From now to the end : จนกว่าความตายจะมาพราก จากโรค FIP ในแมว

กระทู้สนทนา
เจ้าของสัตว์เลี้ยงคงรู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อรู้ว่าสัตว์เลี้ยงป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
เพราะไม่มีการจากลาอะไร สะเทือนใจได้เท่า ความตายที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่มีใครทำใจได้

เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา... เพื่อเป็นอีกหนึ่ง Case Study ให้เจ้าของ เตรียมใจ รับมือกับสิ่งที่จะเกิด ความสูญเสียไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าของต้องยอมรับและเข้มแข็ง
ทำให้ช่วงสุดท้ายที่เหลือในชีวิตเค้ามีความสุขที่สุด

เราจะสู้ไปด้วยกัน จนกว่าความตายจะมาพราก




เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา... ณ วันที่ รับรู้ว่า โคฟี่ เป็นโรค FIP และเป็นลูคิเมียพร้อมๆกัน เพื่อนับเคาท์ดาวน์การจากไป แม้ว่า... โรคนี้เป็นโรคที่ทำให้เจ้าของเศร้า และสะเทือนใจ แต่มันคือเรื่องจริง จากวันแรกจนวันสุดท้ายของชีวิตแมวหนึ่งตัว ที่ถ่ายทอดเป็นความรู้ให้เพื่อนๆที่ยังไม่เคยรู้จักภัยร้ายจากโรค FIP ลองศึกษาดูการก่อตัวของโรคจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

โคฟี่...จนถึงวันนี้ที่ลูกไม่อยู่แล้ว ลูกก็เป็นกรณีศึกษาให้แมวตัวอื่นๆ




เรื่องราวของโคฟี่ แมวดำ ที่รับเข้าบ้านมาเลี้ยงเมื่อเดือน พย. 2557 เริ่มต้นตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวหลงทาง ตัวเล็กๆ เหม็นเหมือนตกท่อ มาขอข้าวกิน เลี้ยงไม่ไหวแล้วที่บ้านมีสามตัว ตั้งใจรับมาปล่อยต่อหาบ้าน ส่วนเพื่อนก็รับปากว่าจะเอา แต่โทรบอกเพื่อนว่า แกๆ เอาไว้ที่ชั้นก่อนนะ ผลัดวันประกันพรุ่งจนกระทั่งโทรหาเพื่อนอีกครั้ง แก ๆหาตัวอื่นเหอะนะ ตัวนี้ชั้นเอา ชั้นรักมันแล้ว โคฟี่จึงกลายมาเป็นสมาชิกตัวที่ 4 แมวตัวสุดท้ายที่รับมาเลี้ยง





1 ปีผ่านไป โคฟี่พัฒนาการกลายเป็นเป็นแมวขนสวย ตัวแน่น กินจุ ร่าเริง และจิตใจดี เป็นแมวที่เข้าหามนุษย์มากที่สุด ไม่เคยขู่แมวจรจัดที่แวะมาขออาหาร ไม่เคยทำร้ายแมวตัวไหน ถึงหน้าจะโหดแต่ใจดีมากที่สุด



ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน เป็นแมวตัวเดียวที่นอนเอาหัวหนุนไหล่ จนหลับไปด้วยกัน ทุกเช้าเป็นนาฬิกาปลุก ตื่นก่อนใครๆในบ้าน โคฟี่เอาใจไปครองเพราะแมวตัวอื่นในบ้านหน้าตาดีๆ แต่โคฟี่เป็นแมวธรรมดา ถึงได้รักโคฟี่มากยิ่งกว่าแมวทุกตัว ยังแอบคิดว่า ถ้าแมวต้องล้มหายตายจากไป ขอให้โคฟี่เหลือเป็นตัวสุดท้ายได้มั้ย



นอนตั้งแต่เล็กจนโต ป่วยก็เข้ามานอนใกล้ๆ ไม่เคยห่างกันสักคืน



...กลางเดือน พฤศจิกายน 2558 สัญญาณอันตรายมาเยือน...


โคฟี่ป่วยแบบไม่มีสาเหตุมาสองอาทิตย์ สังเกตุเห็นว่า เริ่มช้าลง เดินลงบันไดช้าๆไม่วิ่งลง เริ่มนิ่งๆลง คิดว่าป่วยธรรมดา พาหาหมอที่คลินิก A แถวบ้าน ครั้งแรกวัดไข้ว่าสูง ฉีดยาลดไข้ ให้ยามากิน อาการไม่ดีขึ้น พากลับไปคลินิกเดิม ตรวจแผ่นเช็ค FIP แต่ไม่มีผลอะไรขึ้น หมอบอก ลองไปกินยาต่อเนื่องนะ ปกติ แมวต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์จะหาย .... ผ่านไป 2 วัน โคฟี่ไม่หาย ไม่ถ่าย ไม่กินข้าวเหมือนเดิม
ทนไม่ไหว พาไป โรงพยาบาลเฉพาะทางแมวภูเก็ตที่เจ้าฟ้า แยกฉลอง คลินิกนี้ราคาสูงแต่รับประกันว่าดีที่สุดในภูเก็ต



...18 พฤศจิกายน สังเกตอาการ...

