เรื่องของการ
"คดีพรากผู้เยาว์" เกิดขึ้นบ่อยมากในสังคมยุคนี้
บางคดีก็ไม่ยุติธรรมแก่เด็กหนุ่มเหลือเกิน ทั้งที่เด็กสาวเป็นคนมาหาเองหรือยินยอม
แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอมเด็กหนุ่มก็ผิด ต่อให้อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม
"พราก" หมายถึง จากไป พาเอาไปเสียจาก แยกออกจากกัน เอาออกจากกัน
"ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์หรือเมื่อทำการสมรส
ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา
ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15 จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 5-20 ปี ปรับ 10,000-40,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 318 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15-18
ไม่เต็มใจ จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 319 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
พรากเด็กอายุ 15-18
เต็มใจ จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
แต่หลายกรณีที่ผ่านมาที่เห็นในอินเตอร์เน็ตคนมาแจ้งทุกข์กัน
เจอคดีที่ว่าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงสมยอมกันแต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เรียกค่าเสียหายหลายแสนหลายบาท
คดีที่ว่านี้บางครั้งไม่ยุติธรรมกับฝ่ายชายเหมือนกัน ถึงฝ่ายหญิงเสียหายก็จริงแต่เกิดจากการสมยอมกันทั้งคู่
ไม่น่าจะเอามาฟ้องร้องขูดไถ่เอาเงินกัน ถ้าฝ่ายชายผิดจริงก็ว่าไปตามผิด แต่ถ้าฝ่ายหญิงเป็นฝั่งยอมและมาหาเอง
ผู้ปกครองฝ่ายหญิงก็ไม่น่าจะร้องทุกข์เอาเงินหรือแจ้งทำลายอนาคตเด็กโดยการติดคุกติดตาราง
คิดเห็นอย่างไรกับกรณีนี้กันครับ
ญและชได้คุยกันสมยอมมีอะไรกันทั้งคู่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ
พ่อฝ่ายญแจ้งความร้องเอาค่าเสียหายกับฝ่ายช ทั้งที่ญเป็นฝ่ายเต็มใจและยินยอมกับชเอง
พ่อแม่ฝ่ายช ก็ต่อลองโดยการให้พ่อฝ่ายญลดค่าเสียหายลงมาหน่อย พ่อฝ่ายญไม่ยอมจะเรียกร้องเงินแสน
ถ้าไม่จ่าย ช ก็ต้องติดคุก เสียอนาคตต่างๆนาๆ พ่อแม่ฝ่ายช จึงยอม แต่กรณีอย่างนี้เกิดซ้ำจากญและพ่อฝ่ายญ ผู้ชายหลายคนที่ได้สมยอมมีอะไรกับญ ต่างโดนพ่อฝ่ายญแจ้งความเรียกเงินหลายต่อหลายคน เหมือนอย่างกับวางแผนกันมาขายลูกสาวตัวเอง ลูกสาวเป็นเหยื่อ และ ผู้เป็นพ่อเป็นโจร รอถึงเวลาก็ขูดรีดไถ่เงิน อย่างนี้เรียกอาชญากรรมหรือเปล่าครับ? แล้วมีทางสู้คดีได้ไหม?
*เตือนเด็กผู้ชายสมัยนี้ก่อนทