๛ ตัณหายังคนให้เกิด ๛

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

----------


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต


คาถาธรรมบท ปกิณณกวรรคที่ ๒๑

(บางส่วน)





พราหมณ์ฆ่ามารดาบิดาเสียได้

ฆ่าพระราชาผู้เป็นกษัตริย์ทั้งสองเสียได้

และฆ่าแว่นแคว้นพร้อมกับนายเสมียนเสียได้

ย่อมเป็นผู้ไม่มีทุกข์ไป






เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕  บรรทัดที่ ๑๐๓๕ - ๑๐๗๙.  หน้าที่  ๔๕ - ๔๖.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1035&Z=1079&pagebreak=0

ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=31

ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย ได้ที่ :-
[31] http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=25&item=31&Roman=0






อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปกิณณกวรรคที่ ๒๑
๔. เรื่องพระลกุณฏกภัททิยเถระ [๒๑๗]
              

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระลกุณฏกภัททิยเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา" เป็นต้น.

               วันหนึ่งภิกษุอาคันตุกะหลายรูปด้วยกัน เข้าไปเฝ้าพระศาสดาผู้ประทับนั่ง ณ ที่ประทับกลางวัน ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. ขณะนั้น พระลกุณฏกภัททิยเถระเดินผ่านไปในที่ไม่ไกลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า.

               พระศาสดาทรงทราบวารจิต (คือความคิด) ของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า
               "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นหรือ? ภิกษุนี้ฆ่ามารดาบิดาแล้ว เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไปอยู่"

               เมื่อภิกษุเหล่านั้นมองดูหน้ากันและกันแล้ว แล่นไปสู่ความสงสัยว่า "พระศาสดา ตรัสอะไรหนอแล?"
               จึงกราบทูลว่า "พระองค์ตรัสคำนั่นชื่ออะไร?"

               เมื่อจะทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                      ๔.  มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา        ราชาโน เทฺว จ ขตฺติเย
                             รฏฺฐํ สานุจรํ หนฺตฺวา        อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ.


                             บุคคลฆ่ามารดาบิดา ฆ่าพระราชาผู้เป็นกษัตริย์ทั้งสอง
                             และฆ่าแว่นแคว้นพร้อมด้วยเจ้าพนักงานเก็บส่วยแล้ว
                             เป็นพราหมณ์ ไม่มีทุกข์ ไปอยู่.

    

               แก้อรรถ              
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สานุจรํ ได้แก่ ผู้เป็นไปกับด้วยผู้จัดการส่วยให้สำเร็จ คือเจ้าพนักงานเก็บส่วย.

               ก็ในพระคาถานี้ บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยว่า
               ตัณหา ชื่อว่ามารดา เพราะให้สัตว์ทั้งหลายเกิดในภพ ๓ เพราะบาลีว่า "ตัณหายังบุรุษให้เกิด."

               อัสมิมานะ๑- ชื่อว่าบิดา เพราะอัสมิมานะอาศัยบิดาเกิดขึ้นว่า
               "เราเป็นราชโอรสของพระราชาชื่อโน้น หรือเป็นบุตรของมหาอำมาตย์ของพระราชาชื่อโน้น" เป็นต้น.

               ทิฏฐิทุกชนิด ย่อมอิงสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิทั้งสอง เหมือนชาวโลกอาศัยพระราชาฉะนั้น
               เพราะฉะนั้น สัสสตทิฏฐิและอุจเฉททิฏฐิ จึงชื่อว่าพระราชาผู้กษัตริย์สองพระองค์.

               อายตนะ ๑๒#- ชื่อว่าแว่นแคว้น เพราะคล้ายคลึงกับแว่นแคว้น โดยอรรถว่ากว้างขวาง.

               ความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดี ซึ่งอาศัยอายตนะนั้น ดุจบุรุษเก็บส่วย จัดการส่วยให้สำเร็จ ชื่อว่าเจ้าพนักงานเก็บส่วย.

