แม่หวังดี แต่แม่จะรู้มั้ยว่าแม่กำลังทำให้หนูมีปัญหา

เราไม่คิดว่าการที่เราเป็นสิวมันผิด

เราเป็นสิวหนักมากตั้งแต่อายุสิบสี่ ปัจจุบันอายุยี่สิบปีแล้วค่ะ คุณแม่หน้าใสมาก แต่คุณพ่อเป็นสิวหนักมากค่ะ ตอนนี้คุณพ่อก็เกือบๆ หกสิบแล้ว สิวยังมีขึ้นอยู่เลย แต่คุณแม่ผิวดีมาก ตามประสาคนจีนแท้ผิวขาวใสเหมือนหยวกกล้วย ไม่เคยเห็นสิวขึ้นที่หน้าแม่มากกว่าสามเม็ดเลยค่ะ

พี่สาวเราเคยเป็นสิวอย่างหนัก แบบหนักมาก แต่ตอนนี้อาจจะด้วยวัยและฮอร์โมนที่คงที่ หน้าเลยใสกิ๊งหลังจากตระเวณหาหมอสิวทั่วทั้งราชอาณาจักร ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินตอนนี้เราคิดว่าหลายล้านแล้ว เหลือเราที่ยังเป็นสิวอย่างต่อเนื่อง หนักและเลวร้ายจนเคยมีคนมาถามว่าเป็นโรคติดต่อหรือเปล่า เราหาหมอมาตลอดตั้งแต่นั้น ที่ไหนเขาว่าดีก็ไป แพงแค่ไหนคุณแม่ก็จ่าย คุณแม่เป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องเราเป็นสิวมาก เราเข้าใจค่ะว่าคุณแม่หวังดี เพราะเราก็อยากสวยเหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป อยากหน้าใสโดยไม่ต้องโปะคอนซีลเลอร์เหมือนกัน

แต่หลังๆ เราว่ามันเริ่มหนักเกินไป

ทั้งๆ ที่หน้าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีเม็ดสีผิวเยอะ และหน้าผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมากมายเหลือเกิน กระทั่งเลเซอร์  fire scan ที่คนเป็นสิวบอกว่าโหดที่สุด เราก็ผ่านมาแล้วหลายครั้งจนกลายเป็นคนผิวแพ้ง่าย ครีม เซรั่ม ยาทาทุกอย่าง จนตอนนี้ก็ดีบ้างแย่บ้าง ยิ่งช่วงใกล้สอบเราจะเครียดก็ยิ่งแย่ ประจำเดือนเราก็มาไม่ปกติ บางทีขาดไปเกือบๆ สามเดือน จนหลังๆ เริ่มมาปกติสิวเลยเริ่มน้อยลง แต่พวกรอยและแผลเป็นนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่

ทุกครั้งที่แม่มองหน้าสดของเราที่ไม่แต่งหน้า เพราะแต่งก็เนียนอยู่แม้จะเห็นรอยบ้างประปราย คุณแม่จะพูดตลอด "น่าสงสาร" "รู้มั้ยว่าทุกครั้งที่แม่ไหว้พระขอพร แม่จะขอให้ผลบุญที่แม่ทำไปทำให้ลูกหน้าใส ขอให้เจ้ากรรมนายเวรลูกอโหสิ" "หน้าตาดูไม่ได้เลย ลายเหมือนตุ๊กแก ไปหาอีกหมอมั้ย" ถึงกับขั้นพูดที่ว่า แม่อยากให้เราหน้าหายสักที จะได้สวยๆ มีคนมาจีบ ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไร เรารู้ว่าแม่หวังดีล้วนๆ และแม่รักเรามากแม่อยากให้เราหาย แต่พอมันเริ่มนาน เริ่มบ่อย พูดทุกครั้งที่มองหน้าเรา พูดนั่นพูดนี่ เรายิ่งรู้สึกแย่ เรารู้สึกว่าเรามีปัญหา นี่มันเป็นปมด้อยเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตเรา เพราะว่าเราเป็นยังงี้เลยไม่มีคนมาชอบเรา

คุณแม่เราคงไม่ทราบว่าสิ่งที่ทำกำลังทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางจิต มีปัญหาทางอารมณ์

