......ผมหรอ ก็ชายไทยคนหนึ่งหล่ะ ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่โคตรเหลื่อมล้ำ เหมือนคนทั่วๆไป
เป็นคนความรู้น้อย กระเสียกกระสนจนจบ ม.6 กศน.ได้นี่ก็สุดๆของผมแล้ว
จบมา...แล้วยังไง ไปสมัครงานที่ไหน ขนาดตำแหน่งยาม ยังเดี๋ยวติดต่อกลับแมงอยู่นั่น จะกี่ที่ก็ประโยคเดิมๆจนรู้สึกชินและชา
....คุณเคยท้อมะ คุณเคยนั่งหิว แต่ไม่มีเงิน ได้แต่นั่งดูคนอื่นกินมะ
ผมเข้ากรุงเทพมาด้วยรถไฟฟรี กับเงินติดตัวไม่กี่ร้อยบาท และวุฒิ ม.6 กศน.
ย่ำเท้าจนหมดเงิน ก็ยังไม่ได้งาน นั่งๆนอนๆตามป้ายรถเมล์และสวนสาธารณะ แอบเก็บอาหารที่เขากินเหลือวางทิ้งไว้มากิน
....กินไปน้ำตาไหลไป ญาติพี่น้องก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เดินๆจนหมดแรง หลงทิศหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหนดี
คนบ้านนอกคอกนา เข้ามาหวังขายแรงยังไม่มีใครจ้าง
มองขอทานสะพานลอยก็ให้คิดหนัก จะลองนั่งขอดูก็อายสายตาคนอื่น มือเท้าเรามีครบ
"พี่ๆ ผมไม่มีเงิน ขอข้าวกินได้ไม๊ครับที่เหลือๆก็ได้"
"ไปไปไป ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารการกุศลไปขอที่อื่น"
....ประโยคปฏิเสธ ที่ไม่นึกว่าจะได้ยินจากคนไทย....
---------แค่ข้าวประทังชีวิตสักจาน มันจะทำให้ร้านเขาเจ๊งเลยหรอ---------
คิดว่าใครสักคนจะหน้าด้านพอขอข้าวกินนี่ เป็นยังไงหรอ------------
...จะไปโทษใครได้หล่ะ ก็ดันเกิดมาในสังคมชั้นต่ำเองนี่....
อย่ามาบอกผมเลย ว่าบ้านเมืองนี้ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้น ((มันก็แค่นามธรรม และคำพูดให้ดูดีเท่านั้นเอง))
ยังไงซะ คนรวย ก็ไม่มีทางมองคนจนว่าเท่าเทียมกับเขาหรอก....คนมีก็กินทิ้งกินขว้าง ผลาญทรัพยากรกันอย่างเพลิดเพลิน
ส่วนคนชั้นต่ำหรอก็ อดมื้อกินมื้อไปสิ คนชั้นสูงถ้าจะแบ่งให้คนชั้นล่างบ้าง ก็เป็นแค่เศษๆที่เขาไม่เอาแล้วนั่นล่ะ
.......ความน้อยเนื้อต่ำใจ กลายเป็นความแค้นที่สั่งสม "สักวันกูจะเอาคืนพวกมืง" มันดังก้องอยู่ในจิตสำนึก
นั่นคือประโยคสุดท้าย ก่อนที่โลกจะเริ่มหมุน พร้อมสติที่เริ่มวูบวาบจากอาการเป็นลมเพราะความหิว
ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือภาพทางเท้าที่หน้าผมกระแทกลงไป ก่อนที่ผมจะไร้ความรู้สึกใดๆ
........ ....................... ..............
........... มืดมิด...........................
.......................เนิ่นนาน.............
...............................................
มีเพียงความว่างเปล่า...................
