เรื่องหลอนบนยอดดอย “ผีกระเหรี่ยงวิ่งตาม” 2/2



หมู่บ้านที่ผมกำลังจะไปเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวครับ อยู่ห่างจากหมู่บ้านที่ผมอยู่ประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทางของผมจึงต้องใช้รถจักรยานยนต์ (เก่ามาก) ที่คนในหมู่บ้านเอาไว้ให้ใช้เวลาไปไหนมาไหน

ผมขี่ออกมาจากหมู่บ้านได้สักพักโดยที่มีเด็กผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมาด้วยกัน ในระหว่างเส้นทางที่ผมผ่านไม่มีแสงไฟสักดวง มีเพียงแค่แสงไฟจากหน้ารถเก่า ๆ ของผมที่มันดับ ๆ ติด ๆ เพียงเท่านั้น

ผมขี่รถมาเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วประมาณ 40 ซึ่งช้ามากครับเพราะรถมันเก่ามากแล้ว ระหว่างทางผมเริ่มที่จะสังเกตบรรยากาศรอบ ๆ ของทั้งสองฝั่งถนน จนมาถึงจุดที่ผมจำได้ว่าผมเห็นอะไรบางอย่างที่คล้าย ๆ กับคนยืนอยู่ ผมก็เลยพยายามมองไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอะไรครับนอกจากต้นไม้

ยิ่งผมขี่ไปเรื่อย ๆ มันยิ่งเงียบและหนาวมากจนทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว และทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าเด็กผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายผมมา ตอนที่เธอไปเรียกผมที่หมู่บ้านเธอไปได้ยังไง เพราะจากระยะทางบวกกับความมืดแล้วเธอไม่น่าจะเดินมาได้ หรือถ้ามีใครมาส่งเขาก็น่าจะรอไปพร้อม ๆ กัน ไม่น่าปล่อยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่แค่คนเดียว

พอผมคิดได้ ว่าจะหันกลับไปถามเธอซะหน่อยว่ามาได้ยังไง แต่พอเหลียวหลังไปเท่านั้นเหละครับผมตกใจมากจนรถเกือบล้ม แต่ก็ยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็นสักเท่าไหร่ ผมก็เลยจอดรถแล้วเหลียวหลังไปดูให้ชัด ๆ อีกที ของจริงเลยครับผมไม่ได้ตาฝาดไป  

ภาพที่ผมเห็นคือตัวของเธอนั่งซ้อนท้ายผมเป็นปกติและเอามือจับที่เอวของผมเอาไว้ แต่หัวของเธอสิครับมันหมุนหันกลับไปด้านหลังพร้อมกับหักลงลองคิดภาพตามดูนะครับ หลังจากนั้นเธอก็กระโดดลงไปจากรถทันที แล้วก็วิ่งกลับหลังหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของผมทำได้แค่หันตัวกลับมาเพียงเท่านั้นเพราะทุกส่วนในตัวมันหนักไปหมด เหมือนกับถูกคนหลายสิบคนจับเอาไว้ไม่ให้ไป แล้วอยู่ดี ๆ น้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาไม่หยุดเลย

สักพักก็มีเสียงลูกกระพวนดังขึ้นและเสียงนั้นก็ใกล้ผมเข้ามาเรื่อย ๆ จนทำให้ผมเริ่มที่จะสังเกตเห็นเงาดำ ๆ คล้าย ๆ กับคนกำลังเดินมา เห็นได้จากไฟหน้ารถที่หริบหรี่ของผม

ผมพยายามจะส่งเสียงเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงออกมาสักนิด ผมคิดว่าคงจะเป็นใครสักคนที่ผ่านมาแถวนี้พอดี แต่ผมคิดผิดครับ เพราะเงาที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่คน เพราะคนอะไรจะคอยาวขนาดนั้นถึงจะเป็นกระเหรี่ยงคอยาวก็เถอะ

ยิ่งเข้ามาใกล้ ๆ ผมยิ่งแน่ใจว่าไม่ใช่คนแน่ ๆ เท่าที่ผมสังเกตได้เป็นผู้หญิงแก่หลังค่อมครับ คอของแกยืดได้หดได้ ยืดเข้าไปในป่าทีแล้วก็หดมาเหมือนเดิมแล้วก็ยืดไปใหม่ เหมือนกับแกกำลังหาอะไรอยู่สักอย่าง ส่วนผมจากตัวที่แข็งอยู่แล้วก็แข็งไปใหญ่ แต่แปลกครับที่เหมือนกับแกจะไม่เห็นผม แต่แกก็ยังเดินไม่หยุดพร้อมกับยืดหัวของแกไปเรื่อย ๆ

ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกแล้วครับเพราะว่าอีกนิดเดียวแกก็จะเดินมาถึงผมแล้ว ก็เลยหลับตาสวดมนต์แถมยังสวดผิด ๆ ถูก ๆ อีกต่างหาก ผมสวดมนต์ไปสักพักตัวของผมก็เริ่มเบา แล้วจะรออะไรล่ะครับผมก็เลยจับรถเลี้ยวและขี่กลับหมู่บ้านที่ผมอยู่ทันที ตอนนั้นใจของผมมันถึงที่หมู่บ้านแล้วครับ แต่รถมันบิดได้แค่ 40 ผมก็เลยต้องขับไปเรื่อย ๆ

ขับมาได้สักพักนึงนึกว่าจะรอดแล้ว ก็เลยเหลียวหลังหันกลับไปดู ที่ไหนได้ครับแกวิ่งตามรถผมมาด้วย ไอ้ตัวของแกไม่เท่าไหร่เพราะยังอยู่ไกลจากผมมาก แต่หัวของแกนี่สิครับจะถึงผมอยู่แล้ว ทำไงดีล่ะทีนี้ผมก็เลยต้องทำใจดีสู้เสือทำเป็นไม่เห็นอะไร แต่มันก็ไม่ได้ผลครับเพราะหน้าของแกมาอยู่ที่ข้าง ๆ หน้าของผมแล้ว

ตาแดง ๆ ของแกจ้องมาที่หน้าของผมพร้อมกับแสยะยิ้ม พอผมเห็นอย่างนั้นก็สติแตกเลยครับ แล้วรถของผมก็เสียหลักล้มลงไปทันทีหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย

ผมตื่นมาอีกที ผมโวยวายไม่หยุดเลยครับได้แต่หลับตาแล้วก็ไล่ทุกคนออกไป ผ่านไปสักพักพอผมตั้งสติได้ ก็เลยมองไปรอบ ๆ ผมเห็นลุงเซงดูยืนอยู่ที่ปลายเตียงของผมพร้อมกับพูดว่า

“ตื่นแล้วเหรอหมอ เป็นไงล่ะครับผมบอกแล้วไม่เชื่อ”

“โหลุง แล้วทำไมลุงถึงไม่บอกผมให้หมดล่ะครับ ว่าที่นี่ผีดุ”

“ถ้าผมบอกหมอ หมอจะกล้าอยู่เหรอครับ จริงไหม”

“เอ่อลุงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ นี่เป็นเหตุผลที่หมอคนอื่น ๆ เขาลาออกกันหมดใช่ไหม”

ลุงเซงดูพูดให้ผมฟังว่าเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มีแม่ลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านกระเหรี่ยงที่ผมจะไปเมื่อคืนนี้ล่ะครับ แม่ลูกคู่นี้เป็นคนชอบเก็บตัวไม่ค่อยชอบยุ่งกับคนในหมู่บ้านสักเท่าไหร่ เลยทำให้คนในหมู่บ้านไม่ค่อยชอบและด่าว่าสองแม่ลูกนี้กันไปต่าง ๆ นานา

วันหนึ่งคนที่เป็นลูกสาวหายไปมีผัวเป็นคนเมืองแล้วถูกทิ้งให้แบกท้องกลับมาคลอดที่หมู่บ้าน พอคลอดเสร็จไม่กี่วันก็ไปผูกคอตายที่ต้นไม้กลางหมู่บ้าน เพื่อประชดคนที่ชอบนินทาและรังเกียจครอบครัวของเธอ  

หลังจากนั้นแม่ของเธอก็ต้องเลี้ยงหลานคนเดียวมาโดยตลอด แต่คนที่เป็นยายกลัวว่าหลานจะเป็นเหมือนแม่ก็เลยห้ามหลานไม่ให้ออกไปไหน ให้อยู่แต่ในบ้านเท่านั้น แต่วันดีคืนดีหลานของแกก็จะมานอนที่ต้นไม้ที่แม่ของแกผูกคอตาย จนทำให้คนในหมู่บ้านกลัวกันไปหมด