เราไม่กล้าออกจากบ้านถ้าไม่ลงรองพื้น ปกติแล้วเราไม่ชอบไว้เล็บ ไม่ทำเล็บเลย แต่หลังๆ มานี้เราไว้เล็บเพื่อไว้แกะสิว แกะหน้า บีบสิว เพราะเรารู้สึกว่าเรายอมเห็นแผลเป็นดีกว่าเห็นเป็นสิวเม็ดๆ บนหน้า เราจะเป็นโรคระแวงมากเวลาที่ใครจ้องหน้าเรานานๆ เราจะหลบสายตาและเบี่ยงใบหน้าไปทางอื่น เอาผมมาปิด ไม่อยากให้เขามองนานๆ ทุกครั้งที่พวกเพื่อนๆ คุยกันเรื่องคลินิครักษาสิว หรือพวกเวชสำอางค์ดูแลผิวหน้า เราจะรู้สึกว่าเราอึดอัด หงุดหงิดมากและไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้ เรายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนักมากขึ้น เพราะทุกครั้งที่แม่เริ่มพูดเรื่องพวกนี้ เราก็จะเริ่มน้ำตาซึม

เรารู้สึกว่าเราไม่อยากฟังสิ่งที่แม่พูดเลย เราบอกแม่ไปหลายรอบแล้วพยายามอธิบายให้แม่ฟัง แต่แม่ก็ตามประสาผู้ใหญ่สมัยก่อนที่ค่อนข้างมีอายุ ยังไงคุณแม่ก็ไม่ผิด แม่จะว่าเรา บอกว่าสิ่งที่แม่ทำเพราะแม่รักเรา แม่หวังดี แต่ทำไมสิ่งที่แม่ทำเราถึงคิดว่ามันแย่ เห็นปะคะ คุณแม่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จะให้ทำยังไง อธิบายไปเรากลายเป็นฝ่ายผิด เราเหนื่อยเราไม่อยากไปหาหมอไม่อยากเริ่มใหม่ ก็แค่อยากทำกับหมอคนเดิมแต่ก็หาว่าเราเถียงคัดค้านไม่เปิดใจ และขี้เกียจ พอแม่ว่าเราเรื่องนี้เราก็มักจะน้ำตาซึม แม่ก็จะตวาดถามว่าทำไมต้องร้องไห้ คือคุณแม่ไม่เข้าใจว่าสำหรับเรามันเป็นมากกว่าแค่เรื่องปัญหาผิวหนัง เรารู้สึกว่ามันเป็นจุดบอดในใจของเรา ทุกครั้งแม่ทักหรืออะไรก็ตามเรายิ่งแย่ เพราะขนาดเพื่อนเราหรือคนรอบข้างยังไม่ทัก บอกด้วยซ้ำว่าเออหน้าดีขึ้นหนิ พอช่วงสอบทุกคนก็เข้าใจว่าเครียด พอสอบเสร็จก็ผดผื่นสิวหาย แต่คุณแม่ไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะแม่ไม่เคยเป็นสิว เราเคยพูดกับแม่ว่า แม่ไม่เคยเป็นสิวแม่ไม่เข้าใจ แม่กลับบอกว่า แม่เคยเป็นฝ้าหนักมาก ทำเลเซอร์ยังไงก็ไม่หาย จนกระทั่งยอมเปิดใจใช้ครีมทาฝ้ายี่ห้อหนึ่งแล้วหาย แล้วทำไมเราไม่เปิดใจบ้าง แม่จะรู้มั้ยว่าเราเปิดใจตะลอนๆๆ ไปหาหมอทุกที่มาตลอดหกปี แม้กระทั่งไหว้พระทำทุกอย่าง กินยาจีนเป็นหม้อๆ เกือบปี แต่มันก็ยังไม่หาย

พ่อและพี่สาวของเราเข้าใจเรามาก เราทะเลาะกับแม่เวลาคุยเรื่องพวกนี้หลายครั้งแล้ว พี่สาวกับพ่อเราไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่เคยเข้าข้างแม่หรือบอกว่าเราเป็นฝ่ายผิดเลย

เราชินชากับการเป็นสิวจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เซ็งสิวก็เซ็ง แต่เซ็งแม่ตัวเองมากกว่า เฮ้อ !!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่