เนื่องจาก คุณพ่อ ไม่สบายพบอาการผิดปกติของตับ และได้เข้ารับการตรวจที่รพ.แถวนวมินทร์
แพทย์แจ้งว่า เป็นโรคตับแข็ง เราทราบดังนั้นจึงได้บอกกับพ่อ และครอบครัวว่าไม่ได้!! ต้องตรวจซ้ำอีก
เพื่อความแน่ใจ เราก็ทำการ search หาแพทย์ที่เก่งที่สุด ดีที่สุด และสะดวกสำหรับคุณพ่อมากที่สุด
สุดท้าย ได้เลือกที่จะเข้าไปตรวจกับทางคุณหมอท่านนึง ที่รพ.ชื่อดังมากแถวทองหล่อ ซึ่งเป็นคุณหมอเก่ง ติด1ใน10 ของเอเชีย
เราโทรถามเช็คกับรพ. นัดวันเวลาที่จะเข้าไปตรวจ ซึ่งคุณหมอออกตรวจแค่ วันเสาร์ เต็มวัน และวันอาทิตย์ครึ่งวันเช้าเท่านั้น
เราได้เวลาตรวจ วันที่ 5 ธันวา 2558 เวลาบ่ายโมงครึ่ง (นัดล่วงหน้าก่อน 2 อาทิตย์)
จัดแจงเสร็จสรรพ ถึงวันพ่อก็ไปเจอกันที่โรงพยาบาล หลังจากที่รอพบแพทย์อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง หมอก็ยังไม่ได้สามารถสรุปอะไรให้มากไม่ได้แค่ตรวจจากภายนอก ถามคำถามซึ่งคิดว่าค่อนข้างละเอียด
และคุณหมอแจ้งว่าน่าจะเป็นแหละ แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นหนักแค่ไหน ให้ไปตรวจเลือด และทำอัลตราซาวน์ รออีก 2 อาทิตย์มาฟังผล
ซึ่งเวลานัดคือ วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2558 เวลา 1 ทุ่ม ซึ่งเราก็ได้เช็คกับนางพยาบาลที่เคาเตอร์อีกครั้งหลังจากที่ได้ใบนัดว่า ทุ่มนึงเลยหรอคะ? นางพยาบาลแจ้งว่าค่ะ หมอคิวเต็มหมดค่ะ ว่างแค่ตอน 1 ทุ่ม เราก็โอเค 1 ทุ่มก็ 1 ทุ่มค่ะ
ซึ่งทางหมอเองก็ยืนยันว่า คนไข้ควรที่จะมาฟังเอง เพราะคุณพ่อเองก็ยังทำงาน ไม่แน่ใจว่าจะหยุดงานได้หรือเปล่า แต่เราก็บังคับ ขู่เข็ญ หว่านล้อม ทำทุกวิถีทาง เหมือนตอนที่ให้พ่อมาตรวจวันที่ 5 ธันวานี่แหละค่ะ
วันเสาร์ที่ 19 เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พี่สาวโทรเข้ามาหาเราว่า ให้เราโทรไปเคลียร์กับโรงพยาบาลหน่อยซิ๊ ทำไมอยู่ดีๆ โทรมาเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ให้ไป 6 โมงเย็น พร้อมทั้งแจ้งว่า คุณหมอมีเคสพิเศษ อ่ะ เราก็โทรไปถามโรงพยาบาล นางพยาลบาลรับสายพร้อมทั้งเราสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆมาเลื่อนนัดแบบนี้ คุณพ่อมาจากร่มเกล้านะคะ แล้วติดเคสพิเศษอะไร นางพยาบาลแจ้ง "อ๋อ ไม่ได้เคสพิเศษอะไรหรอกค่ะ หมอไม่มีคนไข้แล้ว หมอจะได้รีบกลับบ้าน.." เราฟังแล้วถึงกับอึ้ง คือคุณเพิ่งโทรมาแจ้งก่อนเวลาไม่ถึง 1 ชม. (จากอโศกไปสุขุมวิท 49 ยังใช้เวลาเกิน 1 ชม.เลยค่ะ) เราถามว่าลูกสาวไปฟังแทนได้ด้วยหรอคะ? หยั่งงี้ดีกว่าค่ะ ถ้างั้นช่วยเตรียมทุกสิ่งอย่างผลสรุปของคุณพ่อมา เราจะย้ายโรงพยาบาล และเราจะเข้าไปภายใน 30 นาที
