จากกระทู้ก่อนเกี่ยวกับผลกระทบจากเฟด
http://pantip.com/topic/34523534
ดังนั้นมากระทู้นี้เราได้คำตอบของการขึ้นครั้งแรกแล้ว และความชัดเจนในการค่อยๆขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเหมือนกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อนๆของ FED
-เศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลก
จากการคาดการล่วงหน้า ทำให้มีการตอบสนองของตลาดไปก่อนหน้านี้ 1-2 ปีแล้ว ทำให้ผลกระทบอาจจะไม่มีหรือมีเพียงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆเหตุผลที่อเมริกาต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยคือ
1. การปรับสมดุลของอัตราดอกเบี้ยที่ 0% ในระยะเวลาหลายปีให้เหมาะสมขึ้น
2. ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 5% จากที่ก่อนเกิดวิกฤติ 2008 ที่ 10% ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น
3. ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น รวมถึงภาคอสังหาตั้งแต่เกิดวิกฤติของที่อยู่อาศัย
*** ประเด็นที่ต้องระวังคือกลุ่มพลังงานที่เริ่มแย่จากการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บอร์นในกลุ่มนี้กลายเป็นขยะ เพราะไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ โดยเรื่องนี้ยังต้องดูมาตรการช่วยเหลือต่อไปและจะเป็นในปัจจัยสำคัญในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป
การทะยอยขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจโลกและอีกหลายประเทศที่ยังซบเซามีเวลาในการปรับตัวได้ทัน และอาจส่งผลดีต่อประเทศที่เศรษฐกิจดีอยู่แล้วให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ที่มา :
http://ig.ft.com/sites/when-rates-rise/
ซึ่งจากภาพจะเห็นว่านักวิเคราะห์ให้ความสำคัญในเดือนมีนาคมมากกว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเฟดจะทะยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.25 ในปี 2015 และ 2 ในปี 2018 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
-เศรษฐกิจไทย
จากการคาดการณ์ล่วงหน้า ทำให้ตลาดอาจจะตอบสนองในแง่ดีมากกว่าแง่ลบ โดยมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ตลาดจะกังวลแต่ถ้าเกิดก็เพียงระยะสั้นๆ โดยการที่ สนง. คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5 แสดงว่ายังยืนยันว่าเศรษฐกิจปีหน้ายังมีอัตราเติบโตที่ดีกว่าปีนี้โดยไม่ต้องใช้มาตราการด้านการเงินเข้ามาช่วย ซึ่งเหตุผลน่าจะมาจาก
1. การลงทุนจากภาครัฐจะเริ่มเห็นผลในปีนี้และเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลังที่โครงการเริ่มเดินอย่างเต็มที่
2. ภาคการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวและรับอาณิสงค์จากการอ่านค่าของเงินบาท ทำให้มีกำไรจากในส่วนนี้เพิ่มขึ้น
3. การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียและจีน จะยังเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไป
4. การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เป็นการส่งเสริมข้อ 3 และ 4 เพราะต่างชาติจะมีกำลังการซื้อมากขึ้น
5. ราคาด้านพลังงานจะยังคงต่ำต่อไปในปีหน้า ทำให้การลงทุนต่างๆมีต้นทุนที่ลดลง และลดต้นทุนด้านพลังงานที่ต้องนำเข้าลงได้อย่างมาก
ซึ่งปัจจัยต่างๆ คาดว่าเศนษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 3.4-3.6 จึงยังคงส่งผลดีต่อตลาด แต่เน้นควรลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากที่กล่าวไว้ข้างบน
สุดท้ายถ้าชอบบทความนี้ ขอให้ช่วยกดไลค์ กดแชร์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนได้มีผลงานต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบครับ
ติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน
ผลจาก FED และคาดการการขึ้นครั้งต่อไป
ดังนั้นมากระทู้นี้เราได้คำตอบของการขึ้นครั้งแรกแล้ว และความชัดเจนในการค่อยๆขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเหมือนกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อนๆของ FED
-เศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลก
จากการคาดการล่วงหน้า ทำให้มีการตอบสนองของตลาดไปก่อนหน้านี้ 1-2 ปีแล้ว ทำให้ผลกระทบอาจจะไม่มีหรือมีเพียงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆเหตุผลที่อเมริกาต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยคือ
1. การปรับสมดุลของอัตราดอกเบี้ยที่ 0% ในระยะเวลาหลายปีให้เหมาะสมขึ้น
2. ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 5% จากที่ก่อนเกิดวิกฤติ 2008 ที่ 10% ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น
3. ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น รวมถึงภาคอสังหาตั้งแต่เกิดวิกฤติของที่อยู่อาศัย
*** ประเด็นที่ต้องระวังคือกลุ่มพลังงานที่เริ่มแย่จากการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บอร์นในกลุ่มนี้กลายเป็นขยะ เพราะไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ โดยเรื่องนี้ยังต้องดูมาตรการช่วยเหลือต่อไปและจะเป็นในปัจจัยสำคัญในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป
การทะยอยขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจโลกและอีกหลายประเทศที่ยังซบเซามีเวลาในการปรับตัวได้ทัน และอาจส่งผลดีต่อประเทศที่เศรษฐกิจดีอยู่แล้วให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ที่มา : http://ig.ft.com/sites/when-rates-rise/
ซึ่งจากภาพจะเห็นว่านักวิเคราะห์ให้ความสำคัญในเดือนมีนาคมมากกว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเฟดจะทะยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.25 ในปี 2015 และ 2 ในปี 2018 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
-เศรษฐกิจไทย
จากการคาดการณ์ล่วงหน้า ทำให้ตลาดอาจจะตอบสนองในแง่ดีมากกว่าแง่ลบ โดยมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ตลาดจะกังวลแต่ถ้าเกิดก็เพียงระยะสั้นๆ โดยการที่ สนง. คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5 แสดงว่ายังยืนยันว่าเศรษฐกิจปีหน้ายังมีอัตราเติบโตที่ดีกว่าปีนี้โดยไม่ต้องใช้มาตราการด้านการเงินเข้ามาช่วย ซึ่งเหตุผลน่าจะมาจาก
1. การลงทุนจากภาครัฐจะเริ่มเห็นผลในปีนี้และเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลังที่โครงการเริ่มเดินอย่างเต็มที่
2. ภาคการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวและรับอาณิสงค์จากการอ่านค่าของเงินบาท ทำให้มีกำไรจากในส่วนนี้เพิ่มขึ้น
3. การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียและจีน จะยังเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไป
4. การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เป็นการส่งเสริมข้อ 3 และ 4 เพราะต่างชาติจะมีกำลังการซื้อมากขึ้น
5. ราคาด้านพลังงานจะยังคงต่ำต่อไปในปีหน้า ทำให้การลงทุนต่างๆมีต้นทุนที่ลดลง และลดต้นทุนด้านพลังงานที่ต้องนำเข้าลงได้อย่างมาก
ซึ่งปัจจัยต่างๆ คาดว่าเศนษฐกิจจะเติบโตที่ระดับ 3.4-3.6 จึงยังคงส่งผลดีต่อตลาด แต่เน้นควรลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากที่กล่าวไว้ข้างบน
สุดท้ายถ้าชอบบทความนี้ ขอให้ช่วยกดไลค์ กดแชร์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนได้มีผลงานต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบครับ
ติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน