คือ เรื่องมีอยู่ว่า ย้อนไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ผมได้มีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ผมกับแฟน
มันคือสุนัขพันธ์ชิวาวา ขนสั้น(ช่วงหลังมานี้ขนบริเวณกลางหลัง ร่วงจนไม่มีขนเลย แฟนผมชอบแซวว่า มันจะหัวโล้นเหมือนพ่อมัน - -") เป็นสาวน้อยจอมซน ขี้อ้อน ชอบทำแววตาอ้อนวอนให้ผมใจอ่อนเสมอมา
มันเป็นเหมือนลูก เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมและแฟน ทุกวันนี้ถ้าไม่ติดงานจริงๆ จะไม่ค่อยไปไหนไกลๆ หรือนานๆ
เพราะเป็นห่วงและ คิดถึง ลูกสาวเสมอ ผมและแฟน ให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกสาวอย่างเต็มที่โดยเฉพาะแฟนผม เพราะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมต้องไปทำงาน ตจว. ก็ได้ลูกสาวตัวเล็กนี่แหละครับ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นแก้เหงา แม้มันจะพูดภาษาคนไม่ได้เหมือนเรา แต่เรารู้สึกได้ ว่ามันก็รักเราไม่แพ้กัน ทุกครั้งที่ผมและแฟนกับมาจากทำงาน มันจะดีใจจนผมต้องเข้าไปลูบหน้าอกมัน เพราะกลัวว่าเดี๋ยวลูกจะหัวใจวาย แค่ได้เห็นได้เล่นกับลูกสาว มันก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆแล้วครับ
แต่แล้วเรื่องร้ายก็มาเยือนลูกสาวผม มันมีไข้และไม่ทานอาหารเลย ในคืนแรก แฟนผมให้ยาลดไข้ไป ตื่นเช้ามา ไข้ลดแต่เริ่มสังเกตว่า ลูกเริ่มหายใจแรงและถี่มาก เหมือนคนหายใจไม่ทัน จึงไม่รอช้า อาบน้ำแต่งตัว พาไปหาหมอที่คลินิกหน้าปากซอยบ้าน หมอจับเข้าตู้อ๊อกซิเจนทันทีและลมยา เพื่อขอ x-ray. ผลออกมาคือ หัวใจโต ไปดันท่ออากาศ ทำให้หายใจลำบาก เมื่อหายใจยากน้ำจึงท่วมปอด หมอแจ้งว่า อยู่ในขั้นโครม่า ผมได้ยินเท่านั้นแหละครับยอมรับเลยว่า น้ำตาคลอทันที แต่คิดในใจว่า เราจะอ่อนแอไม่ได้ กลัวแฟนเสียขวัญ เพราะคุณหมอแจ้งว่า 50-50 พอออกจากห้องตรวจ ผมหันไปหาแฟน แฟนผมน้ำตาไหลอาบแก้มเลยครับ ผมได้แต่ปลอบว่าให้เข้มแข็งไว้ ลูกเราก็สู้อยู่ ไม่ตายง่ายๆหรอก
คุณหมอแจ้งว่า ควรส่งไป รพ.สัตว์ที่เปิด 24 ชม.ผมจึงขอให้คุณหมอ ทำใบส่งตัวไป รพ.สัตว์ให้ ส่วน รพ.ไหน ผมหาเตรียมไว้แล้ว พอช่วงบ่ายแก่ๆ ผมก็ไปรับลูกและพาไป รพ.อย่างด่วนเลย สรุปคือ รักษาได้แค่การให้อยู้ในตู้อ๊อกซิเจน และให้ยาขับน้ำ ที่ท่วมปอดครับ ระหว่างนั้น ก็ขอให้คุณหมอจัดอาหารอ่อนสำหรับสุนัขป่วยให้ลูกสาวเนื่องจาก ไม่ทานข้าวมาสองวันแล้ว ก่อนกลับบ้าน ผมและแฟนมองหน้าเขา มองตาเขา มองเขาเริ่มทานข้าว และหวังว่าลูกสาวเราต้องรอด คุณหมอแจ้งว่าไม่อยากให้มาเยี่ยมบ่อยเพราะกลัวหัวใจมันจะทำงานหนัก เวลาเห็นเราทั้งคู่ ผมได้แต่ภาวนา และบอกกับแฟนว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเรามาแอบดูลูกก็ได้ แตอย่าให้ลูกเห็น เดี๋ยวมันดีใจหัวใจเต้นเร็วอีก
ที่เล่ามายาวเยียดขนาดเพียงแค่อยากแชร์ประสบการณ์ อยากระบายความทุกข์ใจครับ สงสารทั้งแฟนและลูกสาว ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วจริงๆ วันที่ลูกต้องจากไป แฟนผมจะเป็นยังไง ผมจะทำใจไหวไหม พี่ๆเพื่อนๆ ที่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ มีวิธีรับมืออย่างไรครับ เศร้าและจิตตกมากๆ กังวลมากๆด้วยครับ
จะเตรียมใจอย่างไร ถ้าสุนัขที่เลี้ยงไว้ 11 ปี กำลังจะจากเราไป??