/////////////ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่เดิม ผมลืมตา มองเห็นเพดานผุๆ
พัดลมเก่าๆเปิดอยู่ ดังแต๊กๆๆๆ ผมค่อยๆยันกายขึ้น มองไปรอบๆ
เสื้อผ้า ถุงพลาสติก วางอยู่เกลื่อนห้องแคบๆ มีตู้เสื้อผ้าพลาสติก กับรูปดาราและปฏิทินโป๊ๆแปะเต็มข้างฝาสังกะสีปนไม้
เสียงเดินเอี๊ยดๆดังมาจากด้านนอก ชายวัยกลางคน ค่อนไปทางเกือบชรา แต่ร่างกายกำยำ เดินเข้ามาพร้อมถุงใส่ของกิน
"อ่ะ ตื่นแล้วหรอพ่อหนุ่ม มาๆกินอะไรก่อน"
ชายคนนั้นแกะแกงใส่ถ้วย พร้อมกับตักข้าวสวยจากหม้อข้าวเล็กๆส่งมาให้พร้อมแก้วน้ำเปล่า
....ผมเหมือนคนติดยา จับจานข้าวสังกะสีมามือสั่น ตักแกงยัดข้าวเข้าปากอย่างหิวกระหาย
"เห้ยๆ เบาๆ เดี๋ยวติดคอตาย ฮ่าๆๆๆๆ"
"ขอบคุณครับลุง ที่ช่วยผม แถมให้ข้าวผมกิน"
"มาจากบ้านนอกสิมืงน่ะ"
"ใช่ครับ ผมมาหางานทำ แต่เดินหาจนเงินหมด ก็ไม่ที่ไหนรับทำงานเลย ขอข้าวเขากิน พอเขาไม่ให้ ผมก็ไม่กล้าขอใครอีก"
"ก็เลยมานอนเป็นลมสลบเหมือดอยู่ที่ทางเท้า"
"ใช่ครับ "
***ไมตรีจิตจากลุงแปลกหน้า ทำให้ผมซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด มันจะมีใครเห็นใจคนจน เท่าคนจนด้วยกันล่ะ
ก็สังคมเขาก็แบ่งชัดเจนอยู่แล้วนี่ ว่าตรงนั้นคือที่ของชนชั้นสูง เขตที่ชนชั้นต่ำไม่ควรเข้าไปจุ้นจ้าน
หากแม้ใครจะใจกล้าพอที่จะเข้าไป ก็จะถูกรุมมองประหนึ่งมันผู้นี้ไม่ใช่คน เพียงแค่เพราะเสื้อผ้าที่ดูแปลกประหลาดออกไป
.......ลุงบอกผม โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปใส่ใจมันเลย อยู่ในที่ ที่เราควรอยู่ มีความสุขกับตัวเองเถอะ........
ผมขออาศัยอยู่กับลุง ที่นั่น สลัมแห่งนั้น ลุงก็ให้ผมอยู่
พอมีแรงผมออกหางานอีกครั้ง
แต่ก็เหมือนเดิม เช่นทุกครั้ง รอติดต่อกลับ โทรศัพท์ใกล้พังของผมเครื่องนี้ที่ซิมใกล้จะหมดวันเต็มที เพราะไม่มีปัญญาเติมเงิน
มันรอแล้วรอเล่า ........... ก็เปล่า...............
.......ผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง น้อยใจในโชคชะตาตัวเอง ผมพยายามจะเป็นคนดี ไม่เคยคิดเบียดเบียนใคร แต่ผลที่ผมได้รับคือแบบนี้หรอ
ไหนว่าทำดีย่อมได้ดีไงล่ะ
แล้วที่ผมได้นี่มันคืออะไร
. "ถ้าหมดหนทางแล้ว มืงลองมาทำงานกับลุงดูไม๊"
"งานอะไรครับลุง"
"มือปืนรับจ้างทำงานตามนายสั่ง"
"ลุงมีนายคอยสั่งด้วยหรอ"
"ฮ่าๆๆๆมีสิ กูก็คอยกำจัดขยะให้นายมาตลอดล่ะ ขยะชิ้นไหนขวางหูขวางตา นายกู กูก็เก็บมันซะ"
"แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะครับ"
"ฮ่าๆๆแรกๆมันก็ยากหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก หัดๆดูจากกูไปก่อน เรื่องลงมือหลักๆกูจัดการเอง"
