ชายจากพ่อแม่ มาถึงตอนนี้เราไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว การมีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนทำกัน เรากับคนนี้คบกันแบบเรียบๆเราเป็นฝ่ายทำให้เขามากกว่า เขาพาเราไปไหว้พ่อ ปกติเขาอยู่กับพ่อสองคน เขาบอกเขาจริงจัง (นี่ตอนม.5) เราเข้าๆออกๆบ้านเขาเป็นปกติ (ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะรู้สึกแย่และเสียใจมาก แบบเป็นผู้หญิงเข้าบ้านผู้ชายได้ยังไง น่าอายที่สุด)555 นั้นมันตอนโลกสวยตอนนี้เราดาร์ก เราดูแลเขาตลอดและพ่อเขาก็รักและอินดูเรา จนวันหนึ่งพ่อเขาต้องไปทำงานที่กทม. พ่อไว้ใจเราให้ดูแลเขา และบ้าน เราดูแลเขามาตลอดตั้งแต่ขับรถจากหอเราตอนเช้าตื่นหกโมง ไปบ้านเขาประมาน6กิโล ซื้อข้าวเช้า เปิดบ้าน และปลุกเขาตื่น เตรียมอาหารเช้า รีดผ้า กวาดบ้าน ล้านจาน เราทำทุกอย่างเหมือนเป็นแม่เขา รับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน จนเราจบม.6 เรากับแฟนแยกย้ายกันไปเรียนคนละมหาลัย เขาไปอยู่ต่างจังหวัดต่างภาคเลย ทำให้เราห่างกันมากขึ้น เราพยุงความรักมาตลอด จนถึงปี3 เขาก็จากเราไปเพราะระยะทางและความใกล้ชิด ซึ่งเราคบกันมา5ปี เราเสียใจมากเพราะเราตั้งใจทำเพื่อเขามาตลอด เราตกอยู่ในช่วงที่เราไม่คุยกับใครและมืดมน แล้วเราก็คิดถึงพ่อแม่จากที่เราไม่ค่อยได้คิดถึงท่านเลย เราไม่ค่อยกลับบ้านอีก และไม่ค่อยได้คุยกับพวกท่านเหมือนเดิม พ่อแม่เราปลอบใจเราทำให้เรารู้สึกดีมาก เรารู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านมอบให้เราจากที่เราห่างมันมานานตั้งแต่จิตใจเราเข้าโหมดดาร์ก ตอนนี้เราเริ่มคิดได้ว่าเราเปลี่ยนไปมากขนาดไหน เราเป็นคนสองบุคลิกต่อหน้าพ่อแม่กับเพื่อนๆ เรามาย้อนคิดว่าเราทำเรื่องอะไรผิดไว้บ้าง มันพัฒนาแบบเงียบจนเราไม่รู้ตัว รู้อีกทีเราก็แสดงเก่งไปแล้ว

ตอนม.ปลาย เราบอกพ่อแม่เราว่าปิดเทอมจะเรียนพิเศษไม่กลับบ้าน และเราบอกที่หอว่าปิดเทอมกลับบ้านไม่เรียนพิเศษ และปิดเทอมเราก็ไปอยู่บ้านแฟน เวลาเสาร์อาทิตย์ เราก็จะบอกหอว่าเรากลับบ้าน แต่เราไปนอนบ้านแฟนทุกอาทิตย์ ไม่มีใครสงสัยเราเลย เราอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด เราก็ไปเลยโดยไม่บอกพ่อแม่ เราพูดปกติ โกหกก็ทำหน้าปกติ เราทำแบบนี้จนเรียนจบม.ปลาย พ่อกับแม่เราก็ยังคิดว่าเราอยู่หอ อ่านหนังสือตลอด และที่สำคัญ ท่านยังคงมองว่าเราเป็นนางฟ้าเหมือนเดิม จากตอนแรกที่เราแสนดีมองโลกในแง่ดี บริสุทธิ์ เหมือนต้องให้คนอื่นช่วยเหลือตลอด แคร์ทุกคนบนโลก เขาจะเกลียดเราไหม ไม่ชอบพูด ตามใจคนอื่น ตอนนี้เปลี่ยนทุกอย่าง เราอยากได้อะไรเราต้องได้ ใครทำอะไรไม่โอเคเราพูดตรงๆ เรื่องเซกซ์หรืออบายมุขต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา เรารู้ว่าควรทำตัวยังไงและเราก็มีประสบการณ์เยอะ เราไม่พึ่งใคร เราแข็งขึ้นมาก เราดูแลตัวเองได้ และดูแลคนอื่นเป็น ที่เรากลัวตัวเองที่สุดคือเราโกหกเนียนมาก ทุกคนเชื่อหมด เราสามารถทำความผิดได้แบบที่เราไม่รู้สึกอะไรอีก เราอยากให้พ่อแม่รู้ว่าเราเจอเรื่องต่างๆมาเยอะมาก เราเปลี่ยนไปและเราไม่อ่อนแอ เราพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตได้ เราปกป้องดูแลผู้ชายมาแล้ว เป็นผู้ปกครองให้ ดูแลบ้าน และก็ไม่กลัวใคร ลุยหมด แรงมาแรงกลับ แต่เราไม่เคยนินทา ไม่เคยว่าใครนะ ถ้าเราโมโหเราไม่พาลตบตี แต่เราแต่เราจะเฉือดนิ่มๆเรื่องการเรียนการงานมากกว่า จากที่เมื่อก่อนเรายอมให้เพื่อนแกล้ง ตอนนี้เพื่อนต้องเกรงใจเรา หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าเราเปลี่ยนนิสัยไป การกระทำหรือพฤติกรรม การเรียนเราต้องเปลี่ยน ไม่นะ เมื่อก่อนเราไม่ค่อยแต่งตัว อาจใส่กระโปรงบ้าง แต่ตอนนี้เราก้แค่เสื้อยืด เกงยีนส์แบบปกติ เราก็ดูปกติไม่ได้แก่งห้าวอะไร กับการเรียนอาจจะแย่ลงบ้างถ้าเราอกหักหรือทะเลาะกันแฟน แต่เราคุมได้มาตลอด พูดง่ายๆคือ เวลาเราจะผิดเราเตรียมการ แผน1แผน2เรียบร
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่