ศาลฎีกาออกหมายจับ “กำนัน เซียะ-เมีย” เบี้ยวไม่มาฟังคำพิพากษาคดีฮั้วประมูล โดยนายประชาโดนศาลสั่งออกหมายจับนาน 1 เดือนแล้ว ส่วนภรรยาอ้างป่วยกะทันหันเดินทางมาศาลไม่ได้ ขณะที่ศาลอุทธรณ์ออกหมายจับเพิ่ม “กำนันเซียะ” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลบหนีฟังคำพิพากษาคดีบุกรุกที่ราชพัสดุกว่า 1 พันไร่ ใน จ.กาญจนบุรี และราชบุรี เลื่อนฟังคำพิพากษา 2 คดีอีกครั้ง 25 ม.ค.ปีหน้า
ศาลสั่งออกหมายจับ “กำนันเซียะและเมีย” หลังไม่มาฟังคำพิพากษา เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ บุคคลใกล้ชิดนางเขมพร และนายถวิล หรือน้อย–หนวด สวัสดี (เสียชีวิต) เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (ฮั้วประมูล)
กรณีเมื่อปี 42-44 จำเลยร่วมกันฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเพชรบุรี ขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ จำกัด เข้าเสนอราคา กักตัวนายเดชา มาศวรรณ ตัวแทนบริษัทไว้พร้อมเสนอให้รับเงิน 1 หมื่นบาท เพื่อไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคา แต่นายเดชาไม่ยินยอม นายสมศักดิ์กับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนพร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกกำนันเซียะ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี จำเลยที่ 2-4 จำคุกคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลย
นัดนี้ทนายจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากนางเขมพร จำเลยที่ 2 มีอาการป่วยท้องร่วงเฉียบพลัน ต้องรักษาตัว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-23 ธ.ค. พร้อมนำใบรับรองแพทย์ระบุสาเหตุมายืนยัน ขณะที่นายประชา จำเลยที่ 1 ศาลออกหมายจับ 1 เดือนแล้ว ทนายไม่สามารถติดต่อได้
ศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยที่ 2 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยจำเลยที่ 2 ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้พักรักษาอาการที่บ้านไม่ใช่ที่โรงพยาบาล อาการป่วยของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่อาการเจ็บป่วยจนถึงขั้นมาศาลไม่ได้ จึงไม่ใช่เหตุจะให้เลื่อนคดี ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง วันที่ 25 ม.ค.59 เวลา 09.00 น.
วันเดียวกันศาลยังออกหมายจับนายประชาอีก 1 สำนวน ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายประชา ฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ กรณีระหว่างปี 33-47 จำเลยเข้าไปครอบครองและให้บุคคลอื่นเช่าและใช้ประโยชน์ในที่ดิน 299 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และที่ดิน 900 ไร่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.57 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ แต่จำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลจึงออกหมายจับและนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้ง วันที่ 25 ม.ค.59 เวลา 09.00 น.
.............................
เอ้าว่ายังไง แบบนี้ต้องเรียกว่า อดีต.สส.ปชป.บุกรุกที่หลวงนะเนี้ย
ฮึม...บุกรุกกันทีเป็นพันไร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thairath.co.th/content/552915 
เอ้า!!ว่าไง “กำนันเซียะ” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลบหนีฟังคำพิพากษาคดีบุกรุกที่ราชพัสดุกว่า 1 พันไร่
ศาลสั่งออกหมายจับ “กำนันเซียะและเมีย” หลังไม่มาฟังคำพิพากษา เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ บุคคลใกล้ชิดนางเขมพร และนายถวิล หรือน้อย–หนวด สวัสดี (เสียชีวิต) เป็นจำเลย 1-4 ในความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (ฮั้วประมูล)
กรณีเมื่อปี 42-44 จำเลยร่วมกันฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเพชรบุรี ขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ จำกัด เข้าเสนอราคา กักตัวนายเดชา มาศวรรณ ตัวแทนบริษัทไว้พร้อมเสนอให้รับเงิน 1 หมื่นบาท เพื่อไม่ให้เข้าร่วมการเสนอราคา แต่นายเดชาไม่ยินยอม นายสมศักดิ์กับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้าย ต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนพร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกกำนันเซียะ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี จำเลยที่ 2-4 จำคุกคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลย
นัดนี้ทนายจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากนางเขมพร จำเลยที่ 2 มีอาการป่วยท้องร่วงเฉียบพลัน ต้องรักษาตัว 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-23 ธ.ค. พร้อมนำใบรับรองแพทย์ระบุสาเหตุมายืนยัน ขณะที่นายประชา จำเลยที่ 1 ศาลออกหมายจับ 1 เดือนแล้ว ทนายไม่สามารถติดต่อได้
ศาลพิเคราะห์เห็นว่า จำเลยที่ 2 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยจำเลยที่ 2 ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้พักรักษาอาการที่บ้านไม่ใช่ที่โรงพยาบาล อาการป่วยของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่อาการเจ็บป่วยจนถึงขั้นมาศาลไม่ได้ จึงไม่ใช่เหตุจะให้เลื่อนคดี ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้ง วันที่ 25 ม.ค.59 เวลา 09.00 น.
วันเดียวกันศาลยังออกหมายจับนายประชาอีก 1 สำนวน ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายประชา ฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ กรณีระหว่างปี 33-47 จำเลยเข้าไปครอบครองและให้บุคคลอื่นเช่าและใช้ประโยชน์ในที่ดิน 299 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และที่ดิน 900 ไร่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.57 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ แต่จำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลจึงออกหมายจับและนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้ง วันที่ 25 ม.ค.59 เวลา 09.00 น.
.............................
เอ้าว่ายังไง แบบนี้ต้องเรียกว่า อดีต.สส.ปชป.บุกรุกที่หลวงนะเนี้ย
ฮึม...บุกรุกกันทีเป็นพันไร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้