หมอตรวจ ค่าตับไม่ดีเท่าไหร่ น่าจะต้องให้ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ได้ตรวจ FIP เพิ่มเพราะบอกหมอว่าคลินิกเดิมตรวจแล้วไม่พบอะไร หมอจัดยาชุดใหม่ให้ และรอตรวจซ้ำ อีก 3 วัน



...20 พฤศจิกายน วันที่ตรวจพบ FIP เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ...

แฟนบอกว่าโคฟี่ท่าจะไม่ไหว ขอลางานครึ่ง พาโคฟี่ตรงไปรพ. แถวฉลองอีก หมอหยกเจ้าของ รพ มาทำอัลตร้าซาวด์ให้เอง คราวนี้อยู่ในห้องตรวจชั่วโมงกว่า



หมอชัดเจนมาก ชี้ให้ดูอย่างละเอียด มีน้ำในท้อง มีก้อนอะไรไม่รู้ เป็นเรื่องไม่ดี หมอว่าเกิดอาการอักเสบ หมอขอเจาะน้ำในท้องออกมาหยดให้ดู  น้ำสีเหลืองไหลหนืดๆ หมอบอกว่า 90% เป็นโรค FIP ฟันธงแล้ว รวมถึงอาการในข้างต้น หมอขอเจาะเลือดออกมาตรวจ HIV กับลูคิเมีย

...ผลคือโคฟี่เป็นทั้ง FIP และ ลูคิเมีย...

ร้องไห้โฮต่อหน้าหมอ คือรู้ว่าหมดหวังแล้วกับโรค FIP  การป่วยเป็นโรคนี้ เปรียบเสมือเป็น คำพิพากษาจบชีวิตแมว เพราะปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโรคนี้ให้หายได้

FIP- Feline Infectious Peritonitis คือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่เกิดมาจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โคโรนาไวรัส (Corona virus) เป็นแล้วไม่หาย คือรอความตายอย่างเดียว และนับจากวันที่ตรวจพบ แมวส่วนมากมักมีอายุมากสุดแค่ 2 เดือน และทั้งโลกมีแค่ 2 เคสที่แมวหายป่วย ( หลังจากอาการหนัก ) อ่านเพิ่มเติมได้ใน Google หรือ คลิ้กที่นี่ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องโรคนี้

โรคนี้แมวอาจมีติดตัวมาแต่เด็ก หรือได้รับเชื้อมาจากแมวตัวอื่น อาการแต่ละตัวไม่เหมือนกัน บางตัวที่ได้รับเชื้อแต่ภูมิไม่ตกเลย อาจไม่เกิดอาการอะไรอยู่หลายปี หรืออาจไม่เกิดอาการอะไรเลยทั้งชีวิต แต่ในขณะบางตัว แมวเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนทำให้แมวออกอาการหนัก และการที่เราจะตรวจอาการนั้นเจอ คือเข้าขั้นสุดท้ายที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว

พูดง่ายๆ ถึงแมวได้รับเชื้อ FIP จริง แต่ไม่ออกอาการ แมวก็อยู่ได้เรื่อยๆ เหมือนแมวปกติ เจ้าของจะไม่รู้ตัวเลย แต่แมวที่แสดงอาการ และน้ำในท้องหนืดแล้ว เกิน 90% แมวต้องตาย จากการสำรวจพบว่า เฉลี่ยจะตายภายใน 9 วัน

ยิ่งอ่านเรื่อง FIP ยิ่งรู้สึกแย่ลงๆ ยังไงก็ไม่มีหวัง แถมยังต้องมองแมวเราทรุดลงไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าวาระสุดท้าย จะทรมานมากแค่ไหน แต่ที่แย่ยิ่งกว่า โคฟี่เป็นลูคิเมียด้วย ซึ่งจะทำให้ยิ่งทรุดลงไปอีกเร็วมาก



ในอดีต เคยมีแมวตัวนึงในบ้านเป็นโรคเดียวกันและก่อนจากไป ต้องพาไปดูดน้ำออกจากท้อง 3ครั้ง น้ำเป็นสีเหลืองชา เป็นถ้วยๆ ช่วยประทังไปได้ไม่นาน และจากไปใน 1 เดือนจริงๆแต่ตอนนั้นเด็กไง เลยไม่ได้ผูกพันธ์กับแมวเป็นพิเศษ

หมออธิบายอย่างละเอียด และไม่โกหกว่า โรคนี้มันทรมาน ทั้งเจ้าของและแมว
หมอจำเป็นต้องพูดเรื่องจริงซึ่งฟังดูโหดร้าย ว่าแมวตัวนี้ ต้องตาย สิ่งที่ทำได้คือให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่ จนถึงวินาทีสุดท้าย

หมอว่า ถึงเป็นเรื่องเศร้า แต่ทำดีที่สุดแล้ว ที่สังเกตอาการเร็ว พามารักษา
ยังไงซะก็ร้องไห้จนตาบวม โคฟี่จะรู้ตัวมั้ยน้า



หมอให้ยามาเพียบ โคฟี่แทบสลบ



...21 พฤศจิกายน 2558...

