[Spoil]สปอยล์+วิเคราะห์+วิจารณ์ Star Wars 7 The Force Awakens ให้ฟัง เอ๊ะ! แล้วด้านตัวละครตัวโปรดล่ะ ของคุณคือใคร?

เมื่อวานได้มีโอกาสไปดู Star Wars 7 มา..... หนังสนุกอ่ะ คือมีฉากแอ็คชั่นเยอะกว่า Ep. 4-6 แล้ว CG และ SFX ก็ไม่หลอกตาชวนหงุดหงิดเหมือน Ep. 1-3 เอาเป็นว่าสิ่งหนึ่งที่ต่างจากภาคอื่นๆชัดเจนคือ ความบู๊ที่มีแทบทุก 5 หรือ 10 นาทีเลย ไม่ว่าจะเป็นบู๊แบบขับยานไล่ล่ากัน หรือบู๊แบบดวลดาบไลท์เซเบอร์กัน  คือเรื่องความมันส์น่ะ ภาคนี้ที่สุดแล้วในทุกภาค สมจริงมาก ไม่สู้กันง๊องๆแง๊งๆแบบ Ep.4-6 แล้วก็ไม่ดูเว่อร์วีว่าเป็นการ์ตูนแบบ Ep.1-3 ด้วย โดยรวมเรื่องนี้ให้ A- ค่ะ

ระดับความมันส์

อย่างที่บอกว่า ฉากแอ๊คชั่นถูกอัดมาแทบทุก 5-10 นาทีก็ว่าได้ แล้วเป็นฉากแอ๊คชั่นที่ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะสตอร์มทรูปเปอร์ไม่ดูโง่งี่เง่าและโผล่มาเพื่อโดนยิงตายง่ายๆจนเกินไปแบบที่เคยเป็นในหลายๆภาคก่อน คือมันก็ดูโง่ๆเหมือนเดิมและเหมือนพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเหมือนเดิมนั่นแหละนะ เพียงแต่ไม่ซื่อบื้อชัดเจนแบบภาคก่อนๆ คือมันดูมีประโยชน์กับฝ่าย First Order แบบจริงๆจังๆก็ภาคนี้แหละค่ะ ไม่ใช่แค่มาใส่ชุดเท่ห์ๆเดินๆวิ่งๆแล้วก็โดนยิงร่วงไปทีละคนสองคนเหมือนที่ผ่านมา

ระดับความลุ้น

ถ้าเป็นแนวขับยาน..... ลุ้นสุดคือฉากเรย์ขับยานมิลเลียนเนียม ฟอลคอนหนีพวก First Order บนดาวแจ๊กกูเพราะลุ้นว่า จะรอดได้ยังไง ยิ่งตอนที่ปืนของยานได้รับความเสียหายจนหมุนไม่ได้นี้ก็คิดอยู่ว่า เค้าจะออกแบบฉากให้ชนะพวก First Order ได้ด้วยอีท่าไหน ฉากนี้สนุกมาก ส่วนฉากอื่นๆก็สนุกนะ แต่สนุกแบบไม่ต้องลุ้นอะไร เพราะค่อนข้างชัดเจนว่า ยังไงพวกฝ่ายต่อต้านยังไงเมิงก็ชนะฝ่าย First Order ได้แน่ๆ

***หมายเหตุ*** แต่ไม่มีฉากไหนในเรื่องนี้ที่ระดับความลุ้นจิกเบาะจะมากเท่าฉากยานเอนเตอร์ไพรซ์กำลังจะตกในตอนใกล้จะจบของ Star Trek Into Darkness (ผลงานกำกับเรื่องก่อนของเจเจ)

ถ้าเป็นแนวดวลดาบไลท์เซเบอร์..... ฉากดวลดาบไลท์เซเบอร์ที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องคือตอนท้ายเรื่องที่ Kylo Ren ปะทะกับฟินน์ ตามด้วยเรย์ ซึ่งสนุกดีนะว่าจะลงเอยในลักษณะไหน ยิ่งกรณีคู่เรย์กับ Kylo Ren เป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีเสียด้วย โดย Kylo Ren ได้รับการฝึกฝนมาแล้วก็มีพลังด้วย ส่วนเรย์ไม่เคยฝึกฝนมาเลยก็จริง แต่มีระดับพลังสูงกว่าน่ะซิ

