สวัสดีคร้าบบบ
สามารถดูรีวิวก่อนๆได้ที่ >>>
http://pantip.com/topic/34588000 <<<
นี่เป็นอีกวันของทริปเมื่อต้นธันวานี้ที่ผ่านมา
พวกเราเซ็ทวันนี้ให้เป็นวันชิลๆ เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย
ณ เช้าวันเสาร์...ลุย Naka-Meguro ก่อนเลย!
/////////////////////////////////
“ชีสเค้ก Johann” คือ เป้าหมายแรกที่เราออกตามหาเช้านี้
คลองสุดคลาสสิค สัญลักษณ์ของ Naka-Meguro เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนย่านอื่น
Naka-Meguro เป็นอีกหนึ่ง แหล่งชมดอกซากุระ สุดป็อปในฤดูใบไม้ผลิ แม้วันนี้จะเหลือแต่กิ่งก้าน แต่ก็ได้อารมณ์อีก Feel
น้ำตื้นเขิน+ใสจนเห็นผิว
แปลกแต่จริง! เราเสิชชื่อร้านในแมพ แต่ปรากฎว่า...ไม่เจอ! จึงได้ถามคน Local แถวนี้
และได้ ซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง จนมาเจอกับบานประตูสีไม้นี้
โอ้ว Johann ชีสเค้กขวัญใจคนย่านนี้...ในที่สุดก็เจอซะที
ที่ทำผมตกใจมากคือ "ราคา" ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย! เทียบค่าครองชีพที่นี่ ถูกกว่าข้าวมื้อนึงอีก
(ชีสเค้กที่นี่ ทำสดในแต่ละวัน มีจำนวนจำกัด หากอยากกินต้องรีบมาแต่เนิ่นๆ)
หลากหลายชีสเค้ก นอนรอการเขมือบของพวกเรา
.
.
ร้านค่อนข้างเล็ก ลูกค้าหลายๆท่านที่ผมเห็น มีแต่ซื้อกลับไปกินที่บ้านทั้งนั้น และ พวกผมถือคติ “ไม่เดินไป กินไป”
ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการยืนกินหน้าร้าน...แต่ให้ตายเถอะครับ มันเป็นการยืนกินหน้าร้านที่ (โคตร) ฟินเลย!!
ได้ “ยินกินริมคลอง” ในบรรยากาศแบบเฉพาะของ Naka-Meguro ที่เงียบสงบ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ชีสเค้กอร่อยๆ
พลางมองผู้คน Local ออกมาเดินเล่นยามเช้าวันเสาร์
นี่มันชีวิต Slow Life ที่หลายคนถวิลหาชัดๆ!
“ยินกินริมคลอง” !!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่สิ่งที่พวกเราจดจำนอกจากชีสเค้กแล้ว ก็คือ "คุณป้าเจ้าของร้าน" ที่ใจดี๊ใจดี ช่วยพวกเราค้นหาร้านลายแทงอื่นๆในย่านนี้
ทั้งกาง “แผนที่” อันใหญ่โต ที่บ่งบอกความเป็น Baby Boomer 555 ก่อนจะอัพเกรดมาเปิดแมพในไอโฟนเมื่อแผนที่ไม่ได้ผล
ทั้งยังสอบถามลูกค้าคนอื่นๆให้เราอีก และที่สำคัญ! เหมือนคุณป้าจะได้ยินพวกผมคุยกันเป็นภาษาไทย
จึงได้ถามขึ้นมา พวกยูมาจากไหนเหรอ? พวกผมตอบไปไทยแลนด์แดนสยามครัช
ทันใดนั้น...แก “ยกมือไหว้” พวกเราอย่างสวย (สวยจริง! สงสัยแอบไปฝึกมา) พร้อมพูด “สะ-หวัด-ดี-ก่า”
โอ้วววว พวกผมตกใจมาก! รีบยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน เหตุการณ์นี้ทำพวกเราปลาบปลื้มป้าแกมาก
ครั้งหน้าถ้าได้แวะมาแถวนี้อีก...ไม่ลืมที่จะกลับมาแน่นอน!
“คุณป้า Johann แห่ง Naka-Meguro”
+++++++++++++++++
จากนั้น พวกเราตัดสินใจพับแผน และ Going to the Unknown เดินเล่นแถวนี้ เตร็ดเตร่ไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย
คุณแม่พาลูกน้อยออกมาปั่นจักรยาน+เดินเล่น ยามเช้าวันเสาร์สบายๆ
ร้านค้าเก๋ๆแถวนี้
ทางเดินริมคลอง Slow Life ของจริง
สังเกตได้ว่า รถทุกคันที่จอด จะพยายามจอดให้ชิดขอบทางมากที่สุด ไม่เกยออกมาข้างนอกมากนัก
โอ้ Mustang !
เดินได้ซักพักใหญ่ ก็ได้เวลามื้อเที่ยง เราแวะร้านเล็กๆร้านนึง ที่ข้างในตกแต่งไฟสีนวลๆ สวยดี
เป็นร้านเล็กๆที่ขอชมว่า ทำห้องน้ำได้โหดมาก! เปิดประตูเข้าไปปุ๊ป ฝาส้วมออโต้เปิดเอง
ก๊อกน้ำดีไซน์สวยงาม แถมใช้สบู่อย่างดี (เสียดายลืมถ่ายภาพเก็บไว้)
มื้อเที่ยงเป็น ไก่ ตรงกลางดิบ รอบนอกสุก กินจิ้มเหมือนกินซูชิ...รสชาติแปลกดี
++++++++++++++++
ก่อนบายที่แห่งนี้ เราเดินไปเจอร้านกาแฟเล็กๆร้านนึง ชื่อ “Sidewalk Stand” อยู่ตรงหัวมุม
เห็นวัยรุ่น ซื้อกลับ ซื้อนั่งกินคูลๆหน้าร้านหลายคนแล้ว เลยเข้าไปจัดบ้าง
บรรยากาศในร้านดูออแกนิกดี (แต่ราคาแอบแรง)
"Cheers!"
เต็มอิ่มกับย่านนี้แล้ว ก็ได้เวลามูฟไปจุดหมายต่อไป >>> “Daikanyama”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องบอกตามตรงครับว่า เส้นทาง “เดิน” จาก Naka-Meguro > Daikanyama เป็นอะไรที่ผมชอบมาก
ทางเดินเป็นแบบสโลป ลาดชัน เหมือนเดินขึ้นเขายังไงยังงั้น
และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ไหล่ทางคนเดินกว้างพอ ถนนทาสีแดงๆให้รถเบรกง่ายขึ้น
วิวต่างระดับที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในโตเกียว
เราไต่เขาขึ้นมาซักพัก ก็มาโผล่ถนนใหญ่ เป็นอันว่าถึงจุดหมายแว้ว
แถวนี้กบวิ่งกันกระจาย
รถหรู รถสปอร์ตแถวนี้ตรึม
สังเกตได้ว่า...รถหรู รถสปอร์ตย่านนี้ พวงมาลัยมักอยู่ 'ฝั่งซ้าย'...คงเป็นค่านิยมของคนญี่ปุ่นสินะ
ตึกรามอาคารดีไซน์เก๋ๆ
Tsutaya @ Daikanyama T-site ศูนย์กลางของย่านนี้
ร้าน Ivy Place ถ้าไม่ได้พึ่งกินมาหยกๆ คงได้จัดเป็นแน่
ร้านอาหารฝรั่งเศสรอบๆ
.
.
.
ฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน วันนี้เจอกับตัวแล้วครับ!
เวลาเราซื้อหนังสือในญี่ปุ่น พนง.จะห่อปกกระดาษซึ่งมักเป็นแบรนด์ของทางร้าน ปิดทับปกหนังสืออีกทีหนึ่ง
เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ คือ เวลาเราหยิบหนังสือที่ถูกห่อนี้ไปอ่านในที่สาธารณะ อย่างเช่น บนรถไฟ
>>>>>> “คนรอบข้างเราจะได้ไม่รู้ว่าเราอ่านหนังสืออะไรอยู่” <<<<<<
เพราะบางคนก็ไม่สบายใจที่จะเปิดเผยหนังสือที่ตนอ่านอยู่
วิธีนี้จึงเป็นการ “รักษาความเป็นส่วนตัว” ได้ดีมากเลยล่ะครับ
รักษา "ความเป็นส่วนตัว" ไม่มีใครรู้ว่าเราอ่านอะไร
เนื่องจากเรามีภารกิจต้องสานต่อ จึงไม่ได้เดินชมบูติคเก๋ๆรอบบริเวณนี้ อยู่แต่ Daikanyama T-Site
สำรวจที่นี่พอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาตามหา “M.Koide” ในตำนาน @ Jiyuugaoka แล้ว!!
