นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ
ช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ตุลาคม – พฤศจิกายน 2558) จัดเก็บได้ 345,243 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 6,077 ล้านบาท หรือ 1.8% (
สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.0 %) โดยการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บภาษีเบียร์สูงกว่าประมาณการ 2,965 ล้านบาท 2,467 ล้านบาท และ 2,094 ล้านบาท หรือ 10.5% 9.2% และ 15.5% ตามลำดับ ทั้งนี้ เดือนพฤศจิกายน 2558 กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร จัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ 4.0 %และ 3.2% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเบียร์และอากรขาเข้าได้สูงกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ
นายกฤษฎา กล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง
2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 สูงกว่าเป้าหมาย
เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นและการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ ประกอบกับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรใกล้เคียงกับเป้าหมาย นอกจากนั้น ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว สะท้อนถึงปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ต่อไป
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิเดือนพฤศจิกายน 2558 พบว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 179,356 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6,708 ล้านบาท หรือ 3.9 % โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 8,034 ล้านบาท หรือ 689% การจัดเก็บภาษีเบียร์สูงกว่าประมาณการ 1,546 ล้านบาท หรือ 22.2% เนื่องจากการเร่งชำระภาษีจากที่มีการชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่าประมาณการ 653 ล้านบาท หรือ 8.3% จากการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป และอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 246 ล้านบาท หรือ 2.5%
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 231,007 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,595 ล้านบาท หรือ 3.6% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่
ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 6,212 ล้านบาท หรือ 9.5% ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3,396 ล้านบาท หรือ 2.8 %
กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 80,544 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการ (
สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 21.1% ) เป็นผลจากภาษีเบียร์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,094 ล้านบาท หรือ15.5% (
สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 13.3% )
อย่างไรก็ดี ภาษียาสูบจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,129 ล้านบาท หรือ 10.2% (
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22.9% ) เนื่องจากผู้บริโภคได้เปลี่ยนมาบริโภคยาสูบราคาถูกเพิ่มมากขึ้น และภาษีสุราจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 857 ล้านบาท หรือ 7.8% (
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.6%)
ส่วน กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 19,920 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 480 ล้านบาท หรือ 2.4% (
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.6%) โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 526 ล้านบาท หรือ2.6 % ส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทในเดือนตุลาคม 2559 หดตัว 18.2% และ 9.0 % ตามลำดับ
ด้านรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 29,194 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,467 ล้านบาท หรือ 9.2% (
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 30.8%) สาเหตุสำคัญมาจากการนำส่งเงินปันผลจากกองทุนรวมวายุภักษ์จำนวน 3,657 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 31,260 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,965 ล้านบาท หรือ 10.5% (
สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 11.1%) เนื่องจาก
การนำส่งเงินจากการยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินส่วนหนึ่ง และการนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นรายได้แผ่นดิน
JJNY : คลังเผยจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ 2 เดือนแรกปีงบ59 สูงเกินเป้ากว่า6พันล้าน
นายกฤษฎา กล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 สูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นและการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ ประกอบกับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรใกล้เคียงกับเป้าหมาย นอกจากนั้น ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว สะท้อนถึงปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ต่อไป
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิเดือนพฤศจิกายน 2558 พบว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 179,356 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6,708 ล้านบาท หรือ 3.9 % โดยการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 8,034 ล้านบาท หรือ 689% การจัดเก็บภาษีเบียร์สูงกว่าประมาณการ 1,546 ล้านบาท หรือ 22.2% เนื่องจากการเร่งชำระภาษีจากที่มีการชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่าประมาณการ 653 ล้านบาท หรือ 8.3% จากการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป และอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 246 ล้านบาท หรือ 2.5%
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 231,007 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,595 ล้านบาท หรือ 3.6% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 6,212 ล้านบาท หรือ 9.5% ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3,396 ล้านบาท หรือ 2.8 %
กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 80,544 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการ (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 21.1% ) เป็นผลจากภาษีเบียร์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,094 ล้านบาท หรือ15.5% (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 13.3% )
อย่างไรก็ดี ภาษียาสูบจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,129 ล้านบาท หรือ 10.2% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22.9% ) เนื่องจากผู้บริโภคได้เปลี่ยนมาบริโภคยาสูบราคาถูกเพิ่มมากขึ้น และภาษีสุราจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 857 ล้านบาท หรือ 7.8% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.6%)
ส่วน กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 19,920 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 480 ล้านบาท หรือ 2.4% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.6%) โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 526 ล้านบาท หรือ2.6 % ส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทในเดือนตุลาคม 2559 หดตัว 18.2% และ 9.0 % ตามลำดับ
ด้านรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 29,194 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,467 ล้านบาท หรือ 9.2% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 30.8%) สาเหตุสำคัญมาจากการนำส่งเงินปันผลจากกองทุนรวมวายุภักษ์จำนวน 3,657 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 31,260 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,965 ล้านบาท หรือ 10.5% (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 11.1%) เนื่องจากการนำส่งเงินจากการยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินส่วนหนึ่ง และการนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นรายได้แผ่นดิน