"ซาปา"เมื่อพูดถึงเมืองเมืองนี้หลายๆคนคงจะนึกถึงเมืองที่อยู่บนเขาและมีนาขั้นบันไดอลังการเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา แต่ทริปนี้ผมแทบไม่เห็นต้นข้าวเลยซักต้นเพราะไปในตอนที่เค้าเกี่ยวข้าวไปเกือบหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรเป้าหมายของทริปนี้ของพวกเราไม่ได้อยู่ที่นาขั้นบันได ถ้าไม่ใช่นาขั้นบันไดแล้วซาปาจะมีอะไรอีก เดี๋ยวผมพาไปดูครับ
เริ่มแรกทริปนี้เราวางแผนก่อนเดือนทางประมาณ 4 เดือนเพราะกว่าจะหาวันหยุดที่ตรงกันได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยสรุปว่าเราจะเดินทางกันวันที่ 22-26 ต.ค. 2558 ทริปนี้เราเดินทางกัน 6 คน โดยที่มีข้อแม้ว่าเราจะเดินทางแบบไม่สบายเกินไปและไม่ลำบากเกินไปก็เลยตั้งงบไว้คนละไม่เกิน 15000 บาท ซึ่งจริงๆมันใช้น้อยกว่านี้ก็ได้
พอตั้งงบและได้วันที่จะเดินทางแล้วเราก็ไม่รอที่จะทำการจองตั๋วเครื่องบินโดยไม่สนใจจะรอโปรใดๆทั้งสิ้นเพราะกลัวจะไม่ทัน ก็เลยมาจบที่สายการบิน Vietjetair เพราะก่อนกดจองมันขึ้นราคา 800 บาท ในใจก็คิดว่ารวมทั้งหมดคงตกไม่เกิน 1500 หรอกมั้ง พอกดไปสรุปยอดรวมทั้งหมดตกคนละ 4500 ไปกลับ ไม่รู้บวกอะไรเยอะแยะ 555 ถ้าใครจะเดินทางไปเวียดนามผมว่าไป airasia น่าจะดีกว่าครับ Vietjetair นี่เครื่องเก่ามากแอร์ก็ไม่สวยด้วย
ได้ตั๋วเครื่องบินแล้วต่อมาต้องหาที่พักแล้วก็รถที่จะพาเราไป SAPA เพราะว่าเรานั้งเครื่องไปลงที่ Hanoi แต่ SAPA อยู่เหนือสุดของเวียดนาม เราเลือกเดินทางจาก Hanoi ไป SAPA ด้วยรถไฟตู้นอน ในการจองตั๋วรถไฟและที่พักนั้นสบายหน่อยเพราะผู้ร่วมทริปเคยไปทำงานที่เวียดนามก็เลยพอจะให้คนรู้จักจัดการให้ได้โดยที่พวกผมไม่ต้องทำอะไรมากแค่จ่ายตังอย่างเดียว 555 สรุปเสียเงินไปอีกคนละ 4500 เป็นค่ารถไฟไปกลับ Hanoi- Laocai และรถตู้จาก Laocai ขึ้นไป Sapa อีกทีเป็นเงินประมาณ 2500 บาท ที่เหลืออีก 2000 บาทก็เป็นค่าโรงแรม ในฮานอย 1 คืน และค่าโรงแรมที่ SAPA อีก 1 คืน ทั้งหมดนี่คิดแบบหารเฉลี่ยกันแล้ว 6 คนนะครับ
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย หลังจากผ่าน ตม รอรับกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปแลกเงินกันครับ ก่อนมาผมเองแลกเงินเป็น US มาแล้วมีอยู่ประมาณ 140 ดอลก็เอาไปแลกเป็นเงินดองอีกทีเพราะค่าเงินดอลล่าจะได้เรทที่ดีกว่า ก็เอาดอลล่าทีมีทั้งหมดแลกไปได้มา 2 ล้านกว่าดองตอนนั้นรู้สึกเป็น เศรษฐีขึ้นมาทันที 555 พอแลกตังเสร็จก็ตามด้วยซื้อซิมครับ ไม่ต้องเดินไปไหนไกลอยู่ติดกันกับที่แลกเงินนั่นแหละ แนะนำว่าซื้อไปเถอะครับคุ้มราคาคิดเป็นเงินไทยแค่ไม่กี่ร้อยอินเตอร์เน็ตใช้ได้ทั้งเดือน ผมมาอยู่แค่ 5 วันนี้สบายๆเลยความเร็วก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ
หลังจากได้เงินแล้วได้ซิมแล้วก็ยืนรอรถตู้ของโรงแรมมารับหน้าสนามบิน รถที่มารับนี้ถือว่าดีเลยครับเป็นรถตู้ Ben กว้างมากพวกเรามากันแค่ 6 คนนั้งสบายๆเลยรถขับค่อนข้างช้าครับเพราะกฎหมายบ้านเค้าให้ขับได้แค่ไม่เกิน 80 ก็ Slowlife ชมวิวข้างทางกันไป ระหว่างทางจากสนามบินไปโรงแรมใน Hanoi ใช้เวลาประมาณน่าจะประมาณครึ่งชั่วโมง นอกเมืองกับในเมืองนี่การจราจรต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว แวปแรกที่เห็นการจราจารในเมืองก็อึ้งนิดๆว่าเค้าขับกันได้ยังไงทำไมไม่ชนกันนะ
ไม่นานเราก็มาถึงโรงแรมครับก็จัดแจงแยกย้ายกันเก็บของทำภาระกิจส่วนตัวและนอนเอาแรงซักแปบก่อนออกไปท่องราตรีในเมืองฮานอย เพราะว่ากว่าจะมาถึงโรงแรมได้ก็เย็นแล้ว 1 ชม ต่อมาเราก็ออกเดินเท้าจากโรงแรมไปสู่ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม แต่ว่ามีผู้ร่วมทริปไม่สามารถไปต่อได้ 1 คนเนื่องจากเสียน้ำในร่างกายไปมากนั่นก็คือ Dozzo นั่นเอง ขอบายการท่องราตรีในฮานอยนอนกอดหมอนข้างอยู่ที่โรงแรมคนเดียว โอเคครับอยากนอนก็นอนไปเราเดินทางกันต่อ จากโรงแรมไปทะเลสาบไม่ไกลมาก
เงินสำหรับท่องราตรีครับมีเป็นล้านเลยทีเดียว
ร้านข้างทางแบบนี้พบได้ทั่วเมืองฮานอยครับ
เดินมาซักพักหิวครับก็เลยหาร้านข้าวเติมพลังกันซักนิด มาจบที่ร้านเฝ่ออออออ แน่นอนมาเวียดนามก็ต้องกินเฝ่อ แล้วจะได้กินไปอีกหลายมื้อเลยทีเดียว T_T พอเข้ามาในร้านเปิดเมนูอาหารดู...ไม่มีรูปภาพประกอบซักเมนูก็หลับตาจิ้มๆไปที่พอจะเลือกได้ก็คือจะเป็นข้าวหรือเป็นน้ำ สั่งอาหารแล้วก็ต้องตามด้วยเครื่องดื่ม แนะนำว่าให้สั่งเป็นน้ำอัดลัมกระเป๋าหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องดื่มกับน้ำแข็งเพราะว่าน้ำแข็งบ้านเค้าส่วนมากเป็นน้ำแข็งทุบ ก็คงไม่สะอาดเท่าไรพวกเราเลยสั่งน้ำอัดลมกันทุกคน

แต่พอมาเสริมผมตื่นตาตื่นใจกับหลอดมาก ไอเจ้าเด็กเสริฟพอมันเอาน้ำวางให้มันก็ยิบหลอดยาวๆมากำนึงแล้วดึงแล้วบิด คือไม่ได้เห็น
หลอดแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่สมัยเด็กๆไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นตื่นเต้นรึป่าวแต่ผมตื่นเต้นมากๆกับไอหลอดแบบนี้ 555

ถ้าคุณสั่งข้าวผัดที่เวียดนามหน้าตามันก็จะเป็นประมาณนี้แทบทุกที่ถ้าสั่งข้าวผัดไก่ก็จะมีไก่วางโปะอยู่บนข้าวแบบนี้โดยที่ไม่ได้เอาเนื้อไก่ไผัดกะข้าวแบบบ้านเรา