"แล้วผมต้องทำยังไงบ้าง"
"พรุ่งนี้ มืงแต่งตัวที่คิดว่าดูที่สุดของมืง เดี๋ยวกูพามืงไปให้นายกูรู้หน้ารู้ตาไว้"
"ครับลุง ไหนๆก็หมดทางเลือกแล้ว งั้นผมขอเดินตามลุงแล้วกัน ขอบคุณนะครับลุง"
.....ผมพึ่งรู้ ว่าลุงที่ช่วยผมมา แกไม่ธรรมดาจริงๆ แกเป็นมือปืนรับจ้าง มีนายคอยให้งานและจ่ายเงิน
ถึงว่าทำไมลุงต้องมาแอบอยู่ในสลัม คงเพื่อปกปิดตัวเอง ลุงแกคงมีเงินไม่น้อยเลย
ผมหายสงสัยแล้ว ที่เห็นลุง เคยเอาอาวุธของแกออกมาตรวจสอบ และเช็ดด้ามมันอยู่ตลอด ซึ่งผมก็ไม่เคยไปแตะ
เพราะกลัวลุงแกจะไม่ชอบใจ
.....รุ่งเช้า ลุงพาผมขึ้นรถมอไซค์ RC เก่าๆของแกไปยังจุดนัดหมายเพื่อรับงาน
หัวใจผมเต้นตูมตามเพราะนี่จะเป็นงานแรกของผมบนเส้นทางสายนี้
จริงๆผมก็ไม่อยากเดินทางสายนี้เลย แต่ในเมื่อมันหมดทางเลือกแล้ว มันก็จำเป็น
ผมมาถึงสวนสาธารณะจุดนัดหมาย มีชายใส่แว่นดำยืนอยู่2คน พร้อมชายอ้วนๆที่ดูมีอันจะกินและดูภูมิฐานยืนอยู่
ลุงจอดรถ บอกผมว่านั่นเจ้านายเรา มากับกู ไปแนะนำตัวก่อน จะได้ทำงานกับท่านยาวๆ
......ลุงเดินนำหน้าผมเข้าไป พนมมือไหว้สวัสดีเจ้านายผงกๆ ผมก็ต้องทำตาม
"นี่ลื้อพาใครมาวะ"
"คนนี้มันมาจากต่างจังหวัดครับท่าน หางานทำไม่ได้ ผมเลยพามาฝากเนื้อฝากตัวเป็นลุกน้องในสังกัดท่านสักคน"
"อืมมม ดูยังหนุ่ม หน่วยก้านใช้ได้ แต่อั๊วะบอกก่อนนะ จะมาเป็นลูกน้องอั๊วะ ต้องทำตามที่อั๊วะสั่งทุกอย่าง เข้าใจนะ"
"ครับท่าน งานแรกผมจะพยายามช่วยเทรนมันก่อน ถ้าคล่องๆแล้วค่อยให้มันลุยเดี่ยวคงได้ ผมเองก็แก่ขึ้นทุกวัน"
"ดีๆ งั้นลื้อ2คนก็จัดการงานนี้ให้อั๊วะด้วยแล้วกัน มันขวางหูขวางตาอั๊วะมาก จัดการให้สะอาด เก็บให้เรียบล้างบางมันไปเลย"
"ครับท่าน ไม่ต้องห่วงครับงานนี้ ผมเก็บมันเรียบแน่นอน ยิ่งมีไอ่หนุ่มนี่มาช่วยอีกแรง ไม่มีพลาดครับ"
"ดีๆ เสร็จงานแล้วมารับตัง งั้นเดี๋ยวอั๊วะไปล่ะ"
........เจ้านายขึ้นรถออกไปแล้ว ลุงหันมามองผมหน้าเหี้ยมๆ บ่งบอกถึงความจริงจัง
"เอ้าเห้ย อย่าช้า เดี๋ยวเวลาล่วง จะไม่ทันการ เราต้องจัดการไอ่ขยะที่ขวางหูขวางตานายให้เรียบ เอานี่อาวุธของมืง"
....ลุงยื่นอาวุธมาให้ผม ผมรับมันมาด้วยใจที่สั่นระรัว นี่คือครั้งแรกของผมจริงๆบนทางสายนี้ ลุงบอกใช้เป็นใช่ไม๊ คงไม่ต้องเทรนนะว่าต้องทำอะไรบ้างให้ผมคอยจัดการด้านนี้ แกจะแยกไปอีกด้าน ให้ผมจัดการได้เลย เพราะสวนนี้พวกคนรวยๆมาวิ่งกันมาก รีบจัดการให้เสร็จๆแล้วไปรับเงินก่อนชิ่ง
ลุงแกเดินย่องๆถืออาวุธข้างกาย เดินหายลับไป ผมเองก็ต้องตั้งใจ ขอไปก้มหน้าก้มตากวาดขยะก่อนล่ะครับ นี่หล่ะวิถีชีวิตมือปืนรับจ้างของ กทม.