อยู่มาคืนหนึ่งคนที่เป็นยายไม่สบายหนักมาก หลานของแกก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครช่วยเลยเพราะว่ากลัว หลานของแกเลยวิ่งจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงมาถึงหมู่บ้านที่ผมอยู่ เพื่อที่จะมาตามหมอแต่หมอไม่ยอมไปรักษายายของเธอ ด้วยข้ออ้างที่บอกว่าดึกแล้วพร้อมกับไล่เธอกลับไปแบบไม่ใยดี

หลังจากคืนนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเด็กคนนั้นอีกเลย และในคืนเดียวกันคนที่เป็นยายคงเห็นหลานของตัวเองไม่กลับบ้าน ก็เลยออกมาตามหาทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่สบายอยู่ พอรุ่งเช้าของอีกวันก็มีคนพบเห็นศพของแกนอนอยู่ตรงริมชายป่า ตรงที่ผมเห็นคนยืนอยู่ในคืนแรกที่ผมมานั้นเหละครับ

ลุงเซงดูบอกว่าเด็กที่มาตามผมเมื่อคืนแกคงตายไม่ดีหรือตายโหงอันนี้ก็ไม่มีใครรู้ และคงเป็นเพราะว่าจิตยังเป็นห่วงยายอยู่ก็เลยไม่ยอมไปไหน แล้วส่วนคนแก่คอยาวเมื่อคืนที่ผมเห็นก็เป็นยายของแกนั่นเหละที่ยังออกมาตามหาหลานอยู่ทุกคืน

พอผมได้ฟังที่ลุงเซงดูพูดก็เลยสงสัยว่าทำไมเขาสองคนยังตามหากันอยู่ ทั้ง ๆ ที่เป็นผีแล้วก็หน้าจะเจอกันได้ง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอ

ลุงเซงดูบอกกับผมว่าเวลาที่เขาสองคนตายกับสาเหตุการตายมันคงต่างกัน และก่อนที่เขาทั้งสองคนจะตายก็ไม่ได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ วิญญาณก็เลยต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะเจอกัน แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น คนในหมู่บ้านลองทำทุกวิธีแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ทำให้พ่อแม่หนุ่มสาวต้องพากันย้ายเด็ก ๆ วัยรุ่นไปอยู่ที่อื่นกันหมดเพราะว่ากลัว นี่ก็คงเป็นคำตอบว่าทำไมในหมู่บ้านถึงมีแต่คนแก่ที่ผมเคยถามเอาไว้

พอผมได้ฟังดั่งนั้นจากความกลัวก็เริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่รู้จะต้องช่วยเหลือยังเพราะลุงเซงดูบอกว่าเขาลองกันมาทุกวิธีแล้ว ผมก็เลยถามลุงเซงดูต่อไปว่าแล้วทำไมเด็กกับยายแก่เมื่อคืนเขาต้องมาหลอกผมด้วย

ผมก็เลยได้คำตอบกลับมาว่า เด็กคนนั้นคงรู้สึกโกธแค้นหมอคนที่เธอเคยมาเรียกแล้วไม่ยอมไป ส่วนยายแกที่เขาวิ่งตามเพราะว่าเขาแค่อยากเห็นหน้าผมเฉย ๆ ว่าใช้หลานของแกรึเปล่าถ้าไม่ใช่แกก็จะเลิกตาม

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นผมก็อยู่ในหมู่บ้านต่ออีก 1 อาทิตย์ครับ เพราะว่าทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทุกคืนจะมีเด็กผู้หญิงมาเรียกผม พอผมไม่เปิดแกก็มาทุบประตูบ้างขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้างหรือไม่ก็มายืนสงเสียงเรียกผมที่ใต้ถุนตรงตำแหน่งที่ผมนอน เจออย่างนี้ใครจะไปทนไหวล่ะครับ

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปที่นั้นอีกเลยจนมาถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้ข่าวมาจากเพื่อน ๆ หมอด้วยกันว่า มีเด็กจบใหม่คนหนึ่งไปเป็นหมอที่นั้น แต่อยู่ได้ยังไม่ทันถึงวันก็ต้องเผ่นออกมาซะแล้ว จบ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่