อาหารมาละครับหน้าตาก็อย่างที่เห็นในภาพ รสชาติถือว่าพอได้ไม่ถึงกับอร่อยมากแต่ก็ไม่แย่กินแก้หิวได้ชิลๆ ราคาเฉลี่ยตกอยู่ประมาณจานละ 50,000 - 80,000 ดอง มื้อนี้รวมๆแล้วซัดไปเกือบๆ 500,000 ดอง รู้สึกรวยอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ราคาอาหารถ้าตีเป็นเงินไทยก็ตกอยู่ราวๆ 80-120 บาท ผมถือเป็นราคาปกติของที่นั่น แต่ไม่รู้ว่ามีใครไปแล้วกินถูกกว่านี้ไหม
บิลค่าเสียหายมื้อนี้ครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็เดินต่อครับ เดินตาม GPS ไปมีหลงบ้างนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็มาถึงทะเลสาบจนได้ ที่เวียดนามไม่ค่อยมีห้างเหมือนบ้านเราเพราะฉนั้นสถานที่ที่วัยรุ่นหรือคนทั่วไปชอบมาพบปะกันก็คือรอบๆทะเลสาบหรือร้านชาข้างถนนซึ่งเห็นได้ทั่วไปในฮานอย
บรรยากาศรอบๆทะเลสาบก็เย็นสบายดีครับลมพัดเย็นๆนั้งดูสะพานแดงกันไปเพลินๆ นั้งเล่นเดินเล่นซักพักอาหารเริ่มย่อยก็ต้องตบด้วยเบียสิครับ แน่นอนว่าไปถึงฮานอยทั้งที่ก็ต้องไปหาร้านใจกลางเมืองวิวดีๆ กลาง5แยกแห่งความวุ่นวายผมขอเรียกแบบนั้นแล้วกัน ร้านที่เราไปนั้งดื่มเบียชื่อร้าน LEGEND BEER ซึ่งมองเห็นการสัญจรไปมาใน 5 แยกได้ชัดเจน
ระหว่างดื่มเบียผมก็เลยถ่ายไทม์แลปไว้ด้วยลองกดไปดูความวุ่นวายของการจราจรที่นี้ดูได้ครับตามคลิปด้านล่าง

นั้งมองอยู่นานสงสัยมากกว่าทำไมเค้าขับยังไงไม่ชนกันเลย ไม่ใช่แค่นั้นระหว่างที่นั้งดูอยู่ก็เห็นคนที่ขับมอเตอร์ไซค์มาอยู่ๆก็จอดรถกลางแยกหยิบมือถือขึ้นมาแชทซะงั้นเชื่อเค้าเลยจริงๆ คือแชทกลางถนนไม่มีได้มีการหลบเข้าข้างทางเลยแต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรก็ขับหลบกันไป ด้วยความอยากลองดูว่าถ้าผมข้ามถนนที่นั่นจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมก็เลยลงไปลองเดินข้ามดูครับ ตื่นเต้นมากแต่เอาจริงๆแล้วก็เดินๆไปเถอะรถเค้าขับกันไม่เร็วเราเดินไปขอแค่อย่าไปเดินชนรถเค้าแล้วก็อย่าเดินถอยหลังก็พอ รับรองไม่มีใครชนแน่นอน ผมรอดมาได้คุณก็ต้องรอดครับเชื่อผม 5555
หลังจากข้ามถนนเล่นซักพักก็กลับโรงแรมนอนเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ครับ เอ่อลืมบอกไปครับโรงแรมที่เราพักที่ฮานอยชื่อ Quoc Hoa Hotel ครับ เป็นโรงแรมเล็กๆแต่สูง โดยรวมถือว่าพอใช้ได้ครับแต่ Wifi แย่หน่อย ราคาประมาณคืนละ 1600 บาท ครับ
[CR] จาก Hanoi ถึง Sapa ในวันที่ไม่มีนาขั้นบันได