เราไปถึงโรงพยาบาลเวลา 5.45 น. และยังคงต้องรอหมอตรวจคนไข้ คุยโทรศัพท์ จนถึงเวลาประมาณ 6.15 น. หมอเรียกเข้าไปนั่งในห้อง พร้อมทั้งยังพิมพ์สรุปไม่เสร็จ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการจิ้มแป้นพิมพ์ พร้อมทั้งตอนที่เราเข้าไปพบหมอ เราเองก็ทราบดีกว่า เราเด็กกว่า วุฒิภาวะก็ด้อยกว่า แต่ขอสอบถามค่ะ และเอ่ยปากถามคุณหมอไปว่า "โทษนะคะ มีนางพยาบาลโทรมาเลื่อนนัดคุณพ่อ บอกว่าหมอติดเคสพิเศษ และพอเราโทรมาถามก็บอกว่าไม่ได้ติดเคสพิเศษ หมออยากกลับบ้าน" หมอตอบว่า "อ่าว ใช่สิ ผมก็อยากกลับบ้านนะ ผมเข้างานตั้งแต่ 8 โมงแล้ว" "แต่ผมไม่ได้เป็นคนบอกให้โทรหา ไม่รู้ใครโทร ผมไม่รู้เรื่อง" ระหว่างที่พูดก็จิ้มแป้นพิมพ์ก๊อกแก๊กไป เราทำได้แค่ฟัง อัดเสียงที่หมอสรุปผลของพ่อว่าพ่อเป็นอะไร ต้องรักษาแบบไหน เราพยายามติดต่อคุณพ่อไปเผื่อแกจะได้ฟังด้วย ปรากฎคุณพ่ออยู่ข้างนอก เสียงดัง คุณพ่อบอกไม่ต้องคุยหรอก เกรงใจหมอ แถมคุณหมอยังจะมาบอกอีกว่า "ไม่ต้องคุยหรอก คุณอัดไปหมดแล้วหนิ ว่าต้องดูแลตัวเองยังไง คุณเอาที่ผมสรุปให้หนะ ผมพิมพ์ให้หมดแล้ว เอาไปโรงพยาบาลไหนก็ได้เค้าน่าจะรู้จักผมดี" ก่อนที่เราจะเข้าพบคุณหมอเราแจ้งพยาบาลด้านแล้วว่าเราอยากพบเมเนเจอร์ คนที่ดูแล เราไม่โอเคกับการเลื่อนนัดของคุณ และการที่คุณหมออยากจะกลับบ้านมากโทรเลื่อนนัดพ่อเราแบบนี้ได้ไง รู้มั้ยว่าการที่จะบังคับพ่อให้ไปตรวจ และเข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งมันยากแค่ไหน ถ้าคุณหมอไม่ take it serious แล้วคนไข้จะ take it serious ได้ยังไง
ตอนที่เราได้คุยกับผู้ตรวจการ ณ เวลานั้นเราก็แจ้งไปว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก กับโรงพยาบาลนี้นะคะ เราเคยได้รับบริการที่ไม่ดีกับทางโรงพยาบาลแล้ว 1 ครั้งแต่ที่ครั้งแล้วเกิดจากนางพยาบาล ไม่ได้เกิดจากหมอ เมเนเจอร์ก็ค่ะๆ ทราบค่ะ จะแจ้งให้หัวหน้างานทราบ ต้องเข้าใจนะคะว่าคุณหมอเค้าเป็นคุณหมอ Senior จะให้เค้าไปตักเตือนเองคงไม่ได้ รู้แหละค่ะ พูดไปก็ทำอะไรไม่ได้ หมอใหญ่ค่ะ พอเรามาเล่าให้แฟนฟังเท่านั้นแหละค่ะ แฟนก็บอกว่าเป็นไปได้ยังไง โรงพยาบาลกลัวคุณหมอ ไม่กลัวคนไข้ มีที่ไหน ถ้าไม่อยากรักษาก็ไม่ต้องรับนัดซิ แฟนก็จะคุยกะเมเนเจอร์เอง ซึ่งอย่างที่บอกคือแฟนเราเคยติโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อคราวที่แล้ว จน CEO เองก็ส่งเมลล์มาขอโทษ ครั้งนี้แฟนเราก็ว่าเกินไปนะ มีอย่างที่ไหน หมออยากกลับบ้าน ไม่เต็มใจจะรักษาหรอไง
