คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่ทราบว่า จขกท.สอบถามถึงทินเนอร์ตัวไหน? และเพื่อนำไปใช้วัตถุประสงค์อะไร >> เข้าใจว่าจะนำไปใช้เจือจางสีน้ำมัน หรือ แลคเกอร์ หรือ สีย้อมไม้ หรือโพลียูรีเทน ซักอย่างใดอย่างหนึ่ง (แต่ละชนิดสี ก็แต่ละทินเนอร์)
ราคาทินเนอร์ 40 บาท/ขวด ก็ไม่ได้บอกขนาดบรรจุ (กี่-ซีซี / กี่-มล.) ในท้องตลาดหลายๆยี่ห้อก็บรรจุไม่เต็ม อีกทั้งราคาที่ว่า 40 บาทเป็นราคามาตรฐานเท่าๆกันกับที่อื่นหรือไม่? และที่สำคัญราคาไม่ได้บอกคุณภาพเสมอไป ! (เช่นของ 45 บาท จะดีกว่าของ 40 บาทเสมอไป)
ขอสันนิฐานว่า จขกท. จะใช้งานคู่กับสีน้ำมันธรรมดา และต้องการซื้อทินเนอร์มาใช้ร่วมกัน (เพื่อทำละลายให้เหลวเหมาะสมกับการใช้งาน) >> ผู้ผลิต/จำหน่ายสีน้ำมัน แต่ละยี่ห้อจะมีระบุที่ข้างภาชนะ/กระป๋องว่า ควรใช้ตัวทำละลาย (ทินเนอร์) อะไร? เติมปริมาณเท่าไหร่? เช่น
> สีน้ำมัน TOA : Glipton Enamel จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ #21
> สีน้ำมัน ICI : Dulux Gloss Finish จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ #850-411
> สีน้ำมัน Jotun : Gardex Enamel จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ การ์เด็กซ์ ทินเนอร์

ซึ่งตัวทำละลาย(ทินเนอร์)ของสีน้ำมันนี้มีขายทั้งขนาด 1/4 กล.(ประมาณ 1 ลิตร) และขนาด 1 กล.(3.785 ลิตร) > ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.)ด้วย
แต่ไม่เป็นที่นิยมของช่างสีทั่วไป กลับไปเลือกซื้อ/เลือกใช้ "น้ำมันสน" (บางรายก็ใช้ทินเนอร์ AAA / ที่ควรใช้กับแลคเกอร์) ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ/หลายราคา ล้วนแต่ติดฉลาก "น้ำมันสนเชียงใหม่อย่างดี" ทั้งสิ้น (ไม่เห็นมีชนิดอย่างธรรมดา หรือจังหวดอื่นเลย) และไม่ได้มาตรฐาน มอก.ดังกล่าวแทบทั้งสิ้น มีแบ่งบรรจุเป็นขวดเล็กๆ/ขายปลีก (สีชา), ปิ๊ปเล็ก และปิ๊ปใหญ่/ขายช่างสี

หมายเหตุ : หากเลือกใช้ตัวทำละลาย(ทินเนอร์)ที่ไม่ใช่ที่กำหนดของผู้ผลิต กรณีมีปัญหาการใช้งาน ไม่สามารถเรียกร้อง Claim จากผู้ผลิต/จำหน่ายได้
ดังนั้นหากตามคำถามของ จขกท.ที่ว่า "ทินเนอร์ที่ดีที่สุด ?" นั้น >> แนะนำว่า ทินเนอร์ที่เหมาะที่สุด คือ ทินเนอร์ที่ผู้ผลิต/จำหน่ายระบุครับ
หากไปใช้ชนิดอื่น (น้ำมันสน) นอกจากทำให้สีน้ำมันมีกลิ่นฉุนขึ้น (ทั้งขณะที่ทาและทิ้งกลิ่นตกค้างนานวัน) แล้ว อาจจะผลข้างเคียงกับสีน้ำมันนั้นๆด้วย เช่น แห้งเร็วไป/ช้าไป ความเงาตก ฟิล์มสีย่น หรือแม้กระทั้งทำให้คุณภาพลดลง
ช่างสีที่หลบไปเลือกใช้ "น้ำมันสน" ก็มักจะใช้เหตุผลสารพัดมาอธิบาย ซึ่งเหตุผลหลักก็คือ จะประหยัดเงินอย่างเดียว
ปริมาณทินเนอร์ที่ใช้ประมาณ 10-15% โดยปริมาตรเท่านั้น หมายถึงว่า สีน้ำมัน 2 กล.ใช้ทินเนอร์เพียง 1/4 กล. หรือสีน้ำมัน 4-5 กล.ใช้ทินเนอร์เพียง 1 กล.เท่านั้น >> ดังนั้นไม่ควรไปประหยัดที่ทินเนอร์ผิดประเภทเลยครับ (ประหยัดไปไม่กี่สิบบาท) เพราะราคาสีน้ำมันแพงกว่ากันเยอะครับ (ประมาณ 600-700 บาท/กล.)
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย = Little is spent with difficulty, much with ease.
ราคาทินเนอร์ 40 บาท/ขวด ก็ไม่ได้บอกขนาดบรรจุ (กี่-ซีซี / กี่-มล.) ในท้องตลาดหลายๆยี่ห้อก็บรรจุไม่เต็ม อีกทั้งราคาที่ว่า 40 บาทเป็นราคามาตรฐานเท่าๆกันกับที่อื่นหรือไม่? และที่สำคัญราคาไม่ได้บอกคุณภาพเสมอไป ! (เช่นของ 45 บาท จะดีกว่าของ 40 บาทเสมอไป)
ขอสันนิฐานว่า จขกท. จะใช้งานคู่กับสีน้ำมันธรรมดา และต้องการซื้อทินเนอร์มาใช้ร่วมกัน (เพื่อทำละลายให้เหลวเหมาะสมกับการใช้งาน) >> ผู้ผลิต/จำหน่ายสีน้ำมัน แต่ละยี่ห้อจะมีระบุที่ข้างภาชนะ/กระป๋องว่า ควรใช้ตัวทำละลาย (ทินเนอร์) อะไร? เติมปริมาณเท่าไหร่? เช่น
> สีน้ำมัน TOA : Glipton Enamel จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ #21
> สีน้ำมัน ICI : Dulux Gloss Finish จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ #850-411
> สีน้ำมัน Jotun : Gardex Enamel จะแนะนำ/กำหนด ทินเนอร์ การ์เด็กซ์ ทินเนอร์






ซึ่งตัวทำละลาย(ทินเนอร์)ของสีน้ำมันนี้มีขายทั้งขนาด 1/4 กล.(ประมาณ 1 ลิตร) และขนาด 1 กล.(3.785 ลิตร) > ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.)ด้วย
แต่ไม่เป็นที่นิยมของช่างสีทั่วไป กลับไปเลือกซื้อ/เลือกใช้ "น้ำมันสน" (บางรายก็ใช้ทินเนอร์ AAA / ที่ควรใช้กับแลคเกอร์) ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ/หลายราคา ล้วนแต่ติดฉลาก "น้ำมันสนเชียงใหม่อย่างดี" ทั้งสิ้น (ไม่เห็นมีชนิดอย่างธรรมดา หรือจังหวดอื่นเลย) และไม่ได้มาตรฐาน มอก.ดังกล่าวแทบทั้งสิ้น มีแบ่งบรรจุเป็นขวดเล็กๆ/ขายปลีก (สีชา), ปิ๊ปเล็ก และปิ๊ปใหญ่/ขายช่างสี



หมายเหตุ : หากเลือกใช้ตัวทำละลาย(ทินเนอร์)ที่ไม่ใช่ที่กำหนดของผู้ผลิต กรณีมีปัญหาการใช้งาน ไม่สามารถเรียกร้อง Claim จากผู้ผลิต/จำหน่ายได้
ดังนั้นหากตามคำถามของ จขกท.ที่ว่า "ทินเนอร์ที่ดีที่สุด ?" นั้น >> แนะนำว่า ทินเนอร์ที่เหมาะที่สุด คือ ทินเนอร์ที่ผู้ผลิต/จำหน่ายระบุครับ
หากไปใช้ชนิดอื่น (น้ำมันสน) นอกจากทำให้สีน้ำมันมีกลิ่นฉุนขึ้น (ทั้งขณะที่ทาและทิ้งกลิ่นตกค้างนานวัน) แล้ว อาจจะผลข้างเคียงกับสีน้ำมันนั้นๆด้วย เช่น แห้งเร็วไป/ช้าไป ความเงาตก ฟิล์มสีย่น หรือแม้กระทั้งทำให้คุณภาพลดลง
ช่างสีที่หลบไปเลือกใช้ "น้ำมันสน" ก็มักจะใช้เหตุผลสารพัดมาอธิบาย ซึ่งเหตุผลหลักก็คือ จะประหยัดเงินอย่างเดียว
ปริมาณทินเนอร์ที่ใช้ประมาณ 10-15% โดยปริมาตรเท่านั้น หมายถึงว่า สีน้ำมัน 2 กล.ใช้ทินเนอร์เพียง 1/4 กล. หรือสีน้ำมัน 4-5 กล.ใช้ทินเนอร์เพียง 1 กล.เท่านั้น >> ดังนั้นไม่ควรไปประหยัดที่ทินเนอร์ผิดประเภทเลยครับ (ประหยัดไปไม่กี่สิบบาท) เพราะราคาสีน้ำมันแพงกว่ากันเยอะครับ (ประมาณ 600-700 บาท/กล.)
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย = Little is spent with difficulty, much with ease.
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบว่าทินเนอร์ที่เป็นขวดประมาณ 40 บาท นี้ดีที่สุดแล้วใช่ไหมครับ ทินเนอร์มีแบบเดียวใช่ไหม