ออกตัวก่อนนะคะ ว่ายืม ID น้องที่รู้จักกันมารีวิวค่ะ เนื่องจาก พอเราถอด login สมัครใหม่ แล้วลงรูปไม่ได้
เลยต้องขอยืมของน้องมา
ต้องขอบคุณน้องมากๆ เลยนะคะ
เริ่มเลยแล้วกันเนาะ ^^
---แจ้งก่อนนะคะ---
งานเรา "จำเป็น" ที่จะต้องเชิญคนจำนวนมาก
เราพยายามต่อรองกับพ่อแม่แล้ว ของานเล็กๆ อบอุ่นๆ แขกไม่เกิน 200 คน
แต่ว่าแต่ละครอบครัว แต่ละสังคมไม่เหมือนกัน เราไม่แคร์ แต่ทางบ้านเราแคร์ ว่าต้องเชิญคนมาก งานต้องใหญ่ และออกมาดี แต่เงินจัดงาน บ่าวสาวออกเอง -*-
ในเมื่อเราพยายามชี้แจงเหตุผล และทัดทานแล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมตัวแปรพวกนี้ได้
ในเมื่อจำเป็นต้องเชิญแขกจำนวนมาก เราจะทำยังไง ถึงให้งานที่จัดออกมา ดูดี เหมาะสม และงบไม่บานปลาย
แขกงานเช้าเรา 300 คนอัพ
แขกงานเย็น ประมาณ 1,000 คน (จากการที่จัด 90 โต๊ะ แขกยังไม่มีที่นั่ง)
งานนี้ พยายามจัดให้ดีที่สุด ในงบที่มี เพื่อให้เกียรติครอบครัวเราและเจ้าบ่าว และเพื่อให้เกียรติประธานในงาน และแขกระดับจังหวัด ระดับกระทรวงหลายๆ ท่านค่ะ
งบจัดงาน (รวมตั้งแต่เริ่มหาฤกษ์ จนเลี้ยงขอบคุณเพื่อนๆหลังจบงาน) รวมประมาณ 480 K
ถ้าใครมองว่า แขกเท่านี้ งบสูงไป ข้ามไปได้นะคะ
เพิ่งผ่านวันงานของเราไปไม่นานค่ะ ระหว่างเตรียมงาน ก็มีเพื่อนๆ มาขอคำปรึกษาตลอด เนื่องจากเห็นเราเป็นคนเตรียมงานแทบทุกสิ่งทุกอย่างเอง และแม้จนกระทั่งจบงาน ก็ยังมีคนมาสอบถาม ว่าอันนั้นใช้ของอะไร อันนี้ใช้ของอะไร เราเลยลองเขียนสรุปคร่าวๆ เผื่อเป็นประโยชน์แก่ว่าที่บ่าวสาวท่านต่อไปด้วยนะคะ
เนื่องจากเราและคู่หมั้น (ในขณะนั้น) คบกันมาได้ระยะนึงแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะแต่งงานกันได้ซะที เราก็คุยกันมาตลอดว่าเราจะแต่งงานกันในปลายปี 2558 นะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยอะไรหลายๆ อย่าง หลังจากที่เราสองคนได้หมั้นหมายกันไปเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ก็นับว่านานพอดู เกือบๆ 3 ปีเลย เพราะปกติเราจะเคยเห็นแต่หมั้นเช้าแต่งเย็น หรือหลังจากหมั้นแล้วไม่นานนัก ไม่กี่เดือนก็แต่งงานใช่มั้ยคะ เพราะหลายคนเค้าถือว่าหมั้นนานแล้วจะไม่ได้แต่ง แต่เราสองคนไม่ถือค่ะ ถามว่าทำไมไม่แต่งเลย จะหมั้นก่อนทำไม เนื่องจากในตอนนั้น เราสองคนเพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ไม่นาน เงินเก็บยังมีไม่มากนัก และเราสองคนเห็นตรงกันว่า เราจะไม่กู้เงินมาจัดงานแต่งกันเด็ดขาด เราไม่อยากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการเป็นหนี้ แต่เนื่องจากคบกันมานาน แถมอยู่กันคนละจังหวัดด้วย ผู้ใหญ่ก็กลัวว่าเราจะเสียหาย อยากให้แต่งงานกันซะ แต่เราและเจ้าบ่าวยังไม่พร้อมจริงๆ เลยหมั้นกันก่อน โดยใช้เงินเก็บ ที่เก็บด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาใช้ในการจัดงาน และเป็นสินสอดทองหมั้นทั้งหมดค่ะ
ปล. เราสองคนในขณะนั้น เจ้าบ่าวเป็นข้าราชการ เงินเดือนแค่ 15,000 ส่วนเราเป็นลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานรัฐ เงินเดือนน้อยกว่าแฟนอีกค่ะ แต่มีรายได้อื่นๆ จากค่าใบประกอบวิชาชีพ เงินเวร ฯลฯ
เราไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดในการจัดงานหมั้นเมื่อปี 2556 นะคะ เพราะตอนนั้นแค่ทำพิธีมอบสินสอดทองหมั้น สวมแหวน แค่นั้นค่ะ ไม่มีพิธีสงฆ์ ไม่มีแห่ขันหมาก รดน้ำสังข์ใดๆ ทั้งสิ้น เอาแค่ล่าสุดนี้ดีกว่าเนอะ
หลังจากที่เราสองคนวางแผนที่จะแต่งงานกันในปลายปี 2558 แล้ว ตอนแรกเราไม่ได้ซีเรียสเรื่องฤกษ์ยามอะไรมาก ก็อาศัยดูวันดีๆ ใน google เราก็ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย จนวงวันที่วันหนึ่ง ที่เราอยากได้ แต่เพื่อความสบายใจของครอบครัว สุดท้ายเราก็เลยไปดูฤกษ์อีกที เราสองได้ไปดูฤกษ์กันในช่วงเดือนธันวาคม 2557 ค่ะ อาศัยว่าเจ้าบ่าวได้กลับมาพัก เลยไปขอฤกษ์กับพระที่นับถือ (แอบขอกับท่านว่า ขอเป็นวันเสาร์อาทิตย์ด้วยค่ะ 555) จนได้วันมงคลของเรามา ซึ่งเป็นวันที่เราแอบเล็งๆ ไว้
ลำดับต่อไปที่ต้องทำคืออะไรน๊า...
1. สถานที่
พอได้ฤกษ์มาแล้ว อันดับแรกที่ต้องทำคือ หาสถานที่ค่ะ จากการกะประมาณแขกคร่าวๆ โดยการสอบถามพ่อแม่ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อคำนวณแขก แล้วเลือกสถานที่ ก็ไปตระเวนดูสถานที่ค่ะ แต่ต่างจังหวัดก็มีให้เลือกไม่มากนัก งานเช้าไปถูกใจอยู่ที่หนึ่งค่ะ เหมาะสำหรับจัดงานเช้า เป็นรีสอร์ทริมแม่น้ำ งบก็ไหวอยู่ค่ะ ราคาค่าจัดงาน เตรียมสถานที่ทุกอย่าง รวม coffee break ก็ไหวนะคะ แต่จะไปหนักตรงอาหารเลี้ยงแขกตอนเที่ยง ซึ่งในตอนแรก เราจะไม่มีเพราะจะให้แขกไปทานโต๊ะจีนช่วงเย็นแทน เพราะ แขกงานเช้าที่ว่างานเล็กๆ อย่างน้อยๆก็ปาเข้าไป 200-300 คนแล้วค่ะ (เทียบกับตอนหมั้น ปี 2556 แค่หมั้นสวมแหวน บอกให้เชิญมาแต่ญาติๆ พิธีเล็กๆ แต่สุดท้าย พ่อแม่เราเชิญแขกมาประมาณ 200 คนค่ะ) ตอนแรกมีทะเลาะกันด้วยนะคะ ว่าปกติ เค้าก็เลี้ยงแค่ coffee break งานเช้ากัน ชา กาแฟ ขนมปัง ข้าวต้ม เล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยไปเลี้ยงโต๊ะจีนงานเย็นทีเดียว แต่พ่อแม่เราไม่ยอมค่ะ ท่านบอกว่าว่า แขกที่มาร่วมงานเช้าก็หิวกัน ต้องเลี้ยงทั้งเที่ยง ทั้งเย็นด้วย พอเราจะขอจัดงานเช้าเลี้ยงเที่ยง ได้ประหยัดงบ ท่านก็ไม่ยอมค่ะ ต้องมีงานเย็นด้วย -*-
หลายคนคงเคยประสบปัญหานี้ใช่มั้ยคะ งานแต่งงานของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว แต่ไม่ใช่แบบที่บ่าว-สาวอยากได้เลย ทั้งที่เงินที่ใช้จัดงานก็เงินบ่าวสาวเอง ไม่ได้รบกวนเงินจากทางบ้านเลยแม้แต่บาทเดียว แต่แค่เริ่มต้นก็เลือกอะไรไม่ได้แล้ว เราเลยเด็ดขาดไปว่า หลังจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะเลือกเองทั้งหมด จะไม่ให้ทางบ้านรู้รายละเอียดต่างๆ เด็ดขาด เพราะไม่อยากต้องมาทะเลาะอีก เราจะตามใจแค่จำนวนแขกที่พ่อแม่จะเชิญมาเท่านั้น เลยจบลงด้วยการเลือกจัดงานเช้าที่บ้าน งานเย็นหอประชุมค่ะ (หลังจากไปตระเวนดูมา 5-6 ที่ ก็มาจบลงที่หอประชุมโรงเรียนค่ะ กำลังปรับปรุง แต่มีแววสวย และน่าจะเพียงพอต่อจำนวนแขก ที่พ่อแม่เราแจ้งมาว่า รวมๆ แล้วประมาณ 500 คน รวมแขกบ้านเจ้าบ่าว และเพื่อนเราสองคนแล้ว ก็น่าจะพอ เพราะที่นี่จัดได้ 100 โต๊ะแบบแน่นๆ ค่ะ)
แต่ช้าก่อน !