เราก็เหนื่อยใจทั้งพ่อ ทั้งหมอ ทั้งอาการ
เอาเป็นว่า เราขอลากับหมอท่านนี้เลย ต่อให้เก่งแค่ไหน วิเศษวิโสมาจากไหน อยากกลับบ้านขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว
วันอาทิตย์ท่านรองที่สมิติเวชโทรมาหาแฟนเรา จำชื่อไม่ได้ด้วยรู้แต่แทนตัวเองว่าหมอๆๆๆ ชื่อนันทลักษณ์ นที สักอย่าง
โทรมาขอโทษ เห็นอกเห็นใจ แฟนเราก็บอก คุยกับลูกสาวเค้าเถอะ ผมแค่อยากให้คุณเห็นคนไข้สำคัญกว่านี้
ส่งมาให้เราคุณก็บอกว่าขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจ บลาๆๆ แนะนำให้เข้าไปหาคุณหมออีกท่าน ซึ่งเป็นหมอประจำที่โรงพยาบาลเข้าแทบทุกวัน คุณหมอมีเวลาพูดคุยกับคนไข้ ผมส่งเคสให้หมอ คนไข้ก็โอเคนะครับ
หึหึ เอาจริงๆนะคะ พ่อไม่อยากไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ ดื้อค่ะ กว่าจะหลอกล่อไปได้เนี่ยไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านรองเองยังบอกเลยว่า พ่อแม่ผมก็เป็น จะให้คนแก่ไปโรงพยาบาลแต่ละทียากครับ
งั้นเข้าใจตรงกันค่ะ
จะไปหาหมอก็คิดดีๆค่ะ
[CR] ตับคนไข้ VS หมออยากกลับบ้านเร็ว อันไหนสำคัญกว่ากัน??
แพทย์แจ้งว่า เป็นโรคตับแข็ง เราทราบดังนั้นจึงได้บอกกับพ่อ และครอบครัวว่าไม่ได้!! ต้องตรวจซ้ำอีก
เพื่อความแน่ใจ เราก็ทำการ search หาแพทย์ที่เก่งที่สุด ดีที่สุด และสะดวกสำหรับคุณพ่อมากที่สุด
สุดท้าย ได้เลือกที่จะเข้าไปตรวจกับทางคุณหมอท่านนึง ที่รพ.ชื่อดังมากแถวทองหล่อ ซึ่งเป็นคุณหมอเก่ง ติด1ใน10 ของเอเชีย
เราโทรถามเช็คกับรพ. นัดวันเวลาที่จะเข้าไปตรวจ ซึ่งคุณหมอออกตรวจแค่ วันเสาร์ เต็มวัน และวันอาทิตย์ครึ่งวันเช้าเท่านั้น
เราได้เวลาตรวจ วันที่ 5 ธันวา 2558 เวลาบ่ายโมงครึ่ง (นัดล่วงหน้าก่อน 2 อาทิตย์)
จัดแจงเสร็จสรรพ ถึงวันพ่อก็ไปเจอกันที่โรงพยาบาล หลังจากที่รอพบแพทย์อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง หมอก็ยังไม่ได้สามารถสรุปอะไรให้มากไม่ได้แค่ตรวจจากภายนอก ถามคำถามซึ่งคิดว่าค่อนข้างละเอียด
และคุณหมอแจ้งว่าน่าจะเป็นแหละ แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นหนักแค่ไหน ให้ไปตรวจเลือด และทำอัลตราซาวน์ รออีก 2 อาทิตย์มาฟังผล
