แนะนำตัวกันก่อนปัจจุบันผมอายุ 20 ปีได้ไป Work And Travel(WAT) ที่ USA ในปี 2015 (อายุ 19)
โดยติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ดำเหลือง แห่งหนึ่ง แต่กว่าจะรู้ตัวว่าอยากไปก็สายไปสะหน่อย โครงการเค้าปิดรับสมัครกันราวๆต้นปีก่อนปีที่จะไป ผมสมัครสะกุมภา จึงทำให้มีโอกาสสัมภาษณ์งานแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ผ่านก็เรียกได้ว่าหายากแล้วเพราะสัมภาษณ์นัดไว้ช่วงมีนา
เพราะฉะนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สัมภาษณ์ ขอวีซ่า จองตั๋ว สอบไฟนอล บิน!

จับฉลากได้มาเองกับมือโผล่ไป Tennessee กัน

รัฐนี้มีดีที่ป่าขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Great Smokies Mountain คนส่วนใหญ่จะมาช่วงฤดูร้อนเป็นหลัก
พูดถึงการสัมภาษณ์นายจ้างผ่าน skype ถามเกี่ยวกับการเรียนของเราสะมากกว่า โดยเน้นหนักไปที่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างที่คาด เพราะเดิมที่ผมขอเป็นพนักงานดูแลเครื่องเล่นใน Arcade แต่ Lifeguard คนขาดประกอบกับผมว่ายน้ำได้คล่องจึงกล้าที่ลองเสี่ยงดู อาชีพนี้ได้เรทเงินอยู่ที่ $8/hr ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย แต่สิ่งที่ล่อตาล่อใจมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ ชั่วโมงงาน เดี๋ยวจะอธิบายต่อไปนะ

อย่าถามว่าร้อนไหม แถมความแห้งให้ระดับ8 ลมนิ่งไม่เคยไหวตริงใดๆ (เครดิตรูปเว็ปบริษัท)
ก่อนจะมาเวิคตัวเราก็กลัวจะงงๆว่าสวนน้ำที่ใหญ่จริงๆเค้าเป็นยังไง พนักงานดูแลตรงไหนบ้างก็เลยลองไปเล่นที่ไทยดูในสวนน้ำใหญ่ตามต่างจังหวัด พอมาถึงที่นี้ก็ถือว่าใหญ่ตามโบรชัวร์ที่ได้แจกไว้แต่ก็ยังไม่ใหญ่มากถ้าเทียบกับอีกที่ที่อยู่ติดกัน แต่ที่ทำงานผมได้เปรียบตรงที่มีห้องพักหรูอลังอยู่ในที่ทำงานจึงดึงแขกได้มากพอสมควรในช่วง summer

นี้แหละครับ Wilderness At The Smokies, TN อย่าถามนะว่าร้อนแล้วทนไหวหรอ ลำพัง 37 38 องศาเราพออยู่ได้สบายอยู่แล้วคนไทย แต่ไอเราผลัดนึงต้องอยู่ 10 ชม.น่ะสิ แล้วที่นี้เค้าต้องการให้เราตื่นตัวตลอดเวลาจึงเอาเก้าอี้ออกเกือบจะทั้งหมดสะด้วย

รูปห่วงยางที่แสนจะสวยงามเรียงกันหน้าตั้งทุกครั้งที่สระปิด โดนทำลายภายในเวลาอันสั้นทันทีที่สระเปิด (มีคนมายืนรอเปิดทุกวัน)
โดยการทำงานหลักๆแบ่งออกตามสถานที่ มี 3 โซนด้วยกัน เป็นในร่ม 1 และ กลางแจ้ง 2 ซึ่งผลัดที่ Manager จัดให้จะมีดังนี้
ในร่มแบ่งเป็น 2 กะ ซึ่งเวลาพัก(ประมาณ 0.5 ชม. น้อยกว่านี้ถ้าเรากินเร็ว)จะไม่มีการให้ค่าแรง
เช้า 8.30 a.m. – 4.30 p.m. (ประมาณ 6 ชม.)
บ่าย 4.00 p.m. – 10.30 p.m. (ประมาณ 6.50 ชม.)

รูปนี้ที่เห็นยื่นๆออกมาแล้ววนกลับเข้าไปในตึกเป็นของสวนน้ำในร่มนะไว้สำหรับเล่นเวลาอากที่หนาวเป็นหลัก (เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)

(เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)

โซนเด็กน้อยอยู่หน้าห้องพักนี้เอง
กลางแจ้งมีเพียงกะเดียวแต่ 2 โซน คือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนเกือบตก (ที่นี้ดวงอาทิตย์ขึ้น 6.00 a.m. ตก 9.00 p.m. ช่วงแรกๆก็งงเวลาอยู่นานไม่พองงดวงอาทิตย์อีก)
เช้า 9.30 a.m. – 8.00 p.m. (ประมาณ 10.50 ชม.)

โซนกลางแจ้งเล็กชื่อว่า Salamander Spring เป็นแนวสวนน้ำส่วนตัวของคนที่พักบนเขาเงียบสงบ แต่เด็กล้วนๆทีมาเล่นและมักจะว่ายน้ำไม่แข็ง (เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)

โซนกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของทางรีสอร์ท มีน้ำวนรอบๆด้วยนะมีเพลงมันส์ๆหน่อยก็มีแอบเต้นส่งท่ากันบ้างแหละ

จากรูปจะเห็นว่าเฆมฝนดำมาแต่ไกล แล้วก็มักจะตกหนักเป็นพายุเกือบทุกครั้ง
หลักการทำงานคือจะเปิดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าฟ้าจะผ่าหรือได้ยินเสียงฟ้าร้องจึงปิด
ในบางทีเจอฝนแบบเข็มแล้วลมจะแรงมากก็ต้องเปิดกันจนหน้าชาตลอดเวลาเลยทีเดียว
เราสามารถแลกเปลี่ยน ทำแทน สลับระหว่างพัก กันเองได้อย่างสบายใจเวลามีใครติดธุระ โดยทำการติดต่อผ่าน Supervisor มาแรกสมัครที่ยังสอบ license เป็น Lifeguard ไม่ได้ผลัดเราจะถูกกำหนดไว้เลยว่าเป็นในร่มเช้า เท่านั้น เนื่องจากมีสไลด์เดอร์เยอะ แล้วไม่ต้องใช้สกิลอะไรเข็นลูกเดียว

สภาพห่วงยางที่จะต้องเข็นใหญ่ยักษ์ แต่จะเล็กลงไปทันทีเมื่อเจอคนนั่ง เพราะไซส์นี้ถือว่ากำลังดีสำหรับ US

ขั้นตอนการสอบปฎิบัติพอขอ license (จริงจังกันมากๆเลยนะเรื่องนี้ใครไม่ตั้งใจไม่ได้เป็นแน่นอน)

มีโชว์สกิลกันบ้างนิดหน่อย (พี่คนนี้เค้าเป็นแพทย์ฉุกเฉินมาจากยูเครน มาWATครั้งแรกเหมือนกัน)
การเข็นสไลด์เดอร์เป็นอะไรที่ขมขื่นมากกกก เพราะลิมิตคนนั่งห่วงยางอยู่ที่ 800 ปอนด์/5คน แล้วห่วงก็หนักมากระหว่างยกลงมา แล้วจะโดนกระแทกทุกครั้งที่มีคนลงไปในห่วง แรกๆกระแทกไม่เจ็บเท่าไหร่แต่เฉลี่ยแล้ว โดย 1 ครั้งต่อ 2 นาที วันนึงทำไป 1 กะ โดนไป 180 ครั้งในรอบวัน ตกราวๆ 1 สัปดาห์ขนหน้าแข้งจะหายวับไปกับตาด้วยความร้อนที่ถูกเบียดด้วยห่วงยาง เกลี้ยงเกลาเงาวับเลยทีเดียว

ห่วงเขียวอีกเวอร์ชั่น ไม่ได้ถ่ายรูปตอนคนลงห่วงไว้เกรงว่าจะโดนไล่ออก
แต่มีสภาพเท้าไว้ให้ดูต่างหน้า(แข้ง)แทน เจ็บแสบพอๆกัน (ปัจจุบันสีผิว+ขนหน้าแข้งกลับมาปกติแล้วอย่าเพิ่งตกใจไป)
หลังจากสอบได้ License (อายุ 1 ปีทางสวนน้ำจัดสอบและดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ต้องใช้พื้นฐานต่างๆ) ก็จะได้ประจำสถานีในแต่ละโซน ซึ่งแต่ละโซนจะแบ่งสายการหมุนของ Lifeguard อีกประมาณ 2-3 สาย ในแต่ละสายจะมีคนได้พักและหมุนวนกันไปเรื่อยๆ เช่น
สไลด์เดอร์น้ำวน นาย A
สไลด์เดอร์ม่วง นาย B
สไลด์เดอร์อุโมงค์ นาย C
สไลด์เดอร์พรหม นาย D
พัก นาย E
หลังจากที่นาย E พักเสร็จแล้ว (30 นาที) นาย E ก็จะเข้าแทนนาย A แล้ว นายA ก็จะเข้าแทนนาย B ต่อไปเรื่อยๆจนนาย D ได้พักแทนนาย E แล้วกลับมาวนต่อ
จากการวนแบบนี้ทำให้มีคนอู้ในช่วงที่อากาศร้อนและแขกเข้าพักเป็นประจำ เพราะฉะนั้นพวก Supervisor บางคนจะคอยจับตามองและจดเวลาอย่างละเอียดอยู่ตลอดเรียกได้ว่าเสียวหลังตลอดเวลา
การทำโทษจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ Lifeguard ถูกจับได้ว่าไม่หันหน้าตามระบบที่ได้วางไว้ก็แค่ตักเตือนไป หรือที่โหดกว่านั้นก็คือมีตุ๊กตาลอยน้ำ(ทิมมี่) มาแล้วรับไม่ได้ภายใน 20 วินาที ถ้าไม่ได้ภายใน 3 ครั้งติดต่อกันจะได้กลับไปเรียน Guard Class ใหม่ทั้งหมด แน่นอนว่าระหว่างรอเปิดคอร์สใหม่ที่จะเรียนก็ต้องเข็นห่วงยางกันจนหน้ามืดตาลายเลยทีเดียว
สิ่งที่โหดที่สุดก็คือการแกล้งจมน้ำที่ Manager จะเป็นผู้สั่งลงมา ถ้าใครไม่สามารถเป่านกหวีดได้ภายใน 10 วินาทีและช่วยชีวิตภายใน 20 วินาทีต่อมา ติดต่อกัน 3 ครั้งจะถูกไล่ออก เห็นกันมาแล้วหลายคน พอครบ 2 ครั้งบางคนก็ถูกพักงานไปก่อน

บททดสอบจะโผล่ประจำสระคลื่นอาทิตย์นึงต้องเป็นดวงของเราสัก 1 ที
กลับมาพูดถึงชั่วโมงงานซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำหลักของเด็กที่ไป WAT ถ้าชั่วโมงงานเกิน 40 hrs./สัปดาห์ ชั่วโมงที่ 41 เป็นต้นไปจะได้ค่าแรง 1.5 เท่า เช่น ผมทำ60 hrs. ในสัปดาห์นี้ ผมได้ $8/hr. ผมจะได้เงิน (40*8 + 20*8*1.5) = $560
เนื่องจากผมสัญญากับกองทุน MOM ไว้ว่าจะเอาเงินมาคืนทั้งหมดถ้ายอมส่งผมไป(11x,xxx บาท ในตอนนั้น) ก็เลยขอโกยชั่วโมงงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังสอบ license ผ่าน แต่ที่นี้มีกฎอยู่ว่าต้องหยุดงานอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ จึงทำให้ผมทำได้มากสุด 6 วันเท่านั้น(แต่แค่ 6 วันเจอกลางแจ้งทุกวันก็กลายเป็นศพทุกทีที่ถึงห้องแล้วครับ ทั้งดำทั้งไหม้ทั้งง่วง)

เช่าโรงแรมอยู่ครับ ราคาค่างวด $280/วีค นอนได้ 4 คน ถ้าคิดก็ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง

ระวัง Bedbugs นะครับพวกโรงแรมละตัวดีเจอกันประจำ อารมณ์ประมาณเห็บอะไรงี้
ในบรรดาเพื่อนที่ไป WAT มีชาวตุรกี เฮียแกกลับมาปีที่ 2 แล้วก็กะจะมาโกยเงินแบบจริงจังเคยเห็น paycheck (ออกทุก 2 สัปดาห์ ขึ้นเงินสดได้ทันที) มากที่สุดราว $1,5xx เรียกได้ว่ายืนควบในร่มสองกะทุกวัน (ควบได้แต่ต้องขอ Manager หรือ Supervisor ล่วงหน้าหรือก่อนเปลี่ยนกะบ่าย) ไม่หลับไม่นอน ถ้าเจอ test โยนทิมมี่ หรือแกล้งจมน้ำไปก็คงหมดปัญญาช่วยเพราะร่างกายเปื่อยหมดแล้วเลยทีเดียว