เนื่องจากความอยู่ไม่สุขของเรา ที่ปีนี้ เพื่อนเราแต่งงานเยอะมากกก เราเลย search หาพวกร้านเช่าชุดต่างๆ ในจังหวัดเรา ก็ไปสะดุดตาร้านหนึ่ง ที่มีคนถ่ายภาพมารีวิวชุดในงานเลี้ยงที่ที่หนึ่ง ซึ่งเค้าเช็คอินหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎ เราก็ส่งภาพไปให้เจ้าบ่าวดู เค้าก็ถามว่าที่ไหน แล้วก็เงียบๆ ไป ก่อนวันงานเดือนกว่าๆ เจ้าบ่าวได้พัก เลยมาหาเราที่บ้านค่ะ เราเลยถือโอกาสไปดูสถานที่ใหม่แห่งนี้ด้วย ไปดูแบบไม่คิดอะไร เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนสถานที่ พอดีกับว่าวันนั้นฤกษ์ดี มีงานแต่งงานทั้ง 2 ที่ (ที่โรงเรียนแห่งแรกที่จองไป กับที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ แห่งนี้) ไปดูตอนโล่งๆ เจ้าบ่าวยังไม่เปลี่ยนใจค่ะ แต่พอไปดูในช่วงเย็น ที่เค้าเริ่มเตรียมสถานที่จัดงานเท่านั้นแหล่ะค่ะ เจ้าบ่าวเราถึงกับเครียด ขอนัดคุยกับพ่อแม่เรา ว่าขอเปลี่ยนสถานที่จัดงานทันที ทั้งที่เหลือเวลาเตรียมงานอีกเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น (โชคดีที่วันงานของเรา ไม่มีคนจอง) ในขณะที่การ์ดพิมพ์เสร็จหมดแล้ว พร้อมแจก ประทับตราปิดผนึกบนซองการ์ดเรียบร้อยแล้วด้วย พาทีมตกแต่ง ทีมไฟ มาดูสถานที่เดิมแล้วด้วย แต่ในเมื่อเจ้าบ่าวอยากได้ ทุกอย่างเลยเหมือนเริ่มต้นใหม่หมด ทั้งรูปแบบการตกแต่งสถานที่ จำนวนโต๊ะจีน (ที่พอแจ้งพ่อแม่เราปุ๊บ ท่านขอเพิ่มจำนวนแขกอีกมากกกก จริงๆ TT)
2. ออร์แกไนซ์
ถามว่าออร์แกไนซ์จำเป็นมั้ย สำหรับงานแต่งงาน อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีเวลาในการเตรียมงานมากๆ หรือทำอาชีพอิสระ มีเวลาส่วนตัวเยอะ แต่จะจำเป็นมากๆ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ หรือต้องการความเนี๊ยบ ความไหลลื่นของงาน ไม่อยากรบกวนเพื่อนๆ มาช่วยงาน ให้เป็นหน้าที่ของคนดูแลไปแต่สำหรับเรา เรื่องเงินคือประเด็นหลัก 555 เคยมั้ยคะ ที่ชอบผลงานของบางที่ แต่ราคาเกินงบไปมากๆ หรือบางที่งบไหว แต่ไม่ชอบผลงานบางอย่าง หรือ ฯลฯ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลเนอะ
สำหรับเรา งานเช้า เรามีออร์แกไนซ์ค่ะ (แต่ช่วงเย็นที่เป็นงานฉลอง ไม่มีนะคะ) เนื่องจากเรา และญาติผู้ใหญ่ไม่ถนัดพิธีสงฆ์จริงๆ ไม่มีใครรู้ขั้นตอนที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือเราอยากให้พิธีเช้า เป็นพิธีที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ สวยงาม และราบรื่นจริงๆ (ส่วนงานเย็น เป็นงานฉลองสมรส จริงๆ มันจัดแบบไหนก็ได้เนอะ ตามใจบ่าวสาว) เราเลยต้องพึ่งออร์แกไนซ์ค่ะ หลังจากติดตามผลงานมานาน ชอบในผลงาน ดูเสียงตอบรับ และที่สำคัญแพ็คเกจราคาชัดเจน อยู่ในงบที่ไหว เราก็เลือกที่นี่เลยค่ะ
