วันหยุดยาวถ้านึกไม่ออกว่าจะไปชิลที่ไหน...
แม่พรขอแนะนำร้าน The Garden of Dinsor Palace ย่านเอกมัยอีก 1 ที่นะคะ ^^
The Gardens of Dinsor Palace” เป็นร้านที่ปรับปรุงมาจากวังเก่าแก่อายุกว่า 80 ปี ที่เดิมเคยเป็นที่ประทับของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา พระธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่าง “วังดินสอ” ค่ะ
การเดินทางมาที่ร้านนั้นแสนง่าย เพราะใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย แล้วเดินย้อนขึ้นมาประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ในซอยระหว่างสุขุมวิท 59 และ 61 ส่วนใครที่ขับรถมาก็ไม่ต้องกังวลเพราะที่จอดรถที่นี่สะดวกมากค่ะ
ตัวร้านได้แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก โดยทั้งหมดสามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 300 ที่นั่ง มีทั้งแบบ Outdoor อย่างโซน Eden ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศร่มรื่นจากสวนสีเขียวตกแต่งอย่างดี มีทั้งโต๊ะให้นั่งรับลมเย็นๆ แบบเอ้าท์ดอร์ ฟังเสียงน้ำตกจากสระน้ำที่มีหงส์สีขาวคอยว่ายวนอวดโฉมอยู่ตลอดเวลา และแบบ Indoor ที่สามารถเลือกได้โซนคาเฟ่อย่าง Bakery & Café ที่เหมาะสำหรับนั่งจิบกาแฟและเบเกอรี่ต่างๆ หรือโซนห้องอาหารที่มีให้เลือกทั้งสองชั้นอย่าง Dinning และ Private ที่พร้อมไปด้วยบาร์เครื่องดื่ม และบริกรที่คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา (ขอบคุณข้อมูลจาก Wongnai -
https://www.wongnai.com/articles/the-gardens-of-dinsor-palace?ref=ct)
ครั้งแรกเราลองนั่งในโซนห้องแอร์ติดกับกระจกบานใหญ่เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศสวนสวย... ปรากฏว่าลิตาชอบโซนในสวนมาก เลยวิ่งเข้าๆ ออกๆ ตลอด มาครั้งที่ 2 เลยนั่งข้างนอกซะเลย อากาศกำลังสบายๆ ร่มรื่น ไม่ร้อนอย่างที่คิดค่ะ ถ้าใครชอบชิลๆ แนะนำให้มาช่วงเช้านะคะ ช่วงบ่ายคนจะเยอะ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีเด็กเล็กค่ะ บรรยากาศก็จะเจี๊ยวจ๊าวน่ารักไปอีกแบบ
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 8AM – 11PM ค่ะ จะเสิร์ฟเป็น brunch ทั้งวันจนถึงราวๆ 5PM ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มนั้นบอกเลยว่าดีงาม... พระรามแปดมากๆ ค่ะ เพราะทุกเมนูถูกรังสรรค์ด้วยคอนเซ็ปต์โมเดิร์นอเมริกันที่มีกลิ่นอายฝรั่งเศสปนอยู่ โดยใช้วัตถุดิบแบบไทยๆ จากเชฟมากประสบการณ์อย่าง เชฟ Autumn McTaggart แถมยังมีเมนูสำหรับเด็กอีก 6-7 เมนูให้เลือกค่ะ เมนูผู้ใหญ่จะราคาราวๆ 200 – 1,xxx ต่อจาน สวนเมนูเด็กจะร้อยต้นๆ ไม่เกิน 200 บาทค่ะ
Egg benedict นุ่มนวลชวนฝันมากค่ะ ^^
จานนี้ส่วนตัวว่าแปลก... คือวาฟเฟิลก็อร่อย เป็ดก็อร่อย แต่ขอทานแบบแยกกันดีกว่าค่ะ
เมนูเด็กสั่งมา 2 อย่าง คือ mac & cheese และ fish & chip ค่ะ
เป็ดเค้าอร่อยจริงๆ ค่า 5555+
ก่อนกลับแวะซื้อขนมเค้กกลับไปฝากที่บ้านค่ะ โดยรวมโอเคค่ะ แต่ที่ปลื้มมากๆ เห็นจะเป็น New York Cheesecake & Rum Pineapple ได้รสชาติของชีสเต็มๆ ไม่น่าเชื่อว่าชีสกับมะพร้าวและชิ้นสับปะรดเชื่อมเหล้ารัม จะเข้ากันได้ดีขนาดนี้ (ไม่มีภาพประกอบนะคะ)'
บรรยากาศรอบๆ ค่ะ...
พนักงานที่นี่ใจดีฝุดๆ เห็นคุณแม่มีเด็กเล็กมาด้วย รีบเข้ามาสอบถามว่าจะให้อาหารน้องหงษ์มั้ย!!?? (ไม่คิดเงินค่าอาหารหงษ์ด้วยค่ะ)
นอกจากหงษ์ก็ยังมีนกยูงสีขาวด้วยค่ะ
น้องกระต่ายก็มา...