หาเจอแต่รูปพี่ Manager (พี่จริงๆนะ Supervisor บางคนอายุ 17 ก็มี ที่นี้ไม่แคร์เรื่องอายุเท่าไหร่แฟร์หมด)
สุดท้ายนี้จากการอดหลับอดนอนของเด็กไทยอย่างผมก็ได้ทิ้งทวนทำแบบเฮียตุรกีดูบ้าง 1 สัปดาห์และทำแบบชิลๆอีก 1 สัปดาห์เพราะเห็นว่า last paycheck แล้วประเดี๋ยวเงินจะไม่พอคืนกองทุน MOM ปรากฎว่าวันสุดท้ายที่ทำเสร็จ (1 Aug 2015) ก็รีบเก็บของกลับไทยเพราะต้องไปเรียนต่อในสองวันถัดไป(เปิดเทอม 3 Aug 2015) สลบยาวๆตอนนั่งข้าม Pacific แล้วได้ paycheck มาที่ $1,4xx รู้เลยว่าความเหนื่อยที่แท้จริงเป็นยังไง (ถ้าไม่ใช่จะกลับคงลาออกเพราะความล้า)
ลากันไปด้วยบรรยากาศการเรียนที่แสนจะอบอุ่นที่จขกท.แบกร่างไปนั่งฟัง
แต่จะว่าไป WAT ก็ผ่านไปไวเหมือนกันนะ
ปล. จขกท.มีการท่องเที่ยว USA ด้วยนะไม่ได้มีแต่ Work อย่างเดียว Travel ด้วยจ้า
แบบวิดีโอก็มีนะพอดี จขกท.ได้เข้าร่วมโครงการของ US Sponsor เป็น CCI มีโครงการ CCI GreenHeart เลยได้ลองทำมาไว้ด้วย
รับชมได้ที่
https://youtu.be/KEJcXDi4yCc
[WAT]ร้อน ดำ ง่วง มาแล้วก็ต้องทน! Lifeguard Wilderness At The Smokies,TN (USA)
โดยติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ดำเหลือง แห่งหนึ่ง แต่กว่าจะรู้ตัวว่าอยากไปก็สายไปสะหน่อย โครงการเค้าปิดรับสมัครกันราวๆต้นปีก่อนปีที่จะไป ผมสมัครสะกุมภา จึงทำให้มีโอกาสสัมภาษณ์งานแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ผ่านก็เรียกได้ว่าหายากแล้วเพราะสัมภาษณ์นัดไว้ช่วงมีนา
เพราะฉะนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สัมภาษณ์ ขอวีซ่า จองตั๋ว สอบไฟนอล บิน!
จับฉลากได้มาเองกับมือโผล่ไป Tennessee กัน
รัฐนี้มีดีที่ป่าขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Great Smokies Mountain คนส่วนใหญ่จะมาช่วงฤดูร้อนเป็นหลัก
พูดถึงการสัมภาษณ์นายจ้างผ่าน skype ถามเกี่ยวกับการเรียนของเราสะมากกว่า โดยเน้นหนักไปที่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างที่คาด เพราะเดิมที่ผมขอเป็นพนักงานดูแลเครื่องเล่นใน Arcade แต่ Lifeguard คนขาดประกอบกับผมว่ายน้ำได้คล่องจึงกล้าที่ลองเสี่ยงดู อาชีพนี้ได้เรทเงินอยู่ที่ $8/hr ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย แต่สิ่งที่ล่อตาล่อใจมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ ชั่วโมงงาน เดี๋ยวจะอธิบายต่อไปนะ
อย่าถามว่าร้อนไหม แถมความแห้งให้ระดับ8 ลมนิ่งไม่เคยไหวตริงใดๆ (เครดิตรูปเว็ปบริษัท)
ก่อนจะมาเวิคตัวเราก็กลัวจะงงๆว่าสวนน้ำที่ใหญ่จริงๆเค้าเป็นยังไง พนักงานดูแลตรงไหนบ้างก็เลยลองไปเล่นที่ไทยดูในสวนน้ำใหญ่ตามต่างจังหวัด พอมาถึงที่นี้ก็ถือว่าใหญ่ตามโบรชัวร์ที่ได้แจกไว้แต่ก็ยังไม่ใหญ่มากถ้าเทียบกับอีกที่ที่อยู่ติดกัน แต่ที่ทำงานผมได้เปรียบตรงที่มีห้องพักหรูอลังอยู่ในที่ทำงานจึงดึงแขกได้มากพอสมควรในช่วง summer
นี้แหละครับ Wilderness At The Smokies, TN อย่าถามนะว่าร้อนแล้วทนไหวหรอ ลำพัง 37 38 องศาเราพออยู่ได้สบายอยู่แล้วคนไทย แต่ไอเราผลัดนึงต้องอยู่ 10 ชม.น่ะสิ แล้วที่นี้เค้าต้องการให้เราตื่นตัวตลอดเวลาจึงเอาเก้าอี้ออกเกือบจะทั้งหมดสะด้วย
รูปห่วงยางที่แสนจะสวยงามเรียงกันหน้าตั้งทุกครั้งที่สระปิด โดนทำลายภายในเวลาอันสั้นทันทีที่สระเปิด (มีคนมายืนรอเปิดทุกวัน)
โดยการทำงานหลักๆแบ่งออกตามสถานที่ มี 3 โซนด้วยกัน เป็นในร่ม 1 และ กลางแจ้ง 2 ซึ่งผลัดที่ Manager จัดให้จะมีดังนี้
ในร่มแบ่งเป็น 2 กะ ซึ่งเวลาพัก(ประมาณ 0.5 ชม. น้อยกว่านี้ถ้าเรากินเร็ว)จะไม่มีการให้ค่าแรง
เช้า 8.30 a.m. – 4.30 p.m. (ประมาณ 6 ชม.)
บ่าย 4.00 p.m. – 10.30 p.m. (ประมาณ 6.50 ชม.)
รูปนี้ที่เห็นยื่นๆออกมาแล้ววนกลับเข้าไปในตึกเป็นของสวนน้ำในร่มนะไว้สำหรับเล่นเวลาอากที่หนาวเป็นหลัก (เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)
(เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)
โซนเด็กน้อยอยู่หน้าห้องพักนี้เอง
กลางแจ้งมีเพียงกะเดียวแต่ 2 โซน คือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนเกือบตก (ที่นี้ดวงอาทิตย์ขึ้น 6.00 a.m. ตก 9.00 p.m. ช่วงแรกๆก็งงเวลาอยู่นานไม่พองงดวงอาทิตย์อีก)
เช้า 9.30 a.m. – 8.00 p.m. (ประมาณ 10.50 ชม.)
โซนกลางแจ้งเล็กชื่อว่า Salamander Spring เป็นแนวสวนน้ำส่วนตัวของคนที่พักบนเขาเงียบสงบ แต่เด็กล้วนๆทีมาเล่นและมักจะว่ายน้ำไม่แข็ง (เครดิตรูปจากเว็ปบริษัท)
โซนกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของทางรีสอร์ท มีน้ำวนรอบๆด้วยนะมีเพลงมันส์ๆหน่อยก็มีแอบเต้นส่งท่ากันบ้างแหละ
จากรูปจะเห็นว่าเฆมฝนดำมาแต่ไกล แล้วก็มักจะตกหนักเป็นพายุเกือบทุกครั้ง
หลักการทำงานคือจะเปิดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าฟ้าจะผ่าหรือได้ยินเสียงฟ้าร้องจึงปิด
ในบางทีเจอฝนแบบเข็มแล้วลมจะแรงมากก็ต้องเปิดกันจนหน้าชาตลอดเวลาเลยทีเดียว
เราสามารถแลกเปลี่ยน ทำแทน สลับระหว่างพัก กันเองได้อย่างสบายใจเวลามีใครติดธุระ โดยทำการติดต่อผ่าน Supervisor มาแรกสมัครที่ยังสอบ license เป็น Lifeguard ไม่ได้ผลัดเราจะถูกกำหนดไว้เลยว่าเป็นในร่มเช้า เท่านั้น เนื่องจากมีสไลด์เดอร์เยอะ แล้วไม่ต้องใช้สกิลอะไรเข็นลูกเดียว
สภาพห่วงยางที่จะต้องเข็นใหญ่ยักษ์ แต่จะเล็กลงไปทันทีเมื่อเจอคนนั่ง เพราะไซส์นี้ถือว่ากำลังดีสำหรับ US
ขั้นตอนการสอบปฎิบัติพอขอ license (จริงจังกันมากๆเลยนะเรื่องนี้ใครไม่ตั้งใจไม่ได้เป็นแน่นอน)
มีโชว์สกิลกันบ้างนิดหน่อย (พี่คนนี้เค้าเป็นแพทย์ฉุกเฉินมาจากยูเครน มาWATครั้งแรกเหมือนกัน)
การเข็นสไลด์เดอร์เป็นอะไรที่ขมขื่นมากกกก เพราะลิมิตคนนั่งห่วงยางอยู่ที่ 800 ปอนด์/5คน แล้วห่วงก็หนักมากระหว่างยกลงมา แล้วจะโดนกระแทกทุกครั้งที่มีคนลงไปในห่วง แรกๆกระแทกไม่เจ็บเท่าไหร่แต่เฉลี่ยแล้ว โดย 1 ครั้งต่อ 2 นาที วันนึงทำไป 1 กะ โดนไป 180 ครั้งในรอบวัน ตกราวๆ 1 สัปดาห์ขนหน้าแข้งจะหายวับไปกับตาด้วยความร้อนที่ถูกเบียดด้วยห่วงยาง เกลี้ยงเกลาเงาวับเลยทีเดียว
ห่วงเขียวอีกเวอร์ชั่น ไม่ได้ถ่ายรูปตอนคนลงห่วงไว้เกรงว่าจะโดนไล่ออก
แต่มีสภาพเท้าไว้ให้ดูต่างหน้า(แข้ง)แทน เจ็บแสบพอๆกัน (ปัจจุบันสีผิว+ขนหน้าแข้งกลับมาปกติแล้วอย่าเพิ่งตกใจไป)
หลังจากสอบได้ License (อายุ 1 ปีทางสวนน้ำจัดสอบและดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ต้องใช้พื้นฐานต่างๆ) ก็จะได้ประจำสถานีในแต่ละโซน ซึ่งแต่ละโซนจะแบ่งสายการหมุนของ Lifeguard อีกประมาณ 2-3 สาย ในแต่ละสายจะมีคนได้พักและหมุนวนกันไปเรื่อยๆ เช่น
สไลด์เดอร์น้ำวน นาย A
สไลด์เดอร์ม่วง นาย B
สไลด์เดอร์อุโมงค์ นาย C
สไลด์เดอร์พรหม นาย D
พัก นาย E
หลังจากที่นาย E พักเสร็จแล้ว (30 นาที) นาย E ก็จะเข้าแทนนาย A แล้ว นายA ก็จะเข้าแทนนาย B ต่อไปเรื่อยๆจนนาย D ได้พักแทนนาย E แล้วกลับมาวนต่อ
จากการวนแบบนี้ทำให้มีคนอู้ในช่วงที่อากาศร้อนและแขกเข้าพักเป็นประจำ เพราะฉะนั้นพวก Supervisor บางคนจะคอยจับตามองและจดเวลาอย่างละเอียดอยู่ตลอดเรียกได้ว่าเสียวหลังตลอดเวลา
การทำโทษจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ Lifeguard ถูกจับได้ว่าไม่หันหน้าตามระบบที่ได้วางไว้ก็แค่ตักเตือนไป หรือที่โหดกว่านั้นก็คือมีตุ๊กตาลอยน้ำ(ทิมมี่) มาแล้วรับไม่ได้ภายใน 20 วินาที ถ้าไม่ได้ภายใน 3 ครั้งติดต่อกันจะได้กลับไปเรียน Guard Class ใหม่ทั้งหมด แน่นอนว่าระหว่างรอเปิดคอร์สใหม่ที่จะเรียนก็ต้องเข็นห่วงยางกันจนหน้ามืดตาลายเลยทีเดียว
สิ่งที่โหดที่สุดก็คือการแกล้งจมน้ำที่ Manager จะเป็นผู้สั่งลงมา ถ้าใครไม่สามารถเป่านกหวีดได้ภายใน 10 วินาทีและช่วยชีวิตภายใน 20 วินาทีต่อมา ติดต่อกัน 3 ครั้งจะถูกไล่ออก เห็นกันมาแล้วหลายคน พอครบ 2 ครั้งบางคนก็ถูกพักงานไปก่อน