https://www.facebook.com/banananaleaf บานาน่าลีฟสามพราน เราหาจากใน WSQ ค่ะ จริงๆ แล้วคิวเค้าไม่ว่าง เค้าแจ้งว่าวันนั้นมี 4 คิวแล้วค่ะ (เราติดต่อไปเมื่อปลายเดือน มค. ต้น กพ. นะคะ เต็มเร็วมากๆ) แต่เราทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน ให้เค้าเพิ่มคิวให้ เค้าเลยขอปรึกษาทีมงาน จนติดต่อกลับมาว่าสามารถเพิ่มคิวของเราให้อีก 1 คิวค่ะ ดีใจมากๆ รีบมัดจำไปเลยค่ะ และเค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆหลังจากจบงาน ผู้ใหญ่หลายท่าน แขกหลายคนเอ่ยปากชมเลยค่ะว่า ไปหาพิธีกรในงานมาจากไหน งานไม่มีติดขัดหรือสะดุดอะไรเลย พูดดี ลำดับงานดี สุภาพ ดูเป็นมืออาชีพมากๆ เรานี่หน้าบานเลยค่ะ
เราเลือกแพ็คเกจที่ได้ครบทุกอย่างค่ะ แทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลย มาครบทั้งโต๊ะหมู่บูชา อุปกรณ์พิธีสงฆ์ พิธีต่างๆ รวมทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์ปีระมิดอีก 5 หลัง พร้อม coffee break 50 ที่ ช่วงเช้า นอกนั้นเราแค่สั่งน้ำแข็งมาตอนเช้า นิมนต์พระ เตรียมปัจจัยถวายพระ เตรียมสังฆทาน ซองกั้นประตู แต่สำหรับในส่วนของโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์อาหาร เครื่องดื่มเลี้ยงแขก ช่วงสายๆ เที่ยงๆ เราใช้วิธีจ้างเหมาเป็นหม้อๆ ไปค่ะ กับข้าวกี่อย่าง มีอะไรบ้าง มาพร้อม เต้นท์ จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ ซึ่งโชคดีเราไปเจอคนที่รับทำอาหารที่ถูกแบะยังอร่อยด้วยค่ะ เราหมดค่าอาหาร (ข้าว ขนมจีน กับข้าว 5 อย่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม) ไปไม่ถึง 20,000 บาท เลยค่ะ
ในส่วนของงานเย็น ปรึกษากับเจ้าบ่าวแล้ว ด้วยเหตุผลข้างต้น เลยตกลงกันว่า ไม่จ้างออร์แกไนซ์แล้วกันนะ เราจะเป็นคนหาทุกสิ่งทุกอย่าง จะติดต่อประสานงานแต่ละส่วนเอง เนื่องจากคุณเจ้าบ่าวเป็นทหาร เวลาว่างก็ไม่ค่อยจะมี การเตรียมงานเกือบทุกอย่างจะเป็นหน้าที่ของเราเองค่ะ ในการหาทุกสิ่งทุกอย่างมา เจ้าบ่าวบอกคำเดียวว่า แบบไหนก็ได้ ให้อยู่ในงบ (พร้อมกับสอบถามเป็นระยะๆ ว่าทุกอย่างเกินงบรึยัง มีอะไรเกินบ้าง ฯลฯ ถ้ายังอยู่ในงบที่วางไว้ ก็ทำต่อไป 555) แล้วเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงรายละเอียดสำหรับงานเย็นอีกทีนะคะ ว่าแต่ละส่วนที่เราหามีอะไรบ้าง
3. ช่างภาพ
ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยค่ะ เราชอบผลงานของทีมช่างภาพของจังหวัดเราอยู่แล้ว หมายมั่นปั้นมือมานานแล้วว่าถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน จะให้พี่ๆ ทีมนี้มาถ่ายรูปให้ ทีม f8 studioค่ะhttps://www.facebook.com/f8studiokan/ภาพสวย มุมมองดี พี่ๆ ช่างภาพน่ารัก เป็นกันเอง และ เนื่องจากอยู่จังหวัดเดียวกัน เลยไม่ต้องเสียค่าเดินทางด้วยค่ะดีตรงนี้แหล่ะ^^ที่สำคัญคือ ส่งภาพเร็วนะคะ รอแค่เกือบๆ เดือน ก็ได้ภาพตกแต่งแล้วทั้งหมด สวยสมใจรอเลยค่ะ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ ^^
[CR] รีวิว งานแต่ง แบบประหยัดงบ
เลยต้องขอยืมของน้องมา
ต้องขอบคุณน้องมากๆ เลยนะคะ
เริ่มเลยแล้วกันเนาะ ^^
---แจ้งก่อนนะคะ---
งานเรา "จำเป็น" ที่จะต้องเชิญคนจำนวนมาก
