สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
หลักสายดินต้องลึกประมาณ 2 เมตรหรือกว่าครับ 70 ซม. หรือ 30 ซม. ต่อให้ดินเปียกตลอดก็ใช้ไม่ได้ครับแม้นกระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้ำได้ แต่ถือว่ายังมีความต้านทานสูงครับ ดังนั้นกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านน้ำนั้นน้อยมากไม่เพียงพอให้เบรคเกอร์ธรรมดาทริปหรือตัดวงจรได้ แต่มันมากพอที่ทำให้คนเสียชีวิตในเวลาเพียง 30 วินาทีครับ ถ้าหากไฟฟ้ารั่วและเบรคเกอร์ป้องกันไฟรั่วมันบกพร่องไม่ตัด ไม่ทำงานขึ้นมา ผู้ใช้น้ำโดนไฟฟ้าดูดและเสียชีวิตครับ เจอหินให้ขยับย้ายจุดครับ โดยสามารถเลี่ยงด้วยการตอกเฉียงๆ ได้ เพื่อได้ความยาวแท่งหลักดินมากที่สุด หากคุณตอกได้ลึกเพียงประมาณ 1.2 ถึง 1.5 เมตร คุณต้องเพิ่มจำนวนหลักสายดินเป็น 3 ถึง 5 แท่งหรือหากเป็นดินแห้งต้องเพิ่มจำนวนให้มากกว่านั้นครับ แล้วต่อสายที่หัวหลักถึงกันให้แน่นครับ ไม่ควรไว้ใจอุปกรอิเล็กทรอนิคส์เสียทีเดียว ระบบที่ราคาแพงหลายๆ ล้านยังผิดพลาดได้ อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำมีโอกาสเสียได้เสมอ ยิ่งตัวเครื่องทำน้ำอุ่นเองใช้วิธีควบคุมความร้อนแบบ phase control ขณะที่ปรับความร้อนไว้ไม่ใช่ตำแหน่งสูงสุด มันสร้างมลภาวะทางไฟฟ้า(ขณะนี้ไทยยังไม่มีกฏหมายบังคับ) สร้างแรงดัน transient ออกมาให้กับระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ถ้าหากทำไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ติดตั้งเบรคเกอร์ตัดไฟฟ้ารั่ว มากกว่า 1 ตัวครับ จะปลอดภัยกว่าเพราะโอกาสบกพร่องพร้อมกันทีเดียว 2 ตัวเป็นไปได้ยาก
บางคนยังเข้าใจผิดครับ ความสามารถในการไหลของกระแสไฟฟ้าลงสู่ดินโดยหลักดินนั้น ปริมาณพื้นผิวของแท่งหลักดินเป็นตัวแปรสำคัญครับ ความเปียกชื้นเป็นเพียงแฟคเตอร์เล็กๆ ครับ ที่ทำให้ความต้านทานของดินต่ำลง ถ้าหากความยาวของหลักดินน้อย ความเปียกชื้นแทบไม่มีผลอะไรเลย แต่หากแท่งหลักดินมีความยาวมาก นั่นหมายถึงมีผิวสัมผัสมาก เมื่อเอาแฟคเตอร์ความเปียกชื้นไปคิดรวมด้วย หรือเอาไปคูณกับปริมาณพื้นผิวทำให้ได้ค่ามากขึ้น จะเห็นได้ว่าแฟคเตอร์ความเปียกชื้นมันมีผลต่อปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ต่อเมื่อมีพื้นผิวสัมผัสที่มากครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือความยาวของแท่งหลักดิน ยาวมากพื้นผิวสัมผัสมาก กระแสไฟฟ้าไหลลงดินได้มาก ทำให้เบรคเกอร์ตัดกระแสไฟฟ้า ช่วยให้ชีวิตปลอดภัยครับ
ติดตาม RAPHEETECH ทางเฟชบุ๊ค กดถูกใจเพจ RAPT <https://www.facebook.com/rapheetech/>
บางคนยังเข้าใจผิดครับ ความสามารถในการไหลของกระแสไฟฟ้าลงสู่ดินโดยหลักดินนั้น ปริมาณพื้นผิวของแท่งหลักดินเป็นตัวแปรสำคัญครับ ความเปียกชื้นเป็นเพียงแฟคเตอร์เล็กๆ ครับ ที่ทำให้ความต้านทานของดินต่ำลง ถ้าหากความยาวของหลักดินน้อย ความเปียกชื้นแทบไม่มีผลอะไรเลย แต่หากแท่งหลักดินมีความยาวมาก นั่นหมายถึงมีผิวสัมผัสมาก เมื่อเอาแฟคเตอร์ความเปียกชื้นไปคิดรวมด้วย หรือเอาไปคูณกับปริมาณพื้นผิวทำให้ได้ค่ามากขึ้น จะเห็นได้ว่าแฟคเตอร์ความเปียกชื้นมันมีผลต่อปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ต่อเมื่อมีพื้นผิวสัมผัสที่มากครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือความยาวของแท่งหลักดิน ยาวมากพื้นผิวสัมผัสมาก กระแสไฟฟ้าไหลลงดินได้มาก ทำให้เบรคเกอร์ตัดกระแสไฟฟ้า ช่วยให้ชีวิตปลอดภัยครับ
ติดตาม RAPHEETECH ทางเฟชบุ๊ค กดถูกใจเพจ RAPT <https://www.facebook.com/rapheetech/>
แสดงความคิดเห็น
เราควรฝังสายดินในที่ดินเปียกหรือในที่ดินแห้งแบบใหนจะปลอดภัยกว่ากัน