สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวการไปเที่ยวภูกระดึง เราไปมา เมื่อวันที่ 23-25 ต.ค. 58 เป็น 3 วัน 2 คืน ที่น่าจดจำ โรแมนติก สวีท สนุก มันส์ ครบรสชาติจริงๆ เราไม่เคยเดินป่า หรือเที่ยวแนวธรรมชาติมาก่อนเลย แต่ได้มาเที่ยวแล้วติดใจกับความสวยงาม ความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้สัมผัสกับเมฆ หมอก อากาศบริสุทธิ์
เริ่มกันเลยดีกว่า..... ช่วงที่เราไปเป็นหน้าเทศกาลวันหยุดยาวพอดี
การเดินทาง เราจองตั๋วรถทัวร์ของแอร์เมืองเลย VIP 32 ที่นั่ง เดินทางในคืนวันที่ 22 เพื่อให้ไปถึงเช้าวันที่ 23 ที่หมอชิตคนเยอะมากๆ เราจองตั๋วเที่ยว 19.30 น. ตอนขึ้นรถก็บอกกับเค้าเลยว่า ลงผานกเค้า พอถึงที่เค้าก็จะปลุกเรา ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายมาที่ภูกระดึง เรามาถึงผานกเค้า ตอน ตี 4.00 น. กำลังงัวเงีย แต่ก็เจอเพื่อนร่วมทางลงที่เดียวกันและลงไปล้างหน้าล้างตา ที่ร้านเจ๊กิม ซี่งเปิดแต่เช้าเลย เราไม่กล้าจองตั๋วกลับล่วงหน้า เพราะกลัวตอนกลับยังลงมาไม่ถึงเลยมาจองตั๋วกลับได้ที่ร้านเจ๊กิมนี่แหละ เป็นร้านที่ one stop service จริงๆ
ตี 5 เริ่มออกเดินทาง การเดินทางจากร้านเจ๊กิมไปยังตีนภูกระดึงนั้น ก็ไปโดยการนั่งรถสองแถว ซึ่งจะมาจอดรอ อยู่แถวๆร้านเจ๊กิม เหมาคันละ 300 บาท ถ้าไปกันไม่กี่คนรอเกาะกลุ่มไปหารค่ารถกันกับเพื่อนร่วมทางข้างหน้า ก็จะประหยัด =)
ถึงแล้วตีนภูกระดึง รู้สึกตื่นเต้น ลุ้นมาก เพราะเราจองเต็นท์ และพื้นที่เช่าเต็นท์ในเว็บไซต์ไม่ทัน ในระบบบอกว่าเต็ม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ต้องกลัว ขึ้นไปมีที่นอนแน่นอน พื้นที่เยอะ เต้นท์เยอะ มาจ่ายค่าพื้นที่เช่าเต้นท์ และค่าเข้าอุทยานก่อน (ถึงยังไงก็ยังกลัว ขึ้นไปไม่มีที่นอนอยู่ดี แต่เจ้าหน้าที่ก็รับประกัน ค่อยโล่งใจหน่อย)
จัดการเรื่องลูกหาบให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ที่นี่มีการจัดระบบเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวว่าของจะหาย กระเป๋าของเราถึงบนภูกระดึงแน่นอน ลูกหาบคิดน้ำหนัก กก.ละ 30 บาท
เวลา 7.00 น. เริ่มออกเดินทางขึ้นสู่ยอดภูกระดึง อากาศดีมาก สดชื่น เย็นๆ ทุกคนพลังเต็มร้อย แวะถ่ายรูปก่อนขึ้นสักหน่อย

ระหว่างทางเดินขึ้น ก็จะเห็นลูกหาบที่แบกของ ดูแล้วหนักมาก (ไปลองแอบแบก แค่ยกยังยกไม่ขึ้น ><")

ระหว่างทางเดินขึ้น มีหมอกจางๆ อากาศเย็นสบายๆ

หนทางการเดินช่างยาวไกลจริงๆ เหนือยก็พักไปเรื่อยๆ ตามทางจะมีโขดหิน ท่อนไม้ ให้เราได้นั่งพักเหนื่อย เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามระหว่างทางที่ไม่เคยเห็น จะมีซำแต่ละซำให้เราได้พักผ่อน มีอาหาร มีเครื่องดื่มขาย แต่ราคาก็สูงขึ้นนิดนึง ยอมให้เค้าเถอะ กว่าจะแบกหว่าจะขนขึ้นมาได้ ไม่ใช่ง่ายๆ
ระหว่างทาง ก็แวะถ่ายรูป ไปเรื่อยๆ
ระหว่างทาง ก็จะมีเพื่อนร่วมทาง คอยทักทายกันไป ไหวไหม อีกนิดเดียว พี่มาหลายหรอบแล้ว พี่มารอบที่ 4 แล้ว แต่ละคนอัธยาศัยดีมาก
เราเจอคุณป้าคนหนึ่ง ป้าเขาสะพายกระเป๋าเป้ ถือถุงใส่ใบกระเพรา คุยไปคุยมา ป้าเค้ามีร้านขายข้าวอยู่บนภูกระดึง ชื่อร้านสุขสันต์ เราก็เดินเจอกับป้าเค้าไปตลอดทาง ป้าเดินแซงเราบ้าง เราเดินแซงป้าบ้าง และป้าก็ชอบบอกว่า อีก 3 บันไดก็จะถึงแล้ว (ป้ามักจะหลอกให้ตายใจเสมอ 555)