บททดสอบจะโผล่ประจำสระคลื่นอาทิตย์นึงต้องเป็นดวงของเราสัก 1 ที
กลับมาพูดถึงชั่วโมงงานซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำหลักของเด็กที่ไป WAT ถ้าชั่วโมงงานเกิน 40 hrs./สัปดาห์ ชั่วโมงที่ 41 เป็นต้นไปจะได้ค่าแรง 1.5 เท่า เช่น ผมทำ60 hrs. ในสัปดาห์นี้ ผมได้ $8/hr. ผมจะได้เงิน (40*8 + 20*8*1.5) = $560
เนื่องจากผมสัญญากับกองทุน MOM ไว้ว่าจะเอาเงินมาคืนทั้งหมดถ้ายอมส่งผมไป(11x,xxx บาท ในตอนนั้น) ก็เลยขอโกยชั่วโมงงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังสอบ license ผ่าน แต่ที่นี้มีกฎอยู่ว่าต้องหยุดงานอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ จึงทำให้ผมทำได้มากสุด 6 วันเท่านั้น(แต่แค่ 6 วันเจอกลางแจ้งทุกวันก็กลายเป็นศพทุกทีที่ถึงห้องแล้วครับ ทั้งดำทั้งไหม้ทั้งง่วง)
เช่าโรงแรมอยู่ครับ ราคาค่างวด $280/วีค นอนได้ 4 คน ถ้าคิดก็ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง
ระวัง Bedbugs นะครับพวกโรงแรมละตัวดีเจอกันประจำ อารมณ์ประมาณเห็บอะไรงี้
ในบรรดาเพื่อนที่ไป WAT มีชาวตุรกี เฮียแกกลับมาปีที่ 2 แล้วก็กะจะมาโกยเงินแบบจริงจังเคยเห็น paycheck (ออกทุก 2 สัปดาห์ ขึ้นเงินสดได้ทันที) มากที่สุดราว $1,5xx เรียกได้ว่ายืนควบในร่มสองกะทุกวัน (ควบได้แต่ต้องขอ Manager หรือ Supervisor ล่วงหน้าหรือก่อนเปลี่ยนกะบ่าย) ไม่หลับไม่นอน ถ้าเจอ test โยนทิมมี่ หรือแกล้งจมน้ำไปก็คงหมดปัญญาช่วยเพราะร่างกายเปื่อยหมดแล้วเลยทีเดียว
หาเจอแต่รูปพี่ Manager (พี่จริงๆนะ Supervisor บางคนอายุ 17 ก็มี ที่นี้ไม่แคร์เรื่องอายุเท่าไหร่แฟร์หมด)
สุดท้ายนี้จากการอดหลับอดนอนของเด็กไทยอย่างผมก็ได้ทิ้งทวนทำแบบเฮียตุรกีดูบ้าง 1 สัปดาห์และทำแบบชิลๆอีก 1 สัปดาห์เพราะเห็นว่า last paycheck แล้วประเดี๋ยวเงินจะไม่พอคืนกองทุน MOM ปรากฎว่าวันสุดท้ายที่ทำเสร็จ (1 Aug 2015) ก็รีบเก็บของกลับไทยเพราะต้องไปเรียนต่อในสองวันถัดไป(เปิดเทอม 3 Aug 2015) สลบยาวๆตอนนั่งข้าม Pacific แล้วได้ paycheck มาที่ $1,4xx รู้เลยว่าความเหนื่อยที่แท้จริงเป็นยังไง (ถ้าไม่ใช่จะกลับคงลาออกเพราะความล้า)
ลากันไปด้วยบรรยากาศการเรียนที่แสนจะอบอุ่นที่จขกท.แบกร่างไปนั่งฟัง
แต่จะว่าไป WAT ก็ผ่านไปไวเหมือนกันนะ
ปล. จขกท.มีการท่องเที่ยว USA ด้วยนะไม่ได้มีแต่ Work อย่างเดียว Travel ด้วยจ้า
แบบวิดีโอก็มีนะพอดี จขกท.ได้เข้าร่วมโครงการของ US Sponsor เป็น CCI มีโครงการ CCI GreenHeart เลยได้ลองทำมาไว้ด้วย
รับชมได้ที่ https://youtu.be/KEJcXDi4yCc