โคฟี่เริ่มมาพักฟื้นบ้านแฟนได้อาทิตย์หนึ่งก่อนจะรู้ผล ... เพราะแฟนมีเวลาดูแล ช่วงกลางวัน ต่อไปนี้โคฟี่ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเราอีกแล้ว ไม่ได้กลับไปอาศัยกับเพื่อนๆที่บ้าน เพื่อป้องกันการกระจายโรคไปแมวตัวอื่น ซึ่งจริงๆแล้ว เค้าอยู่ร่วมกันมาปีเต็มๆ กินข้าวด้วยกัน กระบะทรายร่วมกัน เลียขนให้กัน แมวตัวอื่นก็น่าจะติดไปแล้ว แต่กันไว้จนกว่าจะตรวจไวรัสครบทุกตัว



จัดมุมห้องนอน และมุมอาหาร กะบะทรายไว้ให้โคฟี่ จะได้ไม่รู้สึกเครียด




เพื่
...22 พฤศจิกายน 2558...

บางคืนจะนอนบ้านแฟนดูอาการโคฟี่ ต้องตื่นมา เช้ากว่าปกติให้ยาก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ป้อนอาหารจากกระบอกฉีดยา อาหารเหลวแมวป่วย

ทุกครั้งที่มอง ห้ามน้ำตาไม่ไหว เพราะคิดสภาพวันที่ต้องจากกันจริงๆจะทำใจยังไง

วันนี้อะไรนิดอะไรหน่อยเราน้ำตาซึม ส่วนโคฟี่อะไรนิดอะไรหน่อย ก็มองหน้าแล้วร้องเรียกเสียงสั้นๆเบาๆ เหมือนเราสองคนรู้ว่า เวลาที่จะอยู่ร่วมกันมันสั้นมากๆ
เลยพยายามถ่ายรูปคู่กันไว้ด้วยหลายรูป ถ่ายทุกวัน จนกว่าจะจากกันไปเนอะ



แอบน้ำตาไหล คริสมาสปีนี้คงอยู่ไม่ถึงสินะ



เย็นนี้พาโคฟี่กลับบ้านไป 2-3 ชั่วโมง ไปเล่นกับเพื่อนๆ ดูโคฟี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โคฟี่คงต้องการความสงบ หลบมุมออกมานั่งเงียบๆ แต่ตายังหันไปดูเพื่อนจับจิ้งจก ก็เดินตามไปแบบหมดแรง

ให้อาหารเพื่อนๆ ก็ร้องขอด้วย พอยื่นถ้วยให้ ไม่กิน... แค่ร้องขอตามนิสัย

...23 พฤศจิกายน 2558...

บอกตัวเอง จากวันนี้ไป ต่อไปนี้งานยุ่งแค่ไหน ก็จะกลับบ้านตรงเวลา ชีวิตน้อยๆที่กำลังจะหมดลมหายใจ รอเรากลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ

เปิดประตูมา น้ำตาร่วง โคฟี่นอนตาลอย เหม่อ จับนอนท่าไหน เหมือนไม่รู้สึกตัว ป้อนข้าวเยอะขึ้น

หมอบอก ยิ่งกินเยอะ ก็ยิ่งแข็งแรง



สังเกตุว่าวันนี้โคฟี่เริ่มเก็บตัว ไปหลบมุมนอนในห้องน้ำ แบบที่เคยได้ยินมาว่าที่ เวลาสัตว์เลี้ยงจะตาย จะไปหาที่ตายอย่างสงบไม่ให้เจ้าของเห็น



...24 พฤศจิกายน 2558...

มาทั้งชุดพนักงานเลย เพราะเลิกงานปุ๊บ กลัวตกรถ กลับทั้งชุดนี้เลย แถมช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เด็กๆที่บ้าน เพราะรีบรีบตรงไปป้อนข้าว ป้อนยาโคฟี่ก่อน กินอาหารเองไม่ได้แล้ว หยุดกินอาหารเองมาสักพักแล้ว  ต้องป้อนให้กิน อาหารที่ใช้คือ รอยัลคานิน Recovery สำหรับแมวป่วยโดยเฉพาะ  ให้ผสมกับ แบรนด์ซุปไก่ จะได้ไม่ฝืดคอ



ช่วงนี้เปิดดูรูปเก่าๆ สมัยโคฟี่ยังเป็นเด็กน้อยแล้วน้ำตาไหลพราก แมวเคยซน แมวขี้เล่น ตอนนี้ผอมลง จับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก



เตรียมความพร้อมในการกินอาหาร ใส่ผ้ากันเปื้อนหนังสือพิมพ์ ช่วงนี้กินเลอะเทอะ
ยิ่งเลอะยิ่งประสบการณ์ ( คนป้อน )



หน้าตาไม่เข้าท่ามากๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่