ก่อนอื่นต้องท้าวความว่า ผมกับภรรยา มีลูกด้วยกันแล้ว 1 คน ภรรยาอายุ 28 น้อยกว่าผม 7 ปี แต่งงานอยู่กินกันมาเพียง 5 ปี เมื่อเริ่มแต่งงานก็ทำธุรกิจด้วยกัน แต่เจ๊ง เพิ่งปิดกิจการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ภรรยาจึงกลับไปทำงานประจำ ด้านการพัฒนาอสังหาฯ ส่วนผมขายของออนไลน์และดูแลลูก บังเอิญช่วงก่อนที่จะเลิกธุรกิจ ผมมีอาการเครียดและป่วย แฟนจึงอาสาออกไปทำงานข้างนอก
ช่วงที่ทำกิจการเป็นหนี้เยอะมาก ผมจึงตัดสินใจขายทรัพย์ทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ แล้วเลิกกิจการ ปัจจุบันอาศัยบ้านฝั่งภรรยาอยู่
จริงๆ พอเริ่มมีปัญหาด้านการเงิน ชีวิตคู่ของผมกับภรรยาก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร ยิ่งขณะนี้ผมหมดตัว แทบจะไม่มีเรื่องคุยกันเลย
งานที่แฟนทำ ต้องดูแลลุกค้า และเอนเตอร์เทนต์บ่อยๆ ช่วงแรกผมก็หวั่นใจเหมือนกัน แต่ไม่มีทางเลือก ก็พยายามทำใจว่าเรามีลูกด้วยกันแล้ว
ช่วงเดือน สองเดือนแรก แฟนก็เลิกงานปกติ นานๆจะมีทานอาหารแล้วกลับค่ำ แต่ก็จะโทรและไลน์ ส่งรูปมาเป็นระยะ
ผมค่อนข้างให้เกียรติและรักษาพื้นที่ส่วนตัว คือ ไม่โทรตามแบบถี่ๆ ไม่สอบถาม ซักไซ้ ไม่เคยแอบดูโทรศัพท์
แต่ช่วงหลังๆ มานี่มีงานเลี้ยงบ่อย แทบจะวันเว้นวัน และกลับดึกมาก ที่สำคัญบางวัน ไม่บอกกล่าว ไม่ไลน์ ไม่ส่งรูป โทรตามก็ไม่รับสาย พอกลับมาสอบถามก็บอกว่าอยู่กับจ้าวนายและลูกค้าผู้ใหญ่ คุยหรือเล่นโทรศัพท์ไม่ได้ ถ้าผมเซ้าซี้หรือไม่ไว้ใจแบบนี้ ก็ต้องออกจากงาน เพราะทำแล้วมีปัญหา ผมจึงต้องเลือกที่จะไม่พูดมาก
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยน คือ มีอยู่คืนนึงเมื่อกลางเดือน พ.ย. แฟนก็บอกไปงานเลี้ยงลูกค้า กลับมาถึงบ้านประมาณตี 2 เพื่อนที่ทำงาน(ผู้หญิง)ขับรถมาส่ง ผมก็ลงไปรับขึ้นบ้าน ซึ่งมีเสียงข้อความดังต่อเนื่อง พอถึงห้องนอน ผมจึงเปิดโทรศัพท์ดู แล้วถึงได้เห็นข้อความทางไลน์ที่มีคนส่งมา บอกว่า คิดถึง เป็นห่วง ถึงบ้านหรือยัง พอย้อนกลับไปดู ก็ยิ่งพบว่า มีการพบกันเกือบทุกวัน บอกรักกัน ต่างๆนาๆ ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว คืนนั้นนอนไม่หลับเลยทั้งคืน พออีกวันก็พยายามตั้งสติ คืนต่อมาก็แอบเปิดโทรศัพท์ดูอีกครั้ง ไล่เรียงข้อความดู ก็มั่นใจว่าเป็นการ พูดคุย พบปะ เชิงชู้สาวแน่นอน วันต่อๆมา ผมก็แอบอ่านข้อความทุกวัน แต่แฟนคงสงสัย จึงล๊อคโทรศัพท์ไว้
ผมเก็บงำเรื่องนี้ มาตลอดหนึ่งเดือน อึดอัดมาก ทุกวันนี้เวลาภรรยา กลับบ้านดึก ไปงานเลี้ยง หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมแทบไม่อยากจินตนาการเลยว่า เธอไปไหน ทำอะไร
ทางออก มีอยู่แค่ 2 ทาง คือ เปิดอกพูดเลย ซึ่งผมมองภาพออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเข้าทาง ต้องเลิกกันไปเลย หรือ เก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ แล้วทนอยู่กับสภาพอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