มันคือสุนัขพันธ์ชิวาวา ขนสั้น(ช่วงหลังมานี้ขนบริเวณกลางหลัง ร่วงจนไม่มีขนเลย แฟนผมชอบแซวว่า มันจะหัวโล้นเหมือนพ่อมัน - -") เป็นสาวน้อยจอมซน ขี้อ้อน ชอบทำแววตาอ้อนวอนให้ผมใจอ่อนเสมอมา
มันเป็นเหมือนลูก เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมและแฟน ทุกวันนี้ถ้าไม่ติดงานจริงๆ จะไม่ค่อยไปไหนไกลๆ หรือนานๆ
เพราะเป็นห่วงและ คิดถึง ลูกสาวเสมอ ผมและแฟน ให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกสาวอย่างเต็มที่โดยเฉพาะแฟนผม เพราะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมต้องไปทำงาน ตจว. ก็ได้ลูกสาวตัวเล็กนี่แหละครับ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นแก้เหงา แม้มันจะพูดภาษาคนไม่ได้เหมือนเรา แต่เรารู้สึกได้ ว่ามันก็รักเราไม่แพ้กัน ทุกครั้งที่ผมและแฟนกับมาจากทำงาน มันจะดีใจจนผมต้องเข้าไปลูบหน้าอกมัน เพราะกลัวว่าเดี๋ยวลูกจะหัวใจวาย แค่ได้เห็นได้เล่นกับลูกสาว มันก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆแล้วครับ
แต่แล้วเรื่องร้ายก็มาเยือนลูกสาวผม มันมีไข้และไม่ทานอาหารเลย ในคืนแรก แฟนผมให้ยาลดไข้ไป ตื่นเช้ามา ไข้ลดแต่เริ่มสังเกตว่า ลูกเริ่มหายใจแรงและถี่มาก เหมือนคนหายใจไม่ทัน จึงไม่รอช้า อาบน้ำแต่งตัว พาไปหาหมอที่คลินิกหน้าปากซอยบ้าน หมอจับเข้าตู้อ๊อกซิเจนทันทีและลมยา เพื่อขอ x-ray. ผลออกมาคือ หัวใจโต ไปดันท่ออากาศ ทำให้หายใจลำบาก เมื่อหายใจยากน้ำจึงท่วมปอด หมอแจ้งว่า อยู่ในขั้นโครม่า ผมได้ยินเท่านั้นแหละครับยอมรับเลยว่า น้ำตาคลอทันที แต่คิดในใจว่า เราจะอ่อนแอไม่ได้ กลัวแฟนเสียขวัญ เพราะคุณหมอแจ้งว่า 50-50 พอออกจากห้องตรวจ ผมหันไปหาแฟน แฟนผมน้ำตาไหลอาบแก้มเลยครับ ผมได้แต่ปลอบว่าให้เข้มแข็งไว้ ลูกเราก็สู้อยู่ ไม่ตายง่ายๆหรอก
คุณหมอแจ้งว่า ควรส่งไป รพ.สัตว์ที่เปิด 24 ชม.ผมจึงขอให้คุณหมอ ทำใบส่งตัวไป รพ.สัตว์ให้ ส่วน รพ.ไหน ผมหาเตรียมไว้แล้ว พอช่วงบ่ายแก่ๆ ผมก็ไปรับลูกและพาไป รพ.อย่างด่วนเลย สรุปคือ รักษาได้แค่การให้อยู้ในตู้อ๊อกซิเจน และให้ยาขับน้ำ ที่ท่วมปอดครับ ระหว่างนั้น ก็ขอให้คุณหมอจัดอาหารอ่อนสำหรับสุนัขป่วยให้ลูกสาวเนื่องจาก ไม่ทานข้าวมาสองวันแล้ว ก่อนกลับบ้าน ผมและแฟนมองหน้าเขา มองตาเขา มองเขาเริ่มทานข้าว และหวังว่าลูกสาวเราต้องรอด คุณหมอแจ้งว่าไม่อยากให้มาเยี่ยมบ่อยเพราะกลัวหัวใจมันจะทำงานหนัก เวลาเห็นเราทั้งคู่ ผมได้แต่ภาวนา และบอกกับแฟนว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเรามาแอบดูลูกก็ได้ แตอย่าให้ลูกเห็น เดี๋ยวมันดีใจหัวใจเต้นเร็วอีก
ที่เล่ามายาวเยียดขนาดเพียงแค่อยากแชร์ประสบการณ์ อยากระบายความทุกข์ใจครับ สงสารทั้งแฟนและลูกสาว ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วจริงๆ วันที่ลูกต้องจากไป แฟนผมจะเป็นยังไง ผมจะทำใจไหวไหม พี่ๆเพื่อนๆ ที่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ มีวิธีรับมืออย่างไรครับ เศร้าและจิตตกมากๆ กังวลมากๆด้วยครับ