สวัสดีครับ
วันนี้ตั้งใจมาเขียนกระทู้ หลังจากได้คุยกับ พี่คนนึง
เคยเป็นเจ้านายของผมตอนผมยังวัยรุ่น
พี่เขาเล่าเรื่องที่มาของหมาตัวนึงในบ้านให้ฟัง
และพี่เขาเรียบเรียงเรื่องราวของมันไว้ เห็นว่า "ควรค่าแก่การเล่าให้ฟัง"
สำหรับคนรักสัตว์ และคนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวครับ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่า แต่ขอเกริ่นนำนิดนึง
ที่อยากเอามาเล่าต่อให้ฟัง เพราะ เจ้าหญิงฯ ก็เป็นคนนึงที่ช่วยเหลือสัตว์
มาหลายปี เคยเอาหน้าบ้านมาทำเป็นเชลเตอร์ดูแลสัตว์ชั่วคราวอยู่ 2 ปี
http://pantip.com/topic/31575684
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วเนื่องจากปัญหาสุขภาพ และต่อเติมหน้าบ้านใหม่แล้ว
แต่ก็ยังช่วยเหลือสัตว์เท่าที่พอทำได้อยู่บ้าง เช่นหาบ้านให้ลูกหมา
ซึ่งตอนทำเชลเตอร์ก็ได้ความอนุเคราะห์ ด้านอุปกรณ์ และอาหาร บางส่วนจากพี่ชายคนนี้แหละ
ตอนนี้ไม่สะดวกลงมือทำ เลยหาบทความเกี่ยวกับหมาแมว มาลงตามเพจหมาแมวต่างๆแทน
เข้าเรื่องเลยนะ ขออนุญาตนำบทความของพี่เขา มาลงเลยนะครับ
---------------------------

หมาชิทสุห์ที่เห็นในรูปนี้ ผมเจอเขาเมื่อหลายปีก่อน
พอดีวันนั้นผมกับภรรยาเอาหมาของเราไปหาหมอ
แล้วเจ้าของ(เดิม) ของเจ้าตัวนี้พาเขาไปหาหมอเหมือนกัน
แต่............พาไปเพื่อที่จะให้หมอฉีดยาให้เขาตาย
ซึ่งตอนแรก ผมยังไม่ทราบเจตนาของเจ้าของเดิม ก็คิดว่าพามาหาหมอตามปกติ
ตอนเดินเข้ามาในร้าน ผมจำได้ว่าเจ้าชิทสุห์น้อยตัวนี้ ยังเดินมาโบกหางให้ผมอยู่เลย
ซึ่งจากที่เห็นครั้งแรก ก็ได้แต่สงสาร ทั้งตัวสภาพเขา เรียกแบบเข้าใจง่ายๆเลย คือ "ตัวเน่ามาก"
เห็นแล้วก็สงสาร ตอนนั้นคิดในใจว่า
"คนยังเลือกเกิดไม่ได้ หมาก็คงเหมือนกัน คงเป็นเวรกรรมของลูกนะ
ที่เจ้าของดูแลหนูได้ไม่ดีขนาดนี้ น่าสงสาร..."
จนกระทั่งผมเสร็จธุระเรื่องหมาของผม ผมกลับมาที่รถ
ก็คุยกับภรรยาว่า "สงสารชิทสุห์ตัวมะกี๊จัง เน่าทั้งตัวเลย"
แล้วผมก็บ่นๆๆๆๆๆ เจ้าของหมาให้เมียฟังไปเรื่อยยย (พูดในรถนะ)
ทำนองว่าไม่น่าปล่อยให้มันเน่าได้ขนาดนี้ บลาๆๆๆ
ภรรยาผมเงียบไปเล็กน้อย แล้วก็เลยบอกกับผมว่า
"ไม่อยากบอกเลย" ภรรยาผมพูดจบถอนหายใจเบาๆ
"อะไรเหรอ ?" ผมรีบถาม
"บอกก็ได้แต่ต้องสัญญาก่อนว่า ห้ามไปมีเรื่อง"
(ภรรยาผมรู้ว่า เกี่ยวกับหมาเนี่ยผมไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ ผมขี้สงสารหมาแมว)
"มีอะไร ?" ผมเริ่มสงสัย และสนใจ
ภรรยาผมหันมาบอกว่า
"หมาชิทสุห์ตัวมะกี๊ เจ้าของเขาพามาให้หมอฉีดยาให้มันตาย แต่หมอแกไม่ทำให้"
ผมได้ยินก็ อึ้งไป
"อ้าวไม่ได้สิ ถ้าหมอไม่ทำให้ ปล่อยกลับบ้านไป
เจ้าของเขาเอามันไปปล่อยแน่นอน
แล้วสภาพแบบนี้ โอ้ยย ไม่ได้ๆ ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด"
ตอนนั้นเลือดผมขึ้นหน้าเลย จะลงจากรถกลับเข้าไปในร้านหมอ
แต่ภรรยาห้ามไว้ ผมเลยโทรเข้าไปในร้านหมอ แล้วถามคุณหมอตรงๆว่า
หมอ.........ถามจริงๆ โรคนี้อาการของหมาตัวนี้ รักษาได้ไหม
(หมาเป็นโรคขี้เรื้อนเปียก ชนิดรุนแรง)
หมอตอบว่า "ได้"
"แต่ใช้เวลามาก"
"เจ้าของหมาหลายคน ถอดใจเรื่องการรักษาไปก่อนหมาจะหาย เพราะต้องใช้ทั้งเวลา
ทั้งการดูแล ทั้งอาการรายวันของหมา"
พอหมออธิบายจบ ผมเลยบอกคุณหมอว่า
"ถ้างั้นคุณหมอบอกเจ้าของเขาเลยครับว่า
คุณหมอจะเอาไว้เลี้ยงเอง หมอห้ามให้เขาเอากลับบ้านไปนะ
เดี๋ยวเจ้าของหมากลับไป ผมจะเอาไปเลี้ยงเอง
ค่ารักษาพยาบาล เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ"
คุณหมอก็โอเค
ผมก็นั่งรอในรถ พลางลุ้นไป ว่าจะสำเร็จไหม ?
ในใจก็คิดทบทวนไป ผมก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่เจอแบบนี้แล้วมันรับไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
หมามีทางรักษาให้หายได้ อาจต้องใช้เวลา และเงินทองอยู่สักหน่อย ซึ่งเจ้าของอาจไม่สะดวกตรงนี้
แต่จะให้หมาที่มีโอกาสรอด มาตายเพราะเจ้าของจะไม่เลี้ยง ไม่ได้
สักพัก ผมมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเจ้าของเดิมเขาเดินออกมาขึ้นรถขับออกไป
ผมจึงลงจากรถกลับไปที่ร้านหมออีกครั้ง...
หลังจากคุยกับหมอ หมอให้รักษาอาการที่โรงพยาบาลก่อน ผมเลยฝากน้องหมาไว้

----------------------------
เวลาผ่านไป
----------------------------
และ เดือนที่ 3 วันที่ไปรับออกจากโรงพยาบาลสัตว์ มาดูแลต่อที่บ้าน
ผมใช้เวลารักษาเจ้าตัวนี้เกือบ 3 เดือนในโรงพยาบาลสัตว์
และอีกหลายเดือนที่บ้าน กว่าจะหายใช้เวลานานมากครับ
คุณหมอก็น่ารัก ลดราคาค่ารักษาให้ครึ่งๆเลย คุณหมอแกบอกว่า "ช่วยกันนะ"
แล้วดูวันนี้สิ.............. เขาเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทั้งแววตา ทั้งสุขภาพ
ถ่ายเมื่อหลายวันก่อน
คุณแม่ผมตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า "เจ้าช่อมาลี"
เจ้าช่อมาลี เป็นหมาที่น่ารักและฉลาดมาก
สอนง่าย อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข
ผมก็ไม่รู้ว่า ชีวิตแรกของเขา เป็นอย่างไรมาบ้าง
แต่ในชีวิตที่ 2 ณ ตอนนี้ ผมเชื่อสนิทใจว่า ช่อมาลีมีความสุขดีครับ
-----------------------------
ประเด็นที่ผมตั้งใจเขียน และจะสื่อถึงทุกๆคนคือ
"การให้" ครับ