คือยังไงก็รู้ว่า ทั้งคู่ก็ต้องรอดแหละ เพราะต่างเป็นตัวละครสำคัญที่ต้องมีบทบาทต่อไปในภาคอื่นๆ อันนี้รู้ แล้วเรย์ก็เป็นสาวแกร่งและมีพลังมากกว่า ยังไงนางก็ชนะน่ะแหละ อันนี้ไม่ต้องลุ้น เพียงแต่หนังจะให้ชนะกันอีท่าไหน อันนี้ก็น่าลุ้นอยู่นะ ฉากฟันดาบของทั้งคู่สนุกดีนะ เสียอย่างเดียวที่ไม่ได้มีการออกแบบท่าทางตอนสู้กันหรือตอนฟันดาบให้สวยงามมากนัก เสียดายอ่ะ เพราะหนังหลายเรื่องพักหลังก็มักออกแบบฉากต่อสู้กันแบบไม่ใช้แค่มันส์อย่างเดียว แต่ต้องออกมาดูสวยงามด้วย

ระดับความดราม่า

ความดราม่าของเรื่องจะไม่เน้นผ่านบทสนทนาหรือเรื่องราวที่ดำเนินไปมากนัก แต่มีความดราม่าผ่านปูมหลังตัวละครว่าเค้าคือใคร พบเจออะไรมาบ้างในชีวิต(อย่างกรณีเรย์กับครอบครัวที่ต้องพลัดพรากของเธอ หรือกรณีฟินน์ สตอร์มทรูปเปอร์กลับใจย้ายข้าง) โดยความสัมพันธ์ระหว่างกันของแต่ละตัวละคร จะเป็นตัวบอกคนดูเองว่า นี่คือส่วนดราม่าของหนังนะจ๊ะๆ เช่น ใครเป็นพ่อ-แม่-ลูกกัน ดังนั้น พวกเขาต้องดราม่ากันอยู่นะ คนดูรู้ไว้นะจ๊ะ อะไรประมาณนี้
แต่จะไม่มีซีนอารมณ์เป็นชิ้นเป็นอัน แบบตอนลุคคุยกับโยดาที่กำลังจะตายใน Ep.6 หรือฉากอนาคินระบายความรู้สึกเคียดแค้นเรื่องแม่ตายกับแพดเม่ใน Ep.2

เพราะแม้แต่ซีนพ่อชวนลูกกลับบ้านตอนท้ายเรื่อง ก็ไม่สามารถสร้างความรู้สึกร่วมให้กับคนดูได้มากเท่าที่ควรจะเป็น ก่อนจะนำไปสู่ฉากชวนช็อคเลย แล้วก็จบในส่วนของซีนนั้น อันที่จริง สำหรับคอหนังก็ถือว่าไม่ช็อคนะ เชื่อว่าคงมีอีกหลายคนที่พอเห็นพ่อเดินไปหาลูกปุ๊บ ก็รู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แล้วเราก็ได้แต่เตรียมใจต่อไปว่า จะต้องโบกมือลาบางตัวละครเสียแล้วล่ะซิ TT

เอาเป็นว่า ผู้กำกับเจเจ สามารถสร้างความบันเทิงฉบับอลังการดาวล้านดวงได้เทียบเท่าผู้กำกับแบบสปีลเบิร์กเลยนะ แต่เรื่องอารมณ์ร่วมยังทำได้ไม่ดีเท่ารายนั้น แต่เอาเข้าจริง เป็นเพราะบทไม่ส่งความดราม่าด้วยแหละ เพราะอย่างตอนผู้กำกับเจเจกำกับ Star Trek Into Darkness ก็มันส์เหมือนกัน แต่จะดราม่าได้ลึกซึ้งกว่า ส่วนนึงก็เพราะเรื่องนั้นบทเขียนได้ดีมากในส่วนดราม่า

