สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ต้องการคำตอบทางเทคโนโลยีจริงๆใช่มั๊ย
มันเป็นเรื่องของการประมวลผลครับ
การประมวลผลด้วยการอ่านบัตร(ไม่ว่าจะ smartcard/magnetic strip) สามารถทำได้ง่ายกว่า เร็วกว่า ใช้ processing power น้อยกว่า เพราะค่าที่ได้เป็น input คือ ตัวเลข ได้จากบัตรเลย ตู้ธนาคารไหน บัตรอะไรก็อ่านได้ทันที ยังไม่ต้องมีการ access database ของ owner bank จะ access database ก็จังหวะที่ identity verify ด้วยรหัสเท่านั้น
แต่การประมวลผลลายนิ้วมือ จะต้องรับ input เป็นลายนิ้วมือ แล้วเอาภาพที่ได้ ไปค้นหาใน database เพื่อเป็นข้อมูล identity input หลังจากนั้นค่อยทำขั้นตอน identity verify เหมือนๆกัน
คำถามง่ายๆทางธุรกิจ การเลิกใช้บัตร ให้ใช้นิ้วมือแทน ธนาคารต้องลงทุน processing power มากขึ้น เพราะต้องทำ image compare หรือ spacial compare อันนั้นไม่แน่ใจ แต่ database สำหรับ identity input ใหญ่ขึ้น เพราะต้องเก็บเป็นข้อมูลของ fingerprint ซึ่งต่างจากแค่ id จาก magnetic strip ที่เป็นแค่รหัสประมาณ 10 ตัวเลขทั่วนั้น
ใครได้ประโยชน์จากการลงทุนนี้ ธนาคารหรือลูกค้า
คำตอบ คือ ตราบใดที่ ลูกค้ายังได้ประโยชน์ โดยธนาคารไม่ได้อะไร ธนาคาร(ไทย) ไม่ทำแน่ๆ จะทำก็ต่อเมื่อ สร้างจุดต่างสำคัญๆ เช่น ย้ายฐานลูกค้า มาจากธนาคารอื่นๆที่ไม่มี ที่ไม่ทำได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ยังไม่ใช่จุดแข็งที่จะชนะกันในธุรกิจ
จริงๆธนาคารไทย มีการรับ input แบบ cardless แล้วนะครับ ให้ input เบอร์โทรศัพท์ลงไปแทน ซึ่งก็ไม่ต้องพกบัตรเหมือนกัน ป้องกันบัตรหาย ป้องกันบัตรถูกขโมยได้เหมือนกัน จำเบอร์โทรตัวเองให้ได้ก็พอ
เปลี่ยน factor จาก something what you are/something what you have เป็น something what you know ก็แทนกันได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดขายที่จะทำให้ย้ายฐานลูกค้าจากธนาคารอื่นไปได้เลย เป็นแค่ gimmick เล็กๆให้ตื่นเต้นเล่น แค่นั้นเอง
มันเป็นเรื่องของการประมวลผลครับ
การประมวลผลด้วยการอ่านบัตร(ไม่ว่าจะ smartcard/magnetic strip) สามารถทำได้ง่ายกว่า เร็วกว่า ใช้ processing power น้อยกว่า เพราะค่าที่ได้เป็น input คือ ตัวเลข ได้จากบัตรเลย ตู้ธนาคารไหน บัตรอะไรก็อ่านได้ทันที ยังไม่ต้องมีการ access database ของ owner bank จะ access database ก็จังหวะที่ identity verify ด้วยรหัสเท่านั้น
แต่การประมวลผลลายนิ้วมือ จะต้องรับ input เป็นลายนิ้วมือ แล้วเอาภาพที่ได้ ไปค้นหาใน database เพื่อเป็นข้อมูล identity input หลังจากนั้นค่อยทำขั้นตอน identity verify เหมือนๆกัน
คำถามง่ายๆทางธุรกิจ การเลิกใช้บัตร ให้ใช้นิ้วมือแทน ธนาคารต้องลงทุน processing power มากขึ้น เพราะต้องทำ image compare หรือ spacial compare อันนั้นไม่แน่ใจ แต่ database สำหรับ identity input ใหญ่ขึ้น เพราะต้องเก็บเป็นข้อมูลของ fingerprint ซึ่งต่างจากแค่ id จาก magnetic strip ที่เป็นแค่รหัสประมาณ 10 ตัวเลขทั่วนั้น
ใครได้ประโยชน์จากการลงทุนนี้ ธนาคารหรือลูกค้า
คำตอบ คือ ตราบใดที่ ลูกค้ายังได้ประโยชน์ โดยธนาคารไม่ได้อะไร ธนาคาร(ไทย) ไม่ทำแน่ๆ จะทำก็ต่อเมื่อ สร้างจุดต่างสำคัญๆ เช่น ย้ายฐานลูกค้า มาจากธนาคารอื่นๆที่ไม่มี ที่ไม่ทำได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ยังไม่ใช่จุดแข็งที่จะชนะกันในธุรกิจ
จริงๆธนาคารไทย มีการรับ input แบบ cardless แล้วนะครับ ให้ input เบอร์โทรศัพท์ลงไปแทน ซึ่งก็ไม่ต้องพกบัตรเหมือนกัน ป้องกันบัตรหาย ป้องกันบัตรถูกขโมยได้เหมือนกัน จำเบอร์โทรตัวเองให้ได้ก็พอ
เปลี่ยน factor จาก something what you are/something what you have เป็น something what you know ก็แทนกันได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดขายที่จะทำให้ย้ายฐานลูกค้าจากธนาคารอื่นไปได้เลย เป็นแค่ gimmick เล็กๆให้ตื่นเต้นเล่น แค่นั้นเอง
silentkung ถูกใจ, TheShadow ถูกใจ, foscarnet ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2516138 ซึ้ง, Zenmaster_T ถูกใจ, คุณชายปลายดอย ถูกใจ, หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1370233 ถูกใจ, Stryder ถูกใจ, ขอนามแฝงใหม่ ถูกใจรวมถึงอีก 6 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมไม่ใช้ระบบแสกนลายนิ้วมือ แทนการใช้บัตรเครดิตหรือแทนบัตรATM???????
-อุปกรณ์ITราคาถูกลง
-อินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูงมาก
-ถ้าใช้ระบบแสกนนิ้วมือได้ ก็จะลดปัญหา บัตรหาย บัตรถูกขโมย
ญี่ปุ่นทำแล้วแต่ยังไม่ทั่วประเทศ
ช่วยแนะนำด้วยจร้า