ซึ่งเวลานัดคือ วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2558 เวลา 1 ทุ่ม ซึ่งเราก็ได้เช็คกับนางพยาบาลที่เคาเตอร์อีกครั้งหลังจากที่ได้ใบนัดว่า ทุ่มนึงเลยหรอคะ? นางพยาบาลแจ้งว่าค่ะ หมอคิวเต็มหมดค่ะ ว่างแค่ตอน 1 ทุ่ม เราก็โอเค 1 ทุ่มก็ 1 ทุ่มค่ะ
ซึ่งทางหมอเองก็ยืนยันว่า คนไข้ควรที่จะมาฟังเอง เพราะคุณพ่อเองก็ยังทำงาน ไม่แน่ใจว่าจะหยุดงานได้หรือเปล่า แต่เราก็บังคับ ขู่เข็ญ หว่านล้อม ทำทุกวิถีทาง เหมือนตอนที่ให้พ่อมาตรวจวันที่ 5 ธันวานี่แหละค่ะ
วันเสาร์ที่ 19 เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พี่สาวโทรเข้ามาหาเราว่า ให้เราโทรไปเคลียร์กับโรงพยาบาลหน่อยซิ๊ ทำไมอยู่ดีๆ โทรมาเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น ให้ไป 6 โมงเย็น พร้อมทั้งแจ้งว่า คุณหมอมีเคสพิเศษ อ่ะ เราก็โทรไปถามโรงพยาบาล นางพยาลบาลรับสายพร้อมทั้งเราสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆมาเลื่อนนัดแบบนี้ คุณพ่อมาจากร่มเกล้านะคะ แล้วติดเคสพิเศษอะไร นางพยาบาลแจ้ง "อ๋อ ไม่ได้เคสพิเศษอะไรหรอกค่ะ หมอไม่มีคนไข้แล้ว หมอจะได้รีบกลับบ้าน.." เราฟังแล้วถึงกับอึ้ง คือคุณเพิ่งโทรมาแจ้งก่อนเวลาไม่ถึง 1 ชม. (จากอโศกไปสุขุมวิท 49 ยังใช้เวลาเกิน 1 ชม.เลยค่ะ) เราถามว่าลูกสาวไปฟังแทนได้ด้วยหรอคะ? หยั่งงี้ดีกว่าค่ะ ถ้างั้นช่วยเตรียมทุกสิ่งอย่างผลสรุปของคุณพ่อมา เราจะย้ายโรงพยาบาล และเราจะเข้าไปภายใน 30 นาที
เราไปถึงโรงพยาบาลเวลา 5.45 น. และยังคงต้องรอหมอตรวจคนไข้ คุยโทรศัพท์ จนถึงเวลาประมาณ 6.15 น. หมอเรียกเข้าไปนั่งในห้อง พร้อมทั้งยังพิมพ์สรุปไม่เสร็จ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการจิ้มแป้นพิมพ์ พร้อมทั้งตอนที่เราเข้าไปพบหมอ เราเองก็ทราบดีกว่า เราเด็กกว่า วุฒิภาวะก็ด้อยกว่า แต่ขอสอบถามค่ะ และเอ่ยปากถามคุณหมอไปว่า "โทษนะคะ มีนางพยาบาลโทรมาเลื่อนนัดคุณพ่อ บอกว่าหมอติดเคสพิเศษ และพอเราโทรมาถามก็บอกว่าไม่ได้ติดเคสพิเศษ หมออยากกลับบ้าน" หมอตอบว่า "อ่าว ใช่สิ ผมก็อยากกลับบ้านนะ ผมเข้างานตั้งแต่ 8 โมงแล้ว" "แต่ผมไม่ได้เป็นคนบอกให้โทรหา ไม่รู้ใครโทร ผมไม่รู้เรื่อง" ระหว่างที่พูดก็จิ้มแป้นพิมพ์ก๊อกแก๊กไป เราทำได้แค่ฟัง อัดเสียงที่หมอสรุปผลของพ่อว่าพ่อเป็นอะไร ต้องรักษาแบบไหน เราพยายามติดต่อคุณพ่อไปเผื่อแกจะได้ฟังด้วย ปรากฎคุณพ่ออยู่ข้างนอก เสียงดัง คุณพ่อบอกไม่ต้องคุยหรอก เกรงใจหมอ แถมคุณหมอยังจะมาบอกอีกว่า "ไม่ต้องคุยหรอก คุณอัดไปหมดแล้วหนิ ว่าต้องดูแลตัวเองยังไง คุณเอาที่ผมสรุปให้หนะ ผมพิมพ์ให้หมดแล้ว เอาไปโรงพยาบาลไหนก็ได้เค้าน่าจะรู้จักผมดี" ก่อนที่เราจะเข้าพบคุณหมอเราแจ้งพยาบาลด้านแล้วว่าเราอยากพบเมเนเจอร์ คนที่ดูแล เราไม่โอเคกับการเลื่อนนัดของคุณ และการที่คุณหมออยากจะกลับบ้านมากโทรเลื่อนนัดพ่อเราแบบนี้ได้ไง รู้มั้ยว่าการที่จะบังคับพ่อให้ไปตรวจ และเข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งมันยากแค่ไหน ถ้าคุณหมอไม่ take it serious แล้วคนไข้จะ take it serious ได้ยังไง
ตอนที่เราได้คุยกับผู้ตรวจการ ณ เวลานั้นเราก็แจ้งไปว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก กับโรงพยาบาลนี้นะคะ เราเคยได้รับบริการที่ไม่ดีกับทางโรงพยาบาลแล้ว 1 ครั้งแต่ที่ครั้งแล้วเกิดจากนางพยาบาล ไม่ได้เกิดจากหมอ เมเนเจอร์ก็ค่ะๆ ทราบค่ะ จะแจ้งให้หัวหน้างานทราบ ต้องเข้าใจนะคะว่าคุณหมอเค้าเป็นคุณหมอ Senior จะให้เค้าไปตักเตือนเองคงไม่ได้ รู้แหละค่ะ พูดไปก็ทำอะไรไม่ได้ หมอใหญ่ค่ะ พอเรามาเล่าให้แฟนฟังเท่านั้นแหละค่ะ แฟนก็บอกว่าเป็นไปได้ยังไง โรงพยาบาลกลัวคุณหมอ ไม่กลัวคนไข้ มีที่ไหน ถ้าไม่อยากรักษาก็ไม่ต้องรับนัดซิ แฟนก็จะคุยกะเมเนเจอร์เอง ซึ่งอย่างที่บอกคือแฟนเราเคยติโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อคราวที่แล้ว จน CEO เองก็ส่งเมลล์มาขอโทษ ครั้งนี้แฟนเราก็ว่าเกินไปนะ มีอย่างที่ไหน หมออยากกลับบ้าน ไม่เต็มใจจะรักษาหรอไง
เราก็เหนื่อยใจทั้งพ่อ ทั้งหมอ ทั้งอาการ
เอาเป็นว่า เราขอลากับหมอท่านนี้เลย ต่อให้เก่งแค่ไหน วิเศษวิโสมาจากไหน อยากกลับบ้านขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว
วันอาทิตย์ท่านรองที่สมิติเวชโทรมาหาแฟนเรา จำชื่อไม่ได้ด้วยรู้แต่แทนตัวเองว่าหมอๆๆๆ ชื่อนันทลักษณ์ นที สักอย่าง
โทรมาขอโทษ เห็นอกเห็นใจ แฟนเราก็บอก คุยกับลูกสาวเค้าเถอะ ผมแค่อยากให้คุณเห็นคนไข้สำคัญกว่านี้
ส่งมาให้เราคุณก็บอกว่าขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจ บลาๆๆ แนะนำให้เข้าไปหาคุณหมออีกท่าน ซึ่งเป็นหมอประจำที่โรงพยาบาลเข้าแทบทุกวัน คุณหมอมีเวลาพูดคุยกับคนไข้ ผมส่งเคสให้หมอ คนไข้ก็โอเคนะครับ
หึหึ เอาจริงๆนะคะ พ่อไม่อยากไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ ดื้อค่ะ กว่าจะหลอกล่อไปได้เนี่ยไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านรองเองยังบอกเลยว่า พ่อแม่ผมก็เป็น จะให้คนแก่ไปโรงพยาบาลแต่ละทียากครับ
งั้นเข้าใจตรงกันค่ะ
จะไปหาหมอก็คิดดีๆค่ะ