สมาชิกท่านไหน เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้ หรือ มีคำแนะนำ ขอความกรุณาช่วยบอกกล่าวด้วย
ถ้าบังเอิญไปรู้ว่าภรรยา กำลังคบหาดูใจกับชายอื่นอยู่ ควรจะเปิดใจคุยเลย หรือ ทำนิ่งๆไปก่อน
ช่วงที่ทำกิจการเป็นหนี้เยอะมาก ผมจึงตัดสินใจขายทรัพย์ทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ แล้วเลิกกิจการ ปัจจุบันอาศัยบ้านฝั่งภรรยาอยู่
จริงๆ พอเริ่มมีปัญหาด้านการเงิน ชีวิตคู่ของผมกับภรรยาก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร ยิ่งขณะนี้ผมหมดตัว แทบจะไม่มีเรื่องคุยกันเลย
งานที่แฟนทำ ต้องดูแลลุกค้า และเอนเตอร์เทนต์บ่อยๆ ช่วงแรกผมก็หวั่นใจเหมือนกัน แต่ไม่มีทางเลือก ก็พยายามทำใจว่าเรามีลูกด้วยกันแล้ว
ช่วงเดือน สองเดือนแรก แฟนก็เลิกงานปกติ นานๆจะมีทานอาหารแล้วกลับค่ำ แต่ก็จะโทรและไลน์ ส่งรูปมาเป็นระยะ
ผมค่อนข้างให้เกียรติและรักษาพื้นที่ส่วนตัว คือ ไม่โทรตามแบบถี่ๆ ไม่สอบถาม ซักไซ้ ไม่เคยแอบดูโทรศัพท์
แต่ช่วงหลังๆ มานี่มีงานเลี้ยงบ่อย แทบจะวันเว้นวัน และกลับดึกมาก ที่สำคัญบางวัน ไม่บอกกล่าว ไม่ไลน์ ไม่ส่งรูป โทรตามก็ไม่รับสาย พอกลับมาสอบถามก็บอกว่าอยู่กับจ้าวนายและลูกค้าผู้ใหญ่ คุยหรือเล่นโทรศัพท์ไม่ได้ ถ้าผมเซ้าซี้หรือไม่ไว้ใจแบบนี้ ก็ต้องออกจากงาน เพราะทำแล้วมีปัญหา ผมจึงต้องเลือกที่จะไม่พูดมาก
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยน คือ มีอยู่คืนนึงเมื่อกลางเดือน พ.ย. แฟนก็บอกไปงานเลี้ยงลูกค้า กลับมาถึงบ้านประมาณตี 2 เพื่อนที่ทำงาน(ผู้หญิง)ขับรถมาส่ง ผมก็ลงไปรับขึ้นบ้าน ซึ่งมีเสียงข้อความดังต่อเนื่อง พอถึงห้องนอน ผมจึงเปิดโทรศัพท์ดู แล้วถึงได้เห็นข้อความทางไลน์ที่มีคนส่งมา บอกว่า คิดถึง เป็นห่วง ถึงบ้านหรือยัง พอย้อนกลับไปดู ก็ยิ่งพบว่า มีการพบกันเกือบทุกวัน บอกรักกัน ต่างๆนาๆ ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว คืนนั้นนอนไม่หลับเลยทั้งคืน พออีกวันก็พยายามตั้งสติ คืนต่อมาก็แอบเปิดโทรศัพท์ดูอีกครั้ง ไล่เรียงข้อความดู ก็มั่นใจว่าเป็นการ พูดคุย พบปะ เชิงชู้สาวแน่นอน วันต่อๆมา ผมก็แอบอ่านข้อความทุกวัน แต่แฟนคงสงสัย จึงล๊อคโทรศัพท์ไว้
ผมเก็บงำเรื่องนี้ มาตลอดหนึ่งเดือน อึดอัดมาก ทุกวันนี้เวลาภรรยา กลับบ้านดึก ไปงานเลี้ยง หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมแทบไม่อยากจินตนาการเลยว่า เธอไปไหน ทำอะไร
ทางออก มีอยู่แค่ 2 ทาง คือ เปิดอกพูดเลย ซึ่งผมมองภาพออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเข้าทาง ต้องเลิกกันไปเลย หรือ เก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ แล้วทนอยู่กับสภาพอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
สมาชิกท่านไหน เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้ หรือ มีคำแนะนำ ขอความกรุณาช่วยบอกกล่าวด้วย