เราพยายามต่อรองกับพ่อแม่แล้ว ของานเล็กๆ อบอุ่นๆ แขกไม่เกิน 200 คน
แต่ว่าแต่ละครอบครัว แต่ละสังคมไม่เหมือนกัน เราไม่แคร์ แต่ทางบ้านเราแคร์ ว่าต้องเชิญคนมาก งานต้องใหญ่ และออกมาดี แต่เงินจัดงาน บ่าวสาวออกเอง -*-
ในเมื่อเราพยายามชี้แจงเหตุผล และทัดทานแล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมตัวแปรพวกนี้ได้
ในเมื่อจำเป็นต้องเชิญแขกจำนวนมาก เราจะทำยังไง ถึงให้งานที่จัดออกมา ดูดี เหมาะสม และงบไม่บานปลาย
แขกงานเช้าเรา 300 คนอัพ
แขกงานเย็น ประมาณ 1,000 คน (จากการที่จัด 90 โต๊ะ แขกยังไม่มีที่นั่ง)
งานนี้ พยายามจัดให้ดีที่สุด ในงบที่มี เพื่อให้เกียรติครอบครัวเราและเจ้าบ่าว และเพื่อให้เกียรติประธานในงาน และแขกระดับจังหวัด ระดับกระทรวงหลายๆ ท่านค่ะ
งบจัดงาน (รวมตั้งแต่เริ่มหาฤกษ์ จนเลี้ยงขอบคุณเพื่อนๆหลังจบงาน) รวมประมาณ 480 K
ถ้าใครมองว่า แขกเท่านี้ งบสูงไป ข้ามไปได้นะคะ
เพิ่งผ่านวันงานของเราไปไม่นานค่ะ ระหว่างเตรียมงาน ก็มีเพื่อนๆ มาขอคำปรึกษาตลอด เนื่องจากเห็นเราเป็นคนเตรียมงานแทบทุกสิ่งทุกอย่างเอง และแม้จนกระทั่งจบงาน ก็ยังมีคนมาสอบถาม ว่าอันนั้นใช้ของอะไร อันนี้ใช้ของอะไร เราเลยลองเขียนสรุปคร่าวๆ เผื่อเป็นประโยชน์แก่ว่าที่บ่าวสาวท่านต่อไปด้วยนะคะ
เนื่องจากเราและคู่หมั้น (ในขณะนั้น) คบกันมาได้ระยะนึงแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะแต่งงานกันได้ซะที เราก็คุยกันมาตลอดว่าเราจะแต่งงานกันในปลายปี 2558 นะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วยอะไรหลายๆ อย่าง หลังจากที่เราสองคนได้หมั้นหมายกันไปเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ก็นับว่านานพอดู เกือบๆ 3 ปีเลย เพราะปกติเราจะเคยเห็นแต่หมั้นเช้าแต่งเย็น หรือหลังจากหมั้นแล้วไม่นานนัก ไม่กี่เดือนก็แต่งงานใช่มั้ยคะ เพราะหลายคนเค้าถือว่าหมั้นนานแล้วจะไม่ได้แต่ง แต่เราสองคนไม่ถือค่ะ ถามว่าทำไมไม่แต่งเลย จะหมั้นก่อนทำไม เนื่องจากในตอนนั้น เราสองคนเพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ไม่นาน เงินเก็บยังมีไม่มากนัก และเราสองคนเห็นตรงกันว่า เราจะไม่กู้เงินมาจัดงานแต่งกันเด็ดขาด เราไม่อยากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการเป็นหนี้ แต่เนื่องจากคบกันมานาน แถมอยู่กันคนละจังหวัดด้วย ผู้ใหญ่ก็กลัวว่าเราจะเสียหาย อยากให้แต่งงานกันซะ แต่เราและเจ้าบ่าวยังไม่พร้อมจริงๆ เลยหมั้นกันก่อน โดยใช้เงินเก็บ ที่เก็บด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาใช้ในการจัดงาน และเป็นสินสอดทองหมั้นทั้งหมดค่ะ
ปล. เราสองคนในขณะนั้น เจ้าบ่าวเป็นข้าราชการ เงินเดือนแค่ 15,000 ส่วนเราเป็นลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานรัฐ เงินเดือนน้อยกว่าแฟนอีกค่ะ แต่มีรายได้อื่นๆ จากค่าใบประกอบวิชาชีพ เงินเวร ฯลฯ
เราไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดในการจัดงานหมั้นเมื่อปี 2556 นะคะ เพราะตอนนั้นแค่ทำพิธีมอบสินสอดทองหมั้น สวมแหวน แค่นั้นค่ะ ไม่มีพิธีสงฆ์ ไม่มีแห่ขันหมาก รดน้ำสังข์ใดๆ ทั้งสิ้น เอาแค่ล่าสุดนี้ดีกว่าเนอะ
หลังจากที่เราสองคนวางแผนที่จะแต่งงานกันในปลายปี 2558 แล้ว ตอนแรกเราไม่ได้ซีเรียสเรื่องฤกษ์ยามอะไรมาก ก็อาศัยดูวันดีๆ ใน google เราก็ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย จนวงวันที่วันหนึ่ง ที่เราอยากได้ แต่เพื่อความสบายใจของครอบครัว สุดท้ายเราก็เลยไปดูฤกษ์อีกที เราสองได้ไปดูฤกษ์กันในช่วงเดือนธันวาคม 2557 ค่ะ อาศัยว่าเจ้าบ่าวได้กลับมาพัก เลยไปขอฤกษ์กับพระที่นับถือ (แอบขอกับท่านว่า ขอเป็นวันเสาร์อาทิตย์ด้วยค่ะ 555) จนได้วันมงคลของเรามา ซึ่งเป็นวันที่เราแอบเล็งๆ ไว้
ลำดับต่อไปที่ต้องทำคืออะไรน๊า...
1. สถานที่
พอได้ฤกษ์มาแล้ว อันดับแรกที่ต้องทำคือ หาสถานที่ค่ะ จากการกะประมาณแขกคร่าวๆ โดยการสอบถามพ่อแม่ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อคำนวณแขก แล้วเลือกสถานที่ ก็ไปตระเวนดูสถานที่ค่ะ แต่ต่างจังหวัดก็มีให้เลือกไม่มากนัก งานเช้าไปถูกใจอยู่ที่หนึ่งค่ะ เหมาะสำหรับจัดงานเช้า เป็นรีสอร์ทริมแม่น้ำ งบก็ไหวอยู่ค่ะ ราคาค่าจัดงาน เตรียมสถานที่ทุกอย่าง รวม coffee break ก็ไหวนะคะ แต่จะไปหนักตรงอาหารเลี้ยงแขกตอนเที่ยง ซึ่งในตอนแรก เราจะไม่มีเพราะจะให้แขกไปทานโต๊ะจีนช่วงเย็นแทน เพราะ แขกงานเช้าที่ว่างานเล็กๆ อย่างน้อยๆก็ปาเข้าไป 200-300 คนแล้วค่ะ (เทียบกับตอนหมั้น ปี 2556 แค่หมั้นสวมแหวน บอกให้เชิญมาแต่ญาติๆ พิธีเล็กๆ แต่สุดท้าย พ่อแม่เราเชิญแขกมาประมาณ 200 คนค่ะ) ตอนแรกมีทะเลาะกันด้วยนะคะ ว่าปกติ เค้าก็เลี้ยงแค่ coffee break งานเช้ากัน ชา กาแฟ ขนมปัง ข้าวต้ม เล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยไปเลี้ยงโต๊ะจีนงานเย็นทีเดียว แต่พ่อแม่เราไม่ยอมค่ะ ท่านบอกว่าว่า แขกที่มาร่วมงานเช้าก็หิวกัน ต้องเลี้ยงทั้งเที่ยง ทั้งเย็นด้วย พอเราจะขอจัดงานเช้าเลี้ยงเที่ยง ได้ประหยัดงบ ท่านก็ไม่ยอมค่ะ ต้องมีงานเย็นด้วย -*-
หลายคนคงเคยประสบปัญหานี้ใช่มั้ยคะ งานแต่งงานของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว แต่ไม่ใช่แบบที่บ่าว-สาวอยากได้เลย ทั้งที่เงินที่ใช้จัดงานก็เงินบ่าวสาวเอง ไม่ได้รบกวนเงินจากทางบ้านเลยแม้แต่บาทเดียว แต่แค่เริ่มต้นก็เลือกอะไรไม่ได้แล้ว เราเลยเด็ดขาดไปว่า หลังจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะเลือกเองทั้งหมด จะไม่ให้ทางบ้านรู้รายละเอียดต่างๆ เด็ดขาด เพราะไม่อยากต้องมาทะเลาะอีก เราจะตามใจแค่จำนวนแขกที่พ่อแม่จะเชิญมาเท่านั้น เลยจบลงด้วยการเลือกจัดงานเช้าที่บ้าน งานเย็นหอประชุมค่ะ (หลังจากไปตระเวนดูมา 5-6 ที่ ก็มาจบลงที่หอประชุมโรงเรียนค่ะ กำลังปรับปรุง แต่มีแววสวย และน่าจะเพียงพอต่อจำนวนแขก ที่พ่อแม่เราแจ้งมาว่า รวมๆ แล้วประมาณ 500 คน รวมแขกบ้านเจ้าบ่าว และเพื่อนเราสองคนแล้ว ก็น่าจะพอ เพราะที่นี่จัดได้ 100 โต๊ะแบบแน่นๆ ค่ะ)
แต่ช้าก่อน !