สวนสวยร่มรื่นมากค่ะ
ช่วงฮาโลวีนก็มีการตกแต่งบรรยากาศตามธีมค่ะ
**จบค่า**
[CR] Chillaxing Sunday at the Garden of Dinsor Palace
แม่พรขอแนะนำร้าน The Garden of Dinsor Palace ย่านเอกมัยอีก 1 ที่นะคะ ^^
The Gardens of Dinsor Palace” เป็นร้านที่ปรับปรุงมาจากวังเก่าแก่อายุกว่า 80 ปี ที่เดิมเคยเป็นที่ประทับของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา พระธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่าง “วังดินสอ” ค่ะ
การเดินทางมาที่ร้านนั้นแสนง่าย เพราะใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย แล้วเดินย้อนขึ้นมาประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ในซอยระหว่างสุขุมวิท 59 และ 61 ส่วนใครที่ขับรถมาก็ไม่ต้องกังวลเพราะที่จอดรถที่นี่สะดวกมากค่ะ
ตัวร้านได้แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก โดยทั้งหมดสามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 300 ที่นั่ง มีทั้งแบบ Outdoor อย่างโซน Eden ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศร่มรื่นจากสวนสีเขียวตกแต่งอย่างดี มีทั้งโต๊ะให้นั่งรับลมเย็นๆ แบบเอ้าท์ดอร์ ฟังเสียงน้ำตกจากสระน้ำที่มีหงส์สีขาวคอยว่ายวนอวดโฉมอยู่ตลอดเวลา และแบบ Indoor ที่สามารถเลือกได้โซนคาเฟ่อย่าง Bakery & Café ที่เหมาะสำหรับนั่งจิบกาแฟและเบเกอรี่ต่างๆ หรือโซนห้องอาหารที่มีให้เลือกทั้งสองชั้นอย่าง Dinning และ Private ที่พร้อมไปด้วยบาร์เครื่องดื่ม และบริกรที่คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา (ขอบคุณข้อมูลจาก Wongnai - https://www.wongnai.com/articles/the-gardens-of-dinsor-palace?ref=ct)
ครั้งแรกเราลองนั่งในโซนห้องแอร์ติดกับกระจกบานใหญ่เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำบรรยากาศสวนสวย... ปรากฏว่าลิตาชอบโซนในสวนมาก เลยวิ่งเข้าๆ ออกๆ ตลอด มาครั้งที่ 2 เลยนั่งข้างนอกซะเลย อากาศกำลังสบายๆ ร่มรื่น ไม่ร้อนอย่างที่คิดค่ะ ถ้าใครชอบชิลๆ แนะนำให้มาช่วงเช้านะคะ ช่วงบ่ายคนจะเยอะ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีเด็กเล็กค่ะ บรรยากาศก็จะเจี๊ยวจ๊าวน่ารักไปอีกแบบ
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 8AM – 11PM ค่ะ จะเสิร์ฟเป็น brunch ทั้งวันจนถึงราวๆ 5PM ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มนั้นบอกเลยว่าดีงาม... พระรามแปดมากๆ ค่ะ เพราะทุกเมนูถูกรังสรรค์ด้วยคอนเซ็ปต์โมเดิร์นอเมริกันที่มีกลิ่นอายฝรั่งเศสปนอยู่ โดยใช้วัตถุดิบแบบไทยๆ จากเชฟมากประสบการณ์อย่าง เชฟ Autumn McTaggart แถมยังมีเมนูสำหรับเด็กอีก 6-7 เมนูให้เลือกค่ะ เมนูผู้ใหญ่จะราคาราวๆ 200 – 1,xxx ต่อจาน สวนเมนูเด็กจะร้อยต้นๆ ไม่เกิน 200 บาทค่ะ
Egg benedict นุ่มนวลชวนฝันมากค่ะ ^^
จานนี้ส่วนตัวว่าแปลก... คือวาฟเฟิลก็อร่อย เป็ดก็อร่อย แต่ขอทานแบบแยกกันดีกว่าค่ะ
เมนูเด็กสั่งมา 2 อย่าง คือ mac & cheese และ fish & chip ค่ะ
เป็ดเค้าอร่อยจริงๆ ค่า 5555+
ก่อนกลับแวะซื้อขนมเค้กกลับไปฝากที่บ้านค่ะ โดยรวมโอเคค่ะ แต่ที่ปลื้มมากๆ เห็นจะเป็น New York Cheesecake & Rum Pineapple ได้รสชาติของชีสเต็มๆ ไม่น่าเชื่อว่าชีสกับมะพร้าวและชิ้นสับปะรดเชื่อมเหล้ารัม จะเข้ากันได้ดีขนาดนี้ (ไม่มีภาพประกอบนะคะ)'
บรรยากาศรอบๆ ค่ะ...
พนักงานที่นี่ใจดีฝุดๆ เห็นคุณแม่มีเด็กเล็กมาด้วย รีบเข้ามาสอบถามว่าจะให้อาหารน้องหงษ์มั้ย!!?? (ไม่คิดเงินค่าอาหารหงษ์ด้วยค่ะ)
นอกจากหงษ์ก็ยังมีนกยูงสีขาวด้วยค่ะ
น้องกระต่ายก็มา...
สวนสวยร่มรื่นมากค่ะ
ช่วงฮาโลวีนก็มีการตกแต่งบรรยากาศตามธีมค่ะ
**จบค่า**