(เดี๋ยวมาต่อแพร๊บ)
==================
สามารถดูรีวิวก่อนๆได้ที่ >>>
http://pantip.com/topic/34588000 <<<
*** ผมได้เขียนเพิ่มเติมถึงเรื่องราวดีๆจากญี่ปุ่นไว้ในเพจ FB: JapanPerspective
(
http://www.facebook.com/JapanPerspectives )
เข้ามาพูดคุยกันได้น้าคร้าบบบบ ^^
『Slow Life >>> ณ Naka-Meguro > Daikanyama > Jiyugaoka』
สวัสดีคร้าบบบ
สามารถดูรีวิวก่อนๆได้ที่ >>> http://pantip.com/topic/34588000 <<<
นี่เป็นอีกวันของทริปเมื่อต้นธันวานี้ที่ผ่านมา
พวกเราเซ็ทวันนี้ให้เป็นวันชิลๆ เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย
ณ เช้าวันเสาร์...ลุย Naka-Meguro ก่อนเลย!
/////////////////////////////////
“ชีสเค้ก Johann” คือ เป้าหมายแรกที่เราออกตามหาเช้านี้
แปลกแต่จริง! เราเสิชชื่อร้านในแมพ แต่ปรากฎว่า...ไม่เจอ! จึงได้ถามคน Local แถวนี้
และได้ ซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง จนมาเจอกับบานประตูสีไม้นี้
ที่ทำผมตกใจมากคือ "ราคา" ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย! เทียบค่าครองชีพที่นี่ ถูกกว่าข้าวมื้อนึงอีก
(ชีสเค้กที่นี่ ทำสดในแต่ละวัน มีจำนวนจำกัด หากอยากกินต้องรีบมาแต่เนิ่นๆ)
.
.
ร้านค่อนข้างเล็ก ลูกค้าหลายๆท่านที่ผมเห็น มีแต่ซื้อกลับไปกินที่บ้านทั้งนั้น และ พวกผมถือคติ “ไม่เดินไป กินไป”
ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นการยืนกินหน้าร้าน...แต่ให้ตายเถอะครับ มันเป็นการยืนกินหน้าร้านที่ (โคตร) ฟินเลย!!
ได้ “ยินกินริมคลอง” ในบรรยากาศแบบเฉพาะของ Naka-Meguro ที่เงียบสงบ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ชีสเค้กอร่อยๆ
พลางมองผู้คน Local ออกมาเดินเล่นยามเช้าวันเสาร์
นี่มันชีวิต Slow Life ที่หลายคนถวิลหาชัดๆ!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่สิ่งที่พวกเราจดจำนอกจากชีสเค้กแล้ว ก็คือ "คุณป้าเจ้าของร้าน" ที่ใจดี๊ใจดี ช่วยพวกเราค้นหาร้านลายแทงอื่นๆในย่านนี้
ทั้งกาง “แผนที่” อันใหญ่โต ที่บ่งบอกความเป็น Baby Boomer 555 ก่อนจะอัพเกรดมาเปิดแมพในไอโฟนเมื่อแผนที่ไม่ได้ผล
ทั้งยังสอบถามลูกค้าคนอื่นๆให้เราอีก และที่สำคัญ! เหมือนคุณป้าจะได้ยินพวกผมคุยกันเป็นภาษาไทย
จึงได้ถามขึ้นมา พวกยูมาจากไหนเหรอ? พวกผมตอบไปไทยแลนด์แดนสยามครัช
ทันใดนั้น...แก “ยกมือไหว้” พวกเราอย่างสวย (สวยจริง! สงสัยแอบไปฝึกมา) พร้อมพูด “สะ-หวัด-ดี-ก่า”
โอ้วววว พวกผมตกใจมาก! รีบยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน เหตุการณ์นี้ทำพวกเราปลาบปลื้มป้าแกมาก
ครั้งหน้าถ้าได้แวะมาแถวนี้อีก...ไม่ลืมที่จะกลับมาแน่นอน!