เนื่องจากความอยู่ไม่สุขของเรา ที่ปีนี้ เพื่อนเราแต่งงานเยอะมากกก เราเลย search หาพวกร้านเช่าชุดต่างๆ ในจังหวัดเรา ก็ไปสะดุดตาร้านหนึ่ง ที่มีคนถ่ายภาพมารีวิวชุดในงานเลี้ยงที่ที่หนึ่ง ซึ่งเค้าเช็คอินหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎ เราก็ส่งภาพไปให้เจ้าบ่าวดู เค้าก็ถามว่าที่ไหน แล้วก็เงียบๆ ไป ก่อนวันงานเดือนกว่าๆ เจ้าบ่าวได้พัก เลยมาหาเราที่บ้านค่ะ เราเลยถือโอกาสไปดูสถานที่ใหม่แห่งนี้ด้วย ไปดูแบบไม่คิดอะไร เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนสถานที่ พอดีกับว่าวันนั้นฤกษ์ดี มีงานแต่งงานทั้ง 2 ที่ (ที่โรงเรียนแห่งแรกที่จองไป กับที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ แห่งนี้) ไปดูตอนโล่งๆ เจ้าบ่าวยังไม่เปลี่ยนใจค่ะ แต่พอไปดูในช่วงเย็น ที่เค้าเริ่มเตรียมสถานที่จัดงานเท่านั้นแหล่ะค่ะ เจ้าบ่าวเราถึงกับเครียด ขอนัดคุยกับพ่อแม่เรา ว่าขอเปลี่ยนสถานที่จัดงานทันที ทั้งที่เหลือเวลาเตรียมงานอีกเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น (โชคดีที่วันงานของเรา ไม่มีคนจอง) ในขณะที่การ์ดพิมพ์เสร็จหมดแล้ว พร้อมแจก ประทับตราปิดผนึกบนซองการ์ดเรียบร้อยแล้วด้วย พาทีมตกแต่ง ทีมไฟ มาดูสถานที่เดิมแล้วด้วย แต่ในเมื่อเจ้าบ่าวอยากได้ ทุกอย่างเลยเหมือนเริ่มต้นใหม่หมด ทั้งรูปแบบการตกแต่งสถานที่ จำนวนโต๊ะจีน (ที่พอแจ้งพ่อแม่เราปุ๊บ ท่านขอเพิ่มจำนวนแขกอีกมากกกก จริงๆ TT)
2. ออร์แกไนซ์
ถามว่าออร์แกไนซ์จำเป็นมั้ย สำหรับงานแต่งงาน อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีเวลาในการเตรียมงานมากๆ หรือทำอาชีพอิสระ มีเวลาส่วนตัวเยอะ แต่จะจำเป็นมากๆ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ หรือต้องการความเนี๊ยบ ความไหลลื่นของงาน ไม่อยากรบกวนเพื่อนๆ มาช่วยงาน ให้เป็นหน้าที่ของคนดูแลไปแต่สำหรับเรา เรื่องเงินคือประเด็นหลัก 555 เคยมั้ยคะ ที่ชอบผลงานของบางที่ แต่ราคาเกินงบไปมากๆ หรือบางที่งบไหว แต่ไม่ชอบผลงานบางอย่าง หรือ ฯลฯ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลเนอะ
สำหรับเรา งานเช้า เรามีออร์แกไนซ์ค่ะ (แต่ช่วงเย็นที่เป็นงานฉลอง ไม่มีนะคะ) เนื่องจากเรา และญาติผู้ใหญ่ไม่ถนัดพิธีสงฆ์จริงๆ ไม่มีใครรู้ขั้นตอนที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือเราอยากให้พิธีเช้า เป็นพิธีที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ สวยงาม และราบรื่นจริงๆ (ส่วนงานเย็น เป็นงานฉลองสมรส จริงๆ มันจัดแบบไหนก็ได้เนอะ ตามใจบ่าวสาว) เราเลยต้องพึ่งออร์แกไนซ์ค่ะ หลังจากติดตามผลงานมานาน ชอบในผลงาน ดูเสียงตอบรับ และที่สำคัญแพ็คเกจราคาชัดเจน อยู่ในงบที่ไหว เราก็เลือกที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/banananaleaf บานาน่าลีฟสามพราน เราหาจากใน WSQ ค่ะ จริงๆ แล้วคิวเค้าไม่ว่าง