หน้าที่ ที่ดูต่ำต้อย แต่ก็ขาดไม่ได้ ลองนึกภาพกรุงเทพไม่มีคนกวาดขยะสัก7วันสิ มันจะอยู่ในสภาพไหน วันนี้ก็ขอสวัสดีครับ
เรื่องของ - - มือปืน.....ผู้กำจัดขยะในชีวิตนาย และคุณ
......ผมหรอ ก็ชายไทยคนหนึ่งหล่ะ ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่โคตรเหลื่อมล้ำ เหมือนคนทั่วๆไป
เป็นคนความรู้น้อย กระเสียกกระสนจนจบ ม.6 กศน.ได้นี่ก็สุดๆของผมแล้ว
จบมา...แล้วยังไง ไปสมัครงานที่ไหน ขนาดตำแหน่งยาม ยังเดี๋ยวติดต่อกลับแมงอยู่นั่น จะกี่ที่ก็ประโยคเดิมๆจนรู้สึกชินและชา
....คุณเคยท้อมะ คุณเคยนั่งหิว แต่ไม่มีเงิน ได้แต่นั่งดูคนอื่นกินมะ
ผมเข้ากรุงเทพมาด้วยรถไฟฟรี กับเงินติดตัวไม่กี่ร้อยบาท และวุฒิ ม.6 กศน.
ย่ำเท้าจนหมดเงิน ก็ยังไม่ได้งาน นั่งๆนอนๆตามป้ายรถเมล์และสวนสาธารณะ แอบเก็บอาหารที่เขากินเหลือวางทิ้งไว้มากิน
....กินไปน้ำตาไหลไป ญาติพี่น้องก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เดินๆจนหมดแรง หลงทิศหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหนดี
คนบ้านนอกคอกนา เข้ามาหวังขายแรงยังไม่มีใครจ้าง
มองขอทานสะพานลอยก็ให้คิดหนัก จะลองนั่งขอดูก็อายสายตาคนอื่น มือเท้าเรามีครบ
"พี่ๆ ผมไม่มีเงิน ขอข้าวกินได้ไม๊ครับที่เหลือๆก็ได้"
"ไปไปไป ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารการกุศลไปขอที่อื่น"
....ประโยคปฏิเสธ ที่ไม่นึกว่าจะได้ยินจากคนไทย....
---------แค่ข้าวประทังชีวิตสักจาน มันจะทำให้ร้านเขาเจ๊งเลยหรอ---------
คิดว่าใครสักคนจะหน้าด้านพอขอข้าวกินนี่ เป็นยังไงหรอ------------
...จะไปโทษใครได้หล่ะ ก็ดันเกิดมาในสังคมชั้นต่ำเองนี่....
อย่ามาบอกผมเลย ว่าบ้านเมืองนี้ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้น ((มันก็แค่นามธรรม และคำพูดให้ดูดีเท่านั้นเอง))
ยังไงซะ คนรวย ก็ไม่มีทางมองคนจนว่าเท่าเทียมกับเขาหรอก....คนมีก็กินทิ้งกินขว้าง ผลาญทรัพยากรกันอย่างเพลิดเพลิน
ส่วนคนชั้นต่ำหรอก็ อดมื้อกินมื้อไปสิ คนชั้นสูงถ้าจะแบ่งให้คนชั้นล่างบ้าง ก็เป็นแค่เศษๆที่เขาไม่เอาแล้วนั่นล่ะ
.......ความน้อยเนื้อต่ำใจ กลายเป็นความแค้นที่สั่งสม "สักวันกูจะเอาคืนพวกมืง" มันดังก้องอยู่ในจิตสำนึก
นั่นคือประโยคสุดท้าย ก่อนที่โลกจะเริ่มหมุน พร้อมสติที่เริ่มวูบวาบจากอาการเป็นลมเพราะความหิว
ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือภาพทางเท้าที่หน้าผมกระแทกลงไป ก่อนที่ผมจะไร้ความรู้สึกใดๆ
........ ....................... ..............
........... มืดมิด...........................
.......................เนิ่นนาน.............
...............................................
มีเพียงความว่างเปล่า...................