ถึงแล้ว...บนยอดภูกระดึง คนรอถ่ายรูปเยอะมาก ต้องต่อแถวรอถ่ายรูป แต่ยังไม่ถึงที่พัก ต้องเดินต่อเข้าไปอีก เป็นทางราบ เดินสบายๆ
ก่อนจะเดินต่อ ก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยละกัน
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางต่อ ไปยังที่พัก
ถึงแล้ว... ที่พัก เต้นท์มากมาย (ต้องติดต่อเจ้าที่เรื่องขอเช่าเต้นท์ เครื่องนอนให้เรียบร้อนก่อน แล้วก็เดินหาเต็นท์ที่ว่าง อย่างพักส่วนไหน เลือกเอาเองเลย แต่ในวันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะมากๆ เจ้าหน้าที่ก็ดีสุดๆ มากางเต้นท์เพิ่ม ใครกางเต้นท์ไม่เป็นก็มาช่วย ประทับใจค่ะ)
เจอเจ้าถิ่น น่ารักมากไม่กลัวคนด้วย
ตอนที่เรามาถึงเหมือนว่าฝนจะตก ท้องฟ้าครึ้มๆ และก็เป็นอย่างที่คิด ฝนตกจ้า า าาาา เลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตก นอนพักอยู่ในเต้นท์ อากาศดีมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวตอนฝนตก คือ ทาก !!!
วันที่ 2
เรารีบตื่นกันแต่ตี 5 เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นำทางเราไป (ต้องเตรียมไฟฉาย กับเมมกล้องให้พร้อม) ระหว่างทางที่เดินไปนั้นมืดมาก และเมื่อมาถึงผานกแอ่นก็ต้องจับจองหาที่กันเพื่อที่จะได้มุมสวยๆ นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น (ในใจก็ลุ้นกลัวว่าจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเหมือนฝนทำท่าจะตก ><" ) แต่ไม่นานเกินรอ ก็มีลูกกลมๆ เหมือนไข่แดงลอยขึ้นมาเหนือก้อนเมฆ สะกดสายตาของนักท่องเที่ยว
หลังจากที่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ เราก็ซื้อกาแฟร้อน เพื่อที่จะได้คลายความหนาว แต่ !!! กาแฟไม่ร้อนเลย อาจจะเป็นเพราะอากาศข้างบนนั้นหนาว (ถ้าไม่รีบ รอดูทะเลหมอกก่อน เค้าบอกว่าสวยมากๆเลย เราไม่ได้รอดูน่าเสียดายจริงๆ ครั้งหน้าต้องไปดูใหม่

)
ระหว่างทางที่เดินกลับ เหมือนว่ากำลังเดินผ่านเมฆหมอก แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
[CR] ภูกระดึง ตรึงใจ 23-25 ต.ค.58
เริ่มกันเลยดีกว่า..... ช่วงที่เราไปเป็นหน้าเทศกาลวันหยุดยาวพอดี
การเดินทาง เราจองตั๋วรถทัวร์ของแอร์เมืองเลย VIP 32 ที่นั่ง เดินทางในคืนวันที่ 22 เพื่อให้ไปถึงเช้าวันที่ 23 ที่หมอชิตคนเยอะมากๆ เราจองตั๋วเที่ยว 19.30 น. ตอนขึ้นรถก็บอกกับเค้าเลยว่า ลงผานกเค้า พอถึงที่เค้าก็จะปลุกเรา ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายมาที่ภูกระดึง เรามาถึงผานกเค้า ตอน ตี 4.00 น. กำลังงัวเงีย แต่ก็เจอเพื่อนร่วมทางลงที่เดียวกันและลงไปล้างหน้าล้างตา ที่ร้านเจ๊กิม ซี่งเปิดแต่เช้าเลย เราไม่กล้าจองตั๋วกลับล่วงหน้า เพราะกลัวตอนกลับยังลงมาไม่ถึงเลยมาจองตั๋วกลับได้ที่ร้านเจ๊กิมนี่แหละ เป็นร้านที่ one stop service จริงๆ
ตี 5 เริ่มออกเดินทาง การเดินทางจากร้านเจ๊กิมไปยังตีนภูกระดึงนั้น ก็ไปโดยการนั่งรถสองแถว ซึ่งจะมาจอดรอ อยู่แถวๆร้านเจ๊กิม เหมาคันละ 300 บาท ถ้าไปกันไม่กี่คนรอเกาะกลุ่มไปหารค่ารถกันกับเพื่อนร่วมทางข้างหน้า ก็จะประหยัด =)