ทีมผู้สร้างฉลาดมากที่เลือกนักแสดงหลักเป็นผู้หญิง เพื่อสร้างความสดใหม่ให้เนื้อเรื่อง เหมือนประกาศว่า จะเป็นการฉีกแนวจากสตาร์วอร์แบบเดิมนะ คือเป็นการเดินตามแนวทางเดียวกันกับภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายดีซีและมาร์เวลที่พอให้ผู้หญิงเป็นตัวบู๊แล้วเกิดสุดๆ ทั้งตัวละครและตัวหนังเอง ประมาณว่าให้ไม่น้อยหน้าภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ดังกล่าวที่เน้นตัวละครผู้หญิงบู๊แล้วฐานแฟนบอยที่มีอยู่แล้วยิ่งชอบยิ่งคลั่งไคล้ไปกันใหญ่ และเพื่อเอาใจคนดูผู้หญิงที่ไม่ได้บังเอิญเป็นแฟนเกิร์ลอยู่แล้ว สร้างฐานคนดูให้กว้างขึ้นไปอีก ไอเดียการตลาดเลอเลิศดีค่ะ

ตัวละครที่ชื่นชอบ

ตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่อง คือ Kylo Ren อ่ะ คือเป็นอารมณ์แบบ Darth Vader เวอร์ชั่นที่ไม่มีความเป็น Cyborg ผสมอยู่ ชอบ custome ของตัวละครตัวนี้มาก ทั้งชุดดำทั้งหน้ากาก เท่ห์ฝุดๆ มีดาบไลท์เซเบอร์สีแดงดีไซน์ใหม่แบบออกแบบมาให้โดยเฉพาะด้วย โอ้โหหหหหหหหห (แต่ส่วนตัว ตื่นตาตื่นใจกับดาบของดาร์ธ มอล จาก Ep.1 สุดแล้วล่ะ ที่มีสองด้านอ่ะ)

ตัวร้าย Kylo Ren ถูกออกแบบมาอย่างประณีตที่สุดในเรื่องแล้ว เพราะ look จะดูมีอำนาจและน่าเกรงขาม แบบดาร์ธ เวเดอร์ แต่พฤติกรรมก็ยังความความใจร้อนแนวใช้ความรุนแรงแบบหนุ่มน้อยอนาคิน(ก่อนกลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์)อยู่ ก็แน่ล่ะซิ ก็ดาร์ธ เวเดอร์เหมือนจะเป็น idol ของเค้านี่นา แต่ด้วยการออกแบบที่ประณีตดังกล่าว Kylo Ren จึงไม่ดูขาดเอกลักษณ์ของตัวเองไป คือไม่ไปเหมือนลอกตัวละครอื่นเสียทีเดียวเชียว อะไรงิ

ด้วยความที่เป็นตัวละครลึกลับ หนังจึงไม่ยอมเฉลยความสัมพันธ์ที่แท้จริงของตัวละครจนปาไปครึ่งเรื่อง ส่วนหน้ากาก กว่าจะถอดให้เห็นหน้า หนังก็แทบจะจบแล้ว ปูมหลังแบบละเอียดขึ้นของตัวละครตัวนี้จึงต้องรออธิบายขยายความต่อในภาคต่อๆไป แบบเปลี่ยนฝ่ายได้ยังไง ทำไม เมื่อไหร่ และคงมีดราม่าอื่นๆของเขาอีก ก็ต้องรอกันต่อไป ภาคนี้คงแค่มาแนะนำตัว

ทางด้าน BB8 เจ้าหุ่นยนต์กลมๆกลิ้งได้ที่โดนคุณปู่ฮาน โซโลเรียกซะเสียเลยว่า เจ้าลูกบอล!!! เค้าก็คือตัวขโมยซีนของเรื่อง และเตรียมเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนๆ(โดยเฉพาะแฟนเด็กๆ)ได้เลย เพราะระดับความน่ารักงุ้งงิ้ง และทักษะการขโมยซีนนี้เทียบเท่าพวก Minions ใน Despicable Me เลยอ่ะ

การออกแบบก็ชาญฉลาดและเหมาะกับเนื้อเรื่องอีกด้วย เพราะเจ้าหุ่นตัวนี้มีบทบาทสำคัญมากและต้องร่วมผจญภัยตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหนึ่งในนักแสดงนำเลยก็ว่าได้ รูปร่างของมันจึงพร้อม(กลิ้ง)ลุยไปกับเหล่าผองเพื่อนได้ทุกเมื่ออย่างไม่มีอุปสรรค

กาลครั้งหนึ่ง ณ กาแล็คซี่อันไกลโพ้นนนน.....
จะสปอยล์ละนะ.....
          v
          v
          v
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่