/////////////ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่เดิม ผมลืมตา มองเห็นเพดานผุๆ
พัดลมเก่าๆเปิดอยู่ ดังแต๊กๆๆๆ ผมค่อยๆยันกายขึ้น มองไปรอบๆ
เสื้อผ้า ถุงพลาสติก วางอยู่เกลื่อนห้องแคบๆ มีตู้เสื้อผ้าพลาสติก กับรูปดาราและปฏิทินโป๊ๆแปะเต็มข้างฝาสังกะสีปนไม้
เสียงเดินเอี๊ยดๆดังมาจากด้านนอก ชายวัยกลางคน ค่อนไปทางเกือบชรา แต่ร่างกายกำยำ เดินเข้ามาพร้อมถุงใส่ของกิน
"อ่ะ ตื่นแล้วหรอพ่อหนุ่ม มาๆกินอะไรก่อน"
ชายคนนั้นแกะแกงใส่ถ้วย พร้อมกับตักข้าวสวยจากหม้อข้าวเล็กๆส่งมาให้พร้อมแก้วน้ำเปล่า
....ผมเหมือนคนติดยา จับจานข้าวสังกะสีมามือสั่น ตักแกงยัดข้าวเข้าปากอย่างหิวกระหาย
"เห้ยๆ เบาๆ เดี๋ยวติดคอตาย ฮ่าๆๆๆๆ"
"ขอบคุณครับลุง ที่ช่วยผม แถมให้ข้าวผมกิน"
"มาจากบ้านนอกสิมืงน่ะ"
"ใช่ครับ ผมมาหางานทำ แต่เดินหาจนเงินหมด ก็ไม่ที่ไหนรับทำงานเลย ขอข้าวเขากิน พอเขาไม่ให้ ผมก็ไม่กล้าขอใครอีก"
"ก็เลยมานอนเป็นลมสลบเหมือดอยู่ที่ทางเท้า"
"ใช่ครับ "
***ไมตรีจิตจากลุงแปลกหน้า ทำให้ผมซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด มันจะมีใครเห็นใจคนจน เท่าคนจนด้วยกันล่ะ
ก็สังคมเขาก็แบ่งชัดเจนอยู่แล้วนี่ ว่าตรงนั้นคือที่ของชนชั้นสูง เขตที่ชนชั้นต่ำไม่ควรเข้าไปจุ้นจ้าน
หากแม้ใครจะใจกล้าพอที่จะเข้าไป ก็จะถูกรุมมองประหนึ่งมันผู้นี้ไม่ใช่คน เพียงแค่เพราะเสื้อผ้าที่ดูแปลกประหลาดออกไป
.......ลุงบอกผม โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปใส่ใจมันเลย อยู่ในที่ ที่เราควรอยู่ มีความสุขกับตัวเองเถอะ........
ผมขออาศัยอยู่กับลุง ที่นั่น สลัมแห่งนั้น ลุงก็ให้ผมอยู่
พอมีแรงผมออกหางานอีกครั้ง
แต่ก็เหมือนเดิม เช่นทุกครั้ง รอติดต่อกลับ โทรศัพท์ใกล้พังของผมเครื่องนี้ที่ซิมใกล้จะหมดวันเต็มที เพราะไม่มีปัญญาเติมเงิน
มันรอแล้วรอเล่า ........... ก็เปล่า...............
.......ผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง น้อยใจในโชคชะตาตัวเอง ผมพยายามจะเป็นคนดี ไม่เคยคิดเบียดเบียนใคร แต่ผลที่ผมได้รับคือแบบนี้หรอ
ไหนว่าทำดีย่อมได้ดีไงล่ะ
แล้วที่ผมได้นี่มันคืออะไร
. "ถ้าหมดหนทางแล้ว มืงลองมาทำงานกับลุงดูไม๊"
"งานอะไรครับลุง"
"มือปืนรับจ้างทำงานตามนายสั่ง"
"ลุงมีนายคอยสั่งด้วยหรอ"
"ฮ่าๆๆๆมีสิ กูก็คอยกำจัดขยะให้นายมาตลอดล่ะ ขยะชิ้นไหนขวางหูขวางตา นายกู กูก็เก็บมันซะ"
"แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะครับ"
"ฮ่าๆๆแรกๆมันก็ยากหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก หัดๆดูจากกูไปก่อน เรื่องลงมือหลักๆกูจัดการเอง"
"แล้วผมต้องทำยังไงบ้าง"