วันนั้นถ้าผมไม่เจอกับเจ้าช่อมาลี เขาคงตายไปแล้ว
วันนั้นถ้าผมไม่เจอกับเจ้าช่อมาลี คุณแม่ผมคงไม่มีความสุขขนาดนี้
(ทุกวันนี้แม่ผมรักเจ้าช่อมาลีมาก นอนเตียงเดียวกันกับแม่ผม ของเล่นเพียบบ )
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ครับ อยู่ที่เราจะ "ให้" หรือ "ไม่ให้"
ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงิน เรื่องทองเท่านั้นนะครับ
เราสามารถที่จะ "ให้" ได้ทุกเรื่อง
การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน... สิ่งที่เราจะได้กลับมา มันคุ้มค่า ยิ่งกว่าคุ้มจริงๆครับ
ความสุขแท้จริงที่เกิดขึ้นในใจ ใครก็ให้เราไม่ได้ นอกจากตัวเราเองครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน
ทนายขจรพัฒน์
ปล. ปัจจุบันนี้เจ้าช่อมาลี สุขภาพดีจนพูดได้ว่า ไม่ได้ป่วยแล้วครับ
ตอนผมฟังเรื่องราวจากปากพี่เขา ผมคิดว่าสิ่งที่พี่เขาให้คือโอกาส
ซึ่งก็เหมือน "ช่อมาลี" ได้โอกาสในการมีชีวิตที่ 2 อย่างมีความสุข อีกครั้ง
ฝากไว้ครับ เพื่อนๆ พี่น้องที่อ่าน คุณก็ให้โอกาส ได้ครับ
เมื่อเจอหมาป่วย แมวบาดเจ็บ จะน้อย จะมาก เท่าที่คุณพอช่วยได้
ก็คือการให้ครับ ขอให้ความสุขกลับคืนสู่การ "ให้โอกาส" ของทุกคนครับ
เครดิต
คัดลอกเนื้อหาเดิมจาก เพจ EZLaw4U
(เรื่องหมานะครับ แต่โพสในเพจเกี่ยวกับกฎหมาย พอดีพี่เขาเป็นทนายครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/ezlaw4u/photos/a.1503563436634098.1073741828.1499739180349857/1539472896376485/?type=3&theater
เรียบเรียงเพิ่มเติมจากที่ได้คุยกับเจ้าตัว โดย เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน
จ ญ น ห อ ด ม
แก้ไขตัวสะกด
แบ่งปันเรื่องราวของการให้ "ชีวิตที่ 2 ของ ช่อมาลี" หลังเจ้าของ(เดิม) พามาให้หมอฉีดยาตาย
วันนี้ตั้งใจมาเขียนกระทู้ หลังจากได้คุยกับ พี่คนนึง
เคยเป็นเจ้านายของผมตอนผมยังวัยรุ่น
พี่เขาเล่าเรื่องที่มาของหมาตัวนึงในบ้านให้ฟัง
และพี่เขาเรียบเรียงเรื่องราวของมันไว้ เห็นว่า "ควรค่าแก่การเล่าให้ฟัง"
สำหรับคนรักสัตว์ และคนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวครับ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่า แต่ขอเกริ่นนำนิดนึง
ที่อยากเอามาเล่าต่อให้ฟัง เพราะ เจ้าหญิงฯ ก็เป็นคนนึงที่ช่วยเหลือสัตว์
มาหลายปี เคยเอาหน้าบ้านมาทำเป็นเชลเตอร์ดูแลสัตว์ชั่วคราวอยู่ 2 ปี
http://pantip.com/topic/31575684
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้าเรื่องเลยนะ ขออนุญาตนำบทความของพี่เขา มาลงเลยนะครับ
---------------------------
หมาชิทสุห์ที่เห็นในรูปนี้ ผมเจอเขาเมื่อหลายปีก่อน
พอดีวันนั้นผมกับภรรยาเอาหมาของเราไปหาหมอ
แล้วเจ้าของ(เดิม) ของเจ้าตัวนี้พาเขาไปหาหมอเหมือนกัน
แต่............พาไปเพื่อที่จะให้หมอฉีดยาให้เขาตาย
ซึ่งตอนแรก ผมยังไม่ทราบเจตนาของเจ้าของเดิม ก็คิดว่าพามาหาหมอตามปกติ
ตอนเดินเข้ามาในร้าน ผมจำได้ว่าเจ้าชิทสุห์น้อยตัวนี้ ยังเดินมาโบกหางให้ผมอยู่เลย
ซึ่งจากที่เห็นครั้งแรก ก็ได้แต่สงสาร ทั้งตัวสภาพเขา เรียกแบบเข้าใจง่ายๆเลย คือ "ตัวเน่ามาก"
เห็นแล้วก็สงสาร ตอนนั้นคิดในใจว่า
"คนยังเลือกเกิดไม่ได้ หมาก็คงเหมือนกัน คงเป็นเวรกรรมของลูกนะ
ที่เจ้าของดูแลหนูได้ไม่ดีขนาดนี้ น่าสงสาร..."