พอตั้งงบและได้วันที่จะเดินทางแล้วเราก็ไม่รอที่จะทำการจองตั๋วเครื่องบินโดยไม่สนใจจะรอโปรใดๆทั้งสิ้นเพราะกลัวจะไม่ทัน ก็เลยมาจบที่สายการบิน Vietjetair เพราะก่อนกดจองมันขึ้นราคา 800 บาท ในใจก็คิดว่ารวมทั้งหมดคงตกไม่เกิน 1500 หรอกมั้ง พอกดไปสรุปยอดรวมทั้งหมดตกคนละ 4500 ไปกลับ ไม่รู้บวกอะไรเยอะแยะ 555 ถ้าใครจะเดินทางไปเวียดนามผมว่าไป airasia น่าจะดีกว่าครับ Vietjetair นี่เครื่องเก่ามากแอร์ก็ไม่สวยด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อครับก่อนเดินทางเนี่ยตาดอสดันเกิดอาการท้องเสียซะงั้น เพราะคืนก่อนเดินทางไปดื่มเบียกับ จขกท มาแต่ดันเจอกับแกล้มทำพิษเลยวิ่งเข้าห้องน้ำไปหลายรอบกว่าจะได้ขึ้นเครื่อง ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ได้มา 1 ภาพซึ่งผมไม่ได้ เป็นคนถ่ายแต่เป็น น้าป๋อง ผู้ร่วมทริปอีกคนถ่ายไว้
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย หลังจากผ่าน ตม รอรับกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปแลกเงินกันครับ ก่อนมาผมเองแลกเงินเป็น US มาแล้วมีอยู่ประมาณ 140 ดอลก็เอาไปแลกเป็นเงินดองอีกทีเพราะค่าเงินดอลล่าจะได้เรทที่ดีกว่า ก็เอาดอลล่าทีมีทั้งหมดแลกไปได้มา 2 ล้านกว่าดองตอนนั้นรู้สึกเป็น เศรษฐีขึ้นมาทันที 555 พอแลกตังเสร็จก็ตามด้วยซื้อซิมครับ ไม่ต้องเดินไปไหนไกลอยู่ติดกันกับที่แลกเงินนั่นแหละ แนะนำว่าซื้อไปเถอะครับคุ้มราคาคิดเป็นเงินไทยแค่ไม่กี่ร้อยอินเตอร์เน็ตใช้ได้ทั้งเดือน ผมมาอยู่แค่ 5 วันนี้สบายๆเลยความเร็วก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวครับ
ไม่นานเราก็มาถึงโรงแรมครับก็จัดแจงแยกย้ายกันเก็บของทำภาระกิจส่วนตัวและนอนเอาแรงซักแปบก่อนออกไปท่องราตรีในเมืองฮานอย เพราะว่ากว่าจะมาถึงโรงแรมได้ก็เย็นแล้ว 1 ชม ต่อมาเราก็ออกเดินเท้าจากโรงแรมไปสู่ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม แต่ว่ามีผู้ร่วมทริปไม่สามารถไปต่อได้ 1 คนเนื่องจากเสียน้ำในร่างกายไปมากนั่นก็คือ Dozzo นั่นเอง ขอบายการท่องราตรีในฮานอยนอนกอดหมอนข้างอยู่ที่โรงแรมคนเดียว โอเคครับอยากนอนก็นอนไปเราเดินทางกันต่อ จากโรงแรมไปทะเลสาบไม่ไกลมาก
แต่พอมาเสริมผมตื่นตาตื่นใจกับหลอดมาก ไอเจ้าเด็กเสริฟพอมันเอาน้ำวางให้มันก็ยิบหลอดยาวๆมากำนึงแล้วดึงแล้วบิด คือไม่ได้เห็น
หลอดแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่สมัยเด็กๆไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นตื่นเต้นรึป่าวแต่ผมตื่นเต้นมากๆกับไอหลอดแบบนี้ 555
ถ้าคุณสั่งข้าวผัดที่เวียดนามหน้าตามันก็จะเป็นประมาณนี้แทบทุกที่ถ้าสั่งข้าวผัดไก่ก็จะมีไก่วางโปะอยู่บนข้าวแบบนี้โดยที่ไม่ได้เอาเนื้อไก่ไผัดกะข้าวแบบบ้านเรา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น