"พรุ่งนี้ มืงแต่งตัวที่คิดว่าดูที่สุดของมืง เดี๋ยวกูพามืงไปให้นายกูรู้หน้ารู้ตาไว้"
"ครับลุง ไหนๆก็หมดทางเลือกแล้ว งั้นผมขอเดินตามลุงแล้วกัน ขอบคุณนะครับลุง"
.....ผมพึ่งรู้ ว่าลุงที่ช่วยผมมา แกไม่ธรรมดาจริงๆ แกเป็นมือปืนรับจ้าง มีนายคอยให้งานและจ่ายเงิน
ถึงว่าทำไมลุงต้องมาแอบอยู่ในสลัม คงเพื่อปกปิดตัวเอง ลุงแกคงมีเงินไม่น้อยเลย
ผมหายสงสัยแล้ว ที่เห็นลุง เคยเอาอาวุธของแกออกมาตรวจสอบ และเช็ดด้ามมันอยู่ตลอด ซึ่งผมก็ไม่เคยไปแตะ
เพราะกลัวลุงแกจะไม่ชอบใจ
.....รุ่งเช้า ลุงพาผมขึ้นรถมอไซค์ RC เก่าๆของแกไปยังจุดนัดหมายเพื่อรับงาน
หัวใจผมเต้นตูมตามเพราะนี่จะเป็นงานแรกของผมบนเส้นทางสายนี้
จริงๆผมก็ไม่อยากเดินทางสายนี้เลย แต่ในเมื่อมันหมดทางเลือกแล้ว มันก็จำเป็น
ผมมาถึงสวนสาธารณะจุดนัดหมาย มีชายใส่แว่นดำยืนอยู่2คน พร้อมชายอ้วนๆที่ดูมีอันจะกินและดูภูมิฐานยืนอยู่
ลุงจอดรถ บอกผมว่านั่นเจ้านายเรา มากับกู ไปแนะนำตัวก่อน จะได้ทำงานกับท่านยาวๆ
......ลุงเดินนำหน้าผมเข้าไป พนมมือไหว้สวัสดีเจ้านายผงกๆ ผมก็ต้องทำตาม
"นี่ลื้อพาใครมาวะ"
"คนนี้มันมาจากต่างจังหวัดครับท่าน หางานทำไม่ได้ ผมเลยพามาฝากเนื้อฝากตัวเป็นลุกน้องในสังกัดท่านสักคน"
"อืมมม ดูยังหนุ่ม หน่วยก้านใช้ได้ แต่อั๊วะบอกก่อนนะ จะมาเป็นลูกน้องอั๊วะ ต้องทำตามที่อั๊วะสั่งทุกอย่าง เข้าใจนะ"
"ครับท่าน งานแรกผมจะพยายามช่วยเทรนมันก่อน ถ้าคล่องๆแล้วค่อยให้มันลุยเดี่ยวคงได้ ผมเองก็แก่ขึ้นทุกวัน"
"ดีๆ งั้นลื้อ2คนก็จัดการงานนี้ให้อั๊วะด้วยแล้วกัน มันขวางหูขวางตาอั๊วะมาก จัดการให้สะอาด เก็บให้เรียบล้างบางมันไปเลย"
"ครับท่าน ไม่ต้องห่วงครับงานนี้ ผมเก็บมันเรียบแน่นอน ยิ่งมีไอ่หนุ่มนี่มาช่วยอีกแรง ไม่มีพลาดครับ"
"ดีๆ เสร็จงานแล้วมารับตัง งั้นเดี๋ยวอั๊วะไปล่ะ"
........เจ้านายขึ้นรถออกไปแล้ว ลุงหันมามองผมหน้าเหี้ยมๆ บ่งบอกถึงความจริงจัง
"เอ้าเห้ย อย่าช้า เดี๋ยวเวลาล่วง จะไม่ทันการ เราต้องจัดการไอ่ขยะที่ขวางหูขวางตานายให้เรียบ เอานี่อาวุธของมืง"
....ลุงยื่นอาวุธมาให้ผม ผมรับมันมาด้วยใจที่สั่นระรัว นี่คือครั้งแรกของผมจริงๆบนทางสายนี้ ลุงบอกใช้เป็นใช่ไม๊ คงไม่ต้องเทรนนะว่าต้องทำอะไรบ้างให้ผมคอยจัดการด้านนี้ แกจะแยกไปอีกด้าน ให้ผมจัดการได้เลย เพราะสวนนี้พวกคนรวยๆมาวิ่งกันมาก รีบจัดการให้เสร็จๆแล้วไปรับเงินก่อนชิ่ง
ลุงแกเดินย่องๆถืออาวุธข้างกาย เดินหายลับไป ผมเองก็ต้องตั้งใจ ขอไปก้มหน้าก้มตากวาดขยะก่อนล่ะครับ นี่หล่ะวิถีชีวิตมือปืนรับจ้างของ กทม.
หน้าที่ ที่ดูต่ำต้อย แต่ก็ขาดไม่ได้ ลองนึกภาพกรุงเทพไม่มีคนกวาดขยะสัก7วันสิ มันจะอยู่ในสภาพไหน วันนี้ก็ขอสวัสดีครับ