               บทว่า อนีโฆ ได้แก่ ไม่มีทุกข์.

               บทว่า พฺราหฺมโณ ได้แก่ ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว.

               ในพระคาถานี้ มีอธิบายดังนี้

               ผู้ชื่อว่ามีอาสวะสิ้นแล้ว เพราะกิเลสเหล่านั้นมีตัณหาเป็นต้น อันตนกำจัดได้ ด้วยดาบ คืออรหัตมรรคญาณ
               จึงเป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไปอยู่.

               ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นดำรงอยู่ในพระอรหัตแล้ว.
____________________________
๑- การถือว่าเป็นเรา.
#- อายตนะภายใน ๖ มีจักษุเป็นต้น. ภายนอก ๖ มีรูปเป็นต้น.

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25.0&i=31&p=4







-----------------


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่งอุปาทานอยู่
ตัณหาย่อมดับไป
เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=2295&Z=2307&pagebreak=0


-----------------


บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด

พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย


พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่า
ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ

ภัทเทกรัตตสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=7031&Z=7114&pagebreak=0


-----------------

i
i
i



ตัณหา แปลว่า ความทะยานอยาก แบ่งเป็น ๓ คือ

๑. กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ในกามคุณ คือสิ่งสนองความต้องการทางประสาททั้งห้า
ได้แก่ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายถูกต้องโผฏฐัพพะ

๒. ภวตัณหา ความทะยานอยากในภพ ความอยากในภาวะของตัวตนที่จะได้จะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง อยากเป็น
อยากคงอยู่ตลอดไป ความใคร่อยากที่จะประกอบด้วยภวทิฏฐิ หรือสัสสตทิฏฐิ

๓. วิภวตัณหา ความทะยานอยากในวิภพ ความอยากในความพรากพ้นไปแห่งตัวตนจากความเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอันไม่ปรารถนา
อยากทำลาย อยากดับสูญ ความใคร่อยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ

พระสุตตันตปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/read/?22/377/494
พระอภิธรรมปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/read/?35/933/494



☆☆☆☆☆☆☆☆☆



ตัณหาเหล่านี้มีอยู่ในสัตว์ใด ก็ทำสัตว์นั้นให้เกิดอีก ตามหลักทางพระพุทธศาสนาถือว่าผู้มีตัณหาต้องเกิดอีก
ท่านเปรียบตัณหาเหมือนยางในเมล็ดผลไม้ ถ้าเมล็ดผลไม้ยังมียางอยู่ นำไปเพาะต้องเกิดอีก

เหล่าสัตว์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าจิตใจยังมีตัณหาความอยากอยู่ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอยู่ร่ำไป

นอกจากนั้นคนผู้ยังมีกิเลสตัณหา จิตของเขาย่อมดิ้นรนวิ่งพล่าน อยากได้โน่น อยากได้นี่ ชักให้รักให้ใคร่ในสิ่งที่น่ารัก น่าใคร่
มีรูปเสียงเป็นต้น เมื่อได้มาก็พอใจเป็นสุข เมื่อสิ่งเหล่านั้นพลัดพรากไปก็อยู่ร้อนนอนทุกข์

ฉะนั้น สัตว์ผู้มากไปด้วยกิเลสตัณหาจึงท่องเที่ยวไปในภพในชาติไม่มีที่สิ้นสุด เป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่ร่ำไป
ทุกข์นับว่าเป็นภัยใหญ่ที่คนผู้มีตัณหาจะต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกนัยหนึ่ง ผู้มีกิเลสตัณหาย่อมทำกรรมดีบ้าง ชั่วบ้าง คละเคล้ากันไป กรรมตัวนี้แหละนำให้เกิดในภพภูมิต่างๆ
คือกรรมดีก็นำให้เกิดในภพภูมิที่ดี มีมนุษย์และสวรรค์เป็นต้น
กรรมชั่วย่อมชักนำให้เกิดในที่ชั่ว มีนรกเป็นต้น
http://www.watpitchvipassana.com/buddhist-proverb-425.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่