พิจารณากาม ปุถุชน ถึง พระอริยเจ้า ไม่อิงตำรา แสดงโดย 555

ต้องขออภัย ที่ไม่อิงตำรา เพื่อป้องกันสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยกตำรามาแย้ง จะทำให้เป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาท เป็นเหตุไม่ใช่ทางพ้นทุกข์!!!
ใจปุถุชน มีกิเลสครบเรียกได้ว่า ขันธ์5(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ใจละอะไรไม่ได้เลย เมื่อเห็นผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย ใจนี้ไปหมดเลย ห้ามก็ไม่อยู่
ใจมันเป็นเอง ควบคุมได้แต่กาย วาจา แต่ใจควบคุมไม่ได้ มันไปหมดหลงไปหมด พอใจควบคุมไม่ได้ ความคิดก็ปรุงขึ้นมาว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เห็นเป็นสิ่งดีสิ่งสวยงามไปหมด คราวนี้ใจควบคุมไม่ได้ วาจาก็ชักเอาเรื่องละซิ มันอยากจะไปพูดไปคุย มันเลยไปหมดทั้งใจทั้งวาจา ร่างกายมีการเคลื่อนไปหา อันนี้ไปหมดเลย กาย วาจา ใจ ไปหมด แล้วเวลาผิดหวังไม่สมหวัง ไปหมดเช่นกัน กาย วาจา ใจ ไปหมดเลย ทุกข์ไปหมดเหมือนแบกโลกใว้ทั้งใบ จากเดิมที่โลกสวยอะไรก็สวยไปหมดดีไปหมด พอผิดหวังโลกทั้งใบอะไรก็ไม่ยุติธรรม รู้สึกว่าชีวิตนี้ไร้ค่า บ้างท่านอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย นี้คือภัยของกาม บางท่านสมหวังก็ครองรักคู่กันไปอย่างมีความสุขและเจือปนไปด้วยทุกข์ เพราะปุถุชนเขาจะเห็นกามเป็นความสุขไป ใจเขาชอบแบบนั้น
  ใจพระโสดาบัน ละรูปได้ (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ละไม่ได้ ใจพระโสดาบัน เวลาเห็นผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย ใจจะมีความรู้สึกไม่หนักเท่าปุถุชน พอใจเห็นผู้ชาย เห็นผู้หญิง ความต้องการในรูปร่างกาย ชายหรือหญิง จะมีขอบเขตคือไม่ถึงขนาดผิดหวังแล้วฆ่าตัวตาย แต่ใจของพระโสดาบันหักห้ามเวทนา สัญญา เรื่องละหว่างเพศไม่ได้ สังขาร วิญญาณก็กระหน่ำซ้ำเข้าไปอีก สุดท้ายใจพระโสดาบันละกามไม่ได้ ก็ยังมีครอบครัว มีราคะ ความรักระหว่างเพศ แต่ไม่หนักเท่าปุถุชน อยู่ในขอบเขตของศิล อยู่ในขอบเขตของธรรม
  ใจพระสกิทาคามี ละรูปได้ ละเวทนาได้ แต่ยังละ(สัญญา สังขาร วิญญาณ)ไม่ได้ ใจพระสกิทาคามี เวลาเห็นผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย ใจท่านความต้องการทางเพศจะน้อยลงไปมาก เพราะรูป เวทนา ใจละได้แล้ว แต่ใจท่านไปติด(สัญญา สังขาร วิญญาณ)ไปติดอารมณ์สัญญา ในเรื่องระหว่างเพศ ใจก็กระเพื่อมหวั่นไหว สังขาร กระกระหน่ำ วิญญาณก็จัดเต็ม แต่ถ้าผู้ภายนอกดูแถบไม่ออก เพราะร่างกายภายนอกท่านนั้นสงบพอสมควร แต่อาการภายในปิดบังกันไม่ได้ มันจะปรากฏให้ท่านผู้มีญาณวิเศษได้รู้ได้เห็น เอาเป็นว่าเทวดารู้หมด เพราะธรรมชาติของใจมันปิดบังกันไม่ได้ ใจของพระสกิทาคามี อาการภายนอก กาย วาจา สงบ แต่ใจภายในเรื่องของกามไม่สงบ พระสกิทาคามีก็ยังมีครอบครัวได้ แต่ใจไม่เต็มที่ในเรื่องระหว่างเพศ เพราะใจท่านละเอียดพอสมควร
  ใจพระอนาคามี ละรูปได้ ละเวทนาได้ ละสัญญาได้ ละสังขารได้ แต่ละวิญญาณไม่ได้ ละได้4ขันธ์เหลือ1ขันธ์ ใจพระอนาคามีเวลาเห็นผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย ใจท่านจะเห็นว่ามันไม่สวยไม่งาม เห็นเป็นของปฏิกูลโสโครก บางครั้งความคิดมันผุดๆขึ้นมาภายในใจ ห้ามก็ไม่ได้ใจมันพิจารณาลงอสุภะอสุภังเป็นไปเอง ความกำหนัดในเรื่องกามใจท่านไม่มี แต่ใจท่านไปติดรูปราคะ อรูปราคะแทน คือใจไปติดในรูปฌาณ ไปติดในอรูปฌาณ เพราะรูปราคะ อรูปราคะ มันเป็นวิญญาณปรมาณู เป็นวิญญาณละเอียดมีความสวยงดงาม สวยงามมากกว่าผู้ชายหล่อผู้หญิงสวยเป็นล้านๆเท่า ด้วยเหตุนี้ใจท่านจึงมีมานะ เห็นว่าสิ่งนี้ดีกว่าสิ่งนี้ เห็นว่าสิ่งนี้เลวกว่าสิ่งนี้ เห็นว่าสิ่งทั้งสองดีเหมือนกันเลวเหมือนกัน ใจพระอนาคามียังมีการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆอยู่ พระอนาคามีท่านจะไม่มีครอบครัวเด็ดขาด เพราะเห็นการมีครอบครัวเป็นข้าศึกภายในใจตน เพราะการมีครอบครัวท่านจะมองว่ามันทุกข์มาก เหมือนแบกภูเขาเป็นล้านๆลูก
  ใจพระอรหันต์ ละรูปได้ ละเวทนาได้ ละสัญญาได้ ละสังขารได้ ละวิญญาณได้ ใจพระอรหันต์ท่านละขันธ์5ได้ครบ เวลาชายหล่อหญิงสวยเดินผ่านท่านไป ใจท่านจะเห็นเป็นเพียง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา (ถึงแม้ความคิดมันจะคิดว่านั้นชาย นั้นหญิงก็ตาม) แต่ใจท่านจะเห็นเป็นเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ต่อให้ใช้ความคิดปรุงแต่งเรื่องชายกับหญิงมีการร่วมเพศกัน ใช้ความคิดปรุงแต่งยังไงก็ตาม แต่ใจท่านก็ไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น เพราะสะพานเชื่อมต่อใจกับขันธ์5มันถูกทำลายไปแล้ว รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ทำหน้าที่ไปตามเหตุปัจจัยของมันเป็นปกติ ส่วนใจของพระอรหันต์ท่านไม่มีอาการกระเพื่อมหรือหวั่นไหว เพราะสะพานตัวเชื่อมที่ทำให้หวั่นไหวมันขาดไปแล้ว หรือ ภาษาบ้านๆคือใจท่านไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5แล้ว ต้องขออภัยถ้าแสดงไม่ตรงตำรา หรือไม่ตรงความเห็นของท่านใด ฮ่าๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่