ถึงแล้วตีนภูกระดึง รู้สึกตื่นเต้น ลุ้นมาก เพราะเราจองเต็นท์ และพื้นที่เช่าเต็นท์ในเว็บไซต์ไม่ทัน ในระบบบอกว่าเต็ม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ต้องกลัว ขึ้นไปมีที่นอนแน่นอน พื้นที่เยอะ เต้นท์เยอะ มาจ่ายค่าพื้นที่เช่าเต้นท์ และค่าเข้าอุทยานก่อน (ถึงยังไงก็ยังกลัว ขึ้นไปไม่มีที่นอนอยู่ดี แต่เจ้าหน้าที่ก็รับประกัน ค่อยโล่งใจหน่อย)
จัดการเรื่องลูกหาบให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ที่นี่มีการจัดระบบเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวว่าของจะหาย กระเป๋าของเราถึงบนภูกระดึงแน่นอน ลูกหาบคิดน้ำหนัก กก.ละ 30 บาท
เวลา 7.00 น. เริ่มออกเดินทางขึ้นสู่ยอดภูกระดึง อากาศดีมาก สดชื่น เย็นๆ ทุกคนพลังเต็มร้อย แวะถ่ายรูปก่อนขึ้นสักหน่อย
ระหว่างทางเดินขึ้น ก็จะเห็นลูกหาบที่แบกของ ดูแล้วหนักมาก (ไปลองแอบแบก แค่ยกยังยกไม่ขึ้น ><")
ระหว่างทางเดินขึ้น มีหมอกจางๆ อากาศเย็นสบายๆ
หนทางการเดินช่างยาวไกลจริงๆ เหนือยก็พักไปเรื่อยๆ ตามทางจะมีโขดหิน ท่อนไม้ ให้เราได้นั่งพักเหนื่อย เดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามระหว่างทางที่ไม่เคยเห็น จะมีซำแต่ละซำให้เราได้พักผ่อน มีอาหาร มีเครื่องดื่มขาย แต่ราคาก็สูงขึ้นนิดนึง ยอมให้เค้าเถอะ กว่าจะแบกหว่าจะขนขึ้นมาได้ ไม่ใช่ง่ายๆ
ระหว่างทาง ก็แวะถ่ายรูป ไปเรื่อยๆ
ระหว่างทาง ก็จะมีเพื่อนร่วมทาง คอยทักทายกันไป ไหวไหม อีกนิดเดียว พี่มาหลายหรอบแล้ว พี่มารอบที่ 4 แล้ว แต่ละคนอัธยาศัยดีมาก
เราเจอคุณป้าคนหนึ่ง ป้าเขาสะพายกระเป๋าเป้ ถือถุงใส่ใบกระเพรา คุยไปคุยมา ป้าเค้ามีร้านขายข้าวอยู่บนภูกระดึง ชื่อร้านสุขสันต์ เราก็เดินเจอกับป้าเค้าไปตลอดทาง ป้าเดินแซงเราบ้าง เราเดินแซงป้าบ้าง และป้าก็ชอบบอกว่า อีก 3 บันไดก็จะถึงแล้ว (ป้ามักจะหลอกให้ตายใจเสมอ 555)
ถึงแล้ว...บนยอดภูกระดึง คนรอถ่ายรูปเยอะมาก ต้องต่อแถวรอถ่ายรูป แต่ยังไม่ถึงที่พัก ต้องเดินต่อเข้าไปอีก เป็นทางราบ เดินสบายๆ
ก่อนจะเดินต่อ ก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยละกัน
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางต่อ ไปยังที่พัก
เจอเจ้าถิ่น น่ารักมากไม่กลัวคนด้วย
วันที่ 2
เรารีบตื่นกันแต่ตี 5 เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นำทางเราไป (ต้องเตรียมไฟฉาย กับเมมกล้องให้พร้อม) ระหว่างทางที่เดินไปนั้นมืดมาก และเมื่อมาถึงผานกแอ่นก็ต้องจับจองหาที่กันเพื่อที่จะได้มุมสวยๆ นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น (ในใจก็ลุ้นกลัวว่าจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเหมือนฝนทำท่าจะตก ><" ) แต่ไม่นานเกินรอ ก็มีลูกกลมๆ เหมือนไข่แดงลอยขึ้นมาเหนือก้อนเมฆ สะกดสายตาของนักท่องเที่ยว
หลังจากที่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ เราก็ซื้อกาแฟร้อน เพื่อที่จะได้คลายความหนาว แต่ !!! กาแฟไม่ร้อนเลย อาจจะเป็นเพราะอากาศข้างบนนั้นหนาว (ถ้าไม่รีบ รอดูทะเลหมอกก่อน เค้าบอกว่าสวยมากๆเลย เราไม่ได้รอดูน่าเสียดายจริงๆ ครั้งหน้าต้องไปดูใหม่
ระหว่างทางที่เดินกลับ เหมือนว่ากำลังเดินผ่านเมฆหมอก แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