เค้าแจ้งว่าวันนั้นมี 4 คิวแล้วค่ะ (เราติดต่อไปเมื่อปลายเดือน มค. ต้น กพ. นะคะ เต็มเร็วมากๆ) แต่เราทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน ให้เค้าเพิ่มคิวให้ เค้าเลยขอปรึกษาทีมงาน จนติดต่อกลับมาว่าสามารถเพิ่มคิวของเราให้อีก 1 คิวค่ะ ดีใจมากๆ รีบมัดจำไปเลยค่ะ และเค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆหลังจากจบงาน ผู้ใหญ่หลายท่าน แขกหลายคนเอ่ยปากชมเลยค่ะว่า ไปหาพิธีกรในงานมาจากไหน งานไม่มีติดขัดหรือสะดุดอะไรเลย พูดดี ลำดับงานดี สุภาพ ดูเป็นมืออาชีพมากๆ เรานี่หน้าบานเลยค่ะ
เราเลือกแพ็คเกจที่ได้ครบทุกอย่างค่ะ แทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลย มาครบทั้งโต๊ะหมู่บูชา อุปกรณ์พิธีสงฆ์ พิธีต่างๆ รวมทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์ปีระมิดอีก 5 หลัง พร้อม coffee break 50 ที่ ช่วงเช้า นอกนั้นเราแค่สั่งน้ำแข็งมาตอนเช้า นิมนต์พระ เตรียมปัจจัยถวายพระ เตรียมสังฆทาน ซองกั้นประตู แต่สำหรับในส่วนของโต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์อาหาร เครื่องดื่มเลี้ยงแขก ช่วงสายๆ เที่ยงๆ เราใช้วิธีจ้างเหมาเป็นหม้อๆ ไปค่ะ กับข้าวกี่อย่าง มีอะไรบ้าง มาพร้อม เต้นท์ จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ ซึ่งโชคดีเราไปเจอคนที่รับทำอาหารที่ถูกแบะยังอร่อยด้วยค่ะ เราหมดค่าอาหาร (ข้าว ขนมจีน กับข้าว 5 อย่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม) ไปไม่ถึง 20,000 บาท เลยค่ะ
ในส่วนของงานเย็น ปรึกษากับเจ้าบ่าวแล้ว ด้วยเหตุผลข้างต้น เลยตกลงกันว่า ไม่จ้างออร์แกไนซ์แล้วกันนะ เราจะเป็นคนหาทุกสิ่งทุกอย่าง จะติดต่อประสานงานแต่ละส่วนเอง เนื่องจากคุณเจ้าบ่าวเป็นทหาร เวลาว่างก็ไม่ค่อยจะมี การเตรียมงานเกือบทุกอย่างจะเป็นหน้าที่ของเราเองค่ะ ในการหาทุกสิ่งทุกอย่างมา เจ้าบ่าวบอกคำเดียวว่า แบบไหนก็ได้ ให้อยู่ในงบ (พร้อมกับสอบถามเป็นระยะๆ ว่าทุกอย่างเกินงบรึยัง มีอะไรเกินบ้าง ฯลฯ ถ้ายังอยู่ในงบที่วางไว้ ก็ทำต่อไป 555) แล้วเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงรายละเอียดสำหรับงานเย็นอีกทีนะคะ ว่าแต่ละส่วนที่เราหามีอะไรบ้าง
3. ช่างภาพ
ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยค่ะ เราชอบผลงานของทีมช่างภาพของจังหวัดเราอยู่แล้ว หมายมั่นปั้นมือมานานแล้วว่าถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน จะให้พี่ๆ ทีมนี้มาถ่ายรูปให้ ทีม f8 studioค่ะhttps://www.facebook.com/f8studiokan/ภาพสวย มุมมองดี พี่ๆ ช่างภาพน่ารัก เป็นกันเอง และ เนื่องจากอยู่จังหวัดเดียวกัน เลยไม่ต้องเสียค่าเดินทางด้วยค่ะดีตรงนี้แหล่ะ^^ที่สำคัญคือ ส่งภาพเร็วนะคะ รอแค่เกือบๆ เดือน ก็ได้ภาพตกแต่งแล้วทั้งหมด สวยสมใจรอเลยค่ะ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ ^^