จนกระทั่งผมเสร็จธุระเรื่องหมาของผม ผมกลับมาที่รถ
ก็คุยกับภรรยาว่า "สงสารชิทสุห์ตัวมะกี๊จัง เน่าทั้งตัวเลย"
แล้วผมก็บ่นๆๆๆๆๆ เจ้าของหมาให้เมียฟังไปเรื่อยยย (พูดในรถนะ)
ทำนองว่าไม่น่าปล่อยให้มันเน่าได้ขนาดนี้ บลาๆๆๆ
ภรรยาผมเงียบไปเล็กน้อย แล้วก็เลยบอกกับผมว่า
"ไม่อยากบอกเลย" ภรรยาผมพูดจบถอนหายใจเบาๆ
"อะไรเหรอ ?" ผมรีบถาม
"บอกก็ได้แต่ต้องสัญญาก่อนว่า ห้ามไปมีเรื่อง"
(ภรรยาผมรู้ว่า เกี่ยวกับหมาเนี่ยผมไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ ผมขี้สงสารหมาแมว)
"มีอะไร ?" ผมเริ่มสงสัย และสนใจ
ภรรยาผมหันมาบอกว่า
"หมาชิทสุห์ตัวมะกี๊ เจ้าของเขาพามาให้หมอฉีดยาให้มันตาย แต่หมอแกไม่ทำให้"
ผมได้ยินก็ อึ้งไป
"อ้าวไม่ได้สิ ถ้าหมอไม่ทำให้ ปล่อยกลับบ้านไป
เจ้าของเขาเอามันไปปล่อยแน่นอน
แล้วสภาพแบบนี้ โอ้ยย ไม่ได้ๆ ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด"
ตอนนั้นเลือดผมขึ้นหน้าเลย จะลงจากรถกลับเข้าไปในร้านหมอ
แต่ภรรยาห้ามไว้ ผมเลยโทรเข้าไปในร้านหมอ แล้วถามคุณหมอตรงๆว่า
หมอ.........ถามจริงๆ โรคนี้อาการของหมาตัวนี้ รักษาได้ไหม
(หมาเป็นโรคขี้เรื้อนเปียก ชนิดรุนแรง)
หมอตอบว่า "ได้"
"แต่ใช้เวลามาก"
"เจ้าของหมาหลายคน ถอดใจเรื่องการรักษาไปก่อนหมาจะหาย เพราะต้องใช้ทั้งเวลา
ทั้งการดูแล ทั้งอาการรายวันของหมา"
พอหมออธิบายจบ ผมเลยบอกคุณหมอว่า
"ถ้างั้นคุณหมอบอกเจ้าของเขาเลยครับว่า
คุณหมอจะเอาไว้เลี้ยงเอง หมอห้ามให้เขาเอากลับบ้านไปนะ
เดี๋ยวเจ้าของหมากลับไป ผมจะเอาไปเลี้ยงเอง
ค่ารักษาพยาบาล เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ"
คุณหมอก็โอเค
ผมก็นั่งรอในรถ พลางลุ้นไป ว่าจะสำเร็จไหม ?