+++++++++++++++++
จากนั้น พวกเราตัดสินใจพับแผน และ Going to the Unknown เดินเล่นแถวนี้ เตร็ดเตร่ไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย
เดินได้ซักพักใหญ่ ก็ได้เวลามื้อเที่ยง เราแวะร้านเล็กๆร้านนึง ที่ข้างในตกแต่งไฟสีนวลๆ สวยดี
เป็นร้านเล็กๆที่ขอชมว่า ทำห้องน้ำได้โหดมาก! เปิดประตูเข้าไปปุ๊ป ฝาส้วมออโต้เปิดเอง
ก๊อกน้ำดีไซน์สวยงาม แถมใช้สบู่อย่างดี (เสียดายลืมถ่ายภาพเก็บไว้)
มื้อเที่ยงเป็น ไก่ ตรงกลางดิบ รอบนอกสุก กินจิ้มเหมือนกินซูชิ...รสชาติแปลกดี
++++++++++++++++
ก่อนบายที่แห่งนี้ เราเดินไปเจอร้านกาแฟเล็กๆร้านนึง ชื่อ “Sidewalk Stand” อยู่ตรงหัวมุม
เห็นวัยรุ่น ซื้อกลับ ซื้อนั่งกินคูลๆหน้าร้านหลายคนแล้ว เลยเข้าไปจัดบ้าง
เต็มอิ่มกับย่านนี้แล้ว ก็ได้เวลามูฟไปจุดหมายต่อไป >>> “Daikanyama”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องบอกตามตรงครับว่า เส้นทาง “เดิน” จาก Naka-Meguro > Daikanyama เป็นอะไรที่ผมชอบมาก
ทางเดินเป็นแบบสโลป ลาดชัน เหมือนเดินขึ้นเขายังไงยังงั้น
และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ไหล่ทางคนเดินกว้างพอ ถนนทาสีแดงๆให้รถเบรกง่ายขึ้น
เราไต่เขาขึ้นมาซักพัก ก็มาโผล่ถนนใหญ่ เป็นอันว่าถึงจุดหมายแว้ว
สังเกตได้ว่า...รถหรู รถสปอร์ตย่านนี้ พวงมาลัยมักอยู่ 'ฝั่งซ้าย'...คงเป็นค่านิยมของคนญี่ปุ่นสินะ
.
.
.
ฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน วันนี้เจอกับตัวแล้วครับ!
เวลาเราซื้อหนังสือในญี่ปุ่น พนง.จะห่อปกกระดาษซึ่งมักเป็นแบรนด์ของทางร้าน ปิดทับปกหนังสืออีกทีหนึ่ง
เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ คือ เวลาเราหยิบหนังสือที่ถูกห่อนี้ไปอ่านในที่สาธารณะ อย่างเช่น บนรถไฟ
>>>>>> “คนรอบข้างเราจะได้ไม่รู้ว่าเราอ่านหนังสืออะไรอยู่” <<<<<<
เพราะบางคนก็ไม่สบายใจที่จะเปิดเผยหนังสือที่ตนอ่านอยู่
วิธีนี้จึงเป็นการ “รักษาความเป็นส่วนตัว” ได้ดีมากเลยล่ะครับ
เนื่องจากเรามีภารกิจต้องสานต่อ จึงไม่ได้เดินชมบูติคเก๋ๆรอบบริเวณนี้ อยู่แต่ Daikanyama T-Site
สำรวจที่นี่พอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาตามหา “M.Koide” ในตำนาน @ Jiyuugaoka แล้ว!!
(เดี๋ยวมาต่อแพร๊บ)
==================
สามารถดูรีวิวก่อนๆได้ที่ >>> http://pantip.com/topic/34588000 <<<
*** ผมได้เขียนเพิ่มเติมถึงเรื่องราวดีๆจากญี่ปุ่นไว้ในเพจ FB: JapanPerspective
(http://www.facebook.com/JapanPerspectives )
เข้ามาพูดคุยกันได้น้าคร้าบบบบ ^^