ในใจก็คิดทบทวนไป ผมก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่เจอแบบนี้แล้วมันรับไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
หมามีทางรักษาให้หายได้ อาจต้องใช้เวลา และเงินทองอยู่สักหน่อย ซึ่งเจ้าของอาจไม่สะดวกตรงนี้
แต่จะให้หมาที่มีโอกาสรอด มาตายเพราะเจ้าของจะไม่เลี้ยง ไม่ได้
สักพัก ผมมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเจ้าของเดิมเขาเดินออกมาขึ้นรถขับออกไป
ผมจึงลงจากรถกลับไปที่ร้านหมออีกครั้ง...
หลังจากคุยกับหมอ หมอให้รักษาอาการที่โรงพยาบาลก่อน ผมเลยฝากน้องหมาไว้
----------------------------
เวลาผ่านไป
----------------------------
และ เดือนที่ 3 วันที่ไปรับออกจากโรงพยาบาลสัตว์ มาดูแลต่อที่บ้าน
ผมใช้เวลารักษาเจ้าตัวนี้เกือบ 3 เดือนในโรงพยาบาลสัตว์
และอีกหลายเดือนที่บ้าน กว่าจะหายใช้เวลานานมากครับ
คุณหมอก็น่ารัก ลดราคาค่ารักษาให้ครึ่งๆเลย คุณหมอแกบอกว่า "ช่วยกันนะ"
แล้วดูวันนี้สิ.............. เขาเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทั้งแววตา ทั้งสุขภาพ
ถ่ายเมื่อหลายวันก่อน
คุณแม่ผมตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า "เจ้าช่อมาลี"
เจ้าช่อมาลี เป็นหมาที่น่ารักและฉลาดมาก
สอนง่าย อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข
ผมก็ไม่รู้ว่า ชีวิตแรกของเขา เป็นอย่างไรมาบ้าง
แต่ในชีวิตที่ 2 ณ ตอนนี้ ผมเชื่อสนิทใจว่า ช่อมาลีมีความสุขดีครับ
-----------------------------
ประเด็นที่ผมตั้งใจเขียน และจะสื่อถึงทุกๆคนคือ
"การให้" ครับ
วันนั้นถ้าผมไม่เจอกับเจ้าช่อมาลี เขาคงตายไปแล้ว
วันนั้นถ้าผมไม่เจอกับเจ้าช่อมาลี คุณแม่ผมคงไม่มีความสุขขนาดนี้
(ทุกวันนี้แม่ผมรักเจ้าช่อมาลีมาก นอนเตียงเดียวกันกับแม่ผม ของเล่นเพียบบ )
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ครับ อยู่ที่เราจะ "ให้" หรือ "ไม่ให้"
ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงิน เรื่องทองเท่านั้นนะครับ
เราสามารถที่จะ "ให้" ได้ทุกเรื่อง
การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน... สิ่งที่เราจะได้กลับมา มันคุ้มค่า ยิ่งกว่าคุ้มจริงๆครับ
ความสุขแท้จริงที่เกิดขึ้นในใจ ใครก็ให้เราไม่ได้ นอกจากตัวเราเองครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน
ทนายขจรพัฒน์
ปล. ปัจจุบันนี้เจ้าช่อมาลี สุขภาพดีจนพูดได้ว่า ไม่ได้ป่วยแล้วครับ
ตอนผมฟังเรื่องราวจากปากพี่เขา ผมคิดว่าสิ่งที่พี่เขาให้คือโอกาส
ซึ่งก็เหมือน "ช่อมาลี" ได้โอกาสในการมีชีวิตที่ 2 อย่างมีความสุข อีกครั้ง
ฝากไว้ครับ เพื่อนๆ พี่น้องที่อ่าน คุณก็ให้โอกาส ได้ครับ
เมื่อเจอหมาป่วย แมวบาดเจ็บ จะน้อย จะมาก เท่าที่คุณพอช่วยได้
ก็คือการให้ครับ ขอให้ความสุขกลับคืนสู่การ "ให้โอกาส" ของทุกคนครับ
เครดิต
คัดลอกเนื้อหาเดิมจาก เพจ EZLaw4U
(เรื่องหมานะครับ แต่โพสในเพจเกี่ยวกับกฎหมาย พอดีพี่เขาเป็นทนายครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรียบเรียงเพิ่มเติมจากที่ได้คุยกับเจ้าตัว โดย เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน
จ ญ น ห อ ด ม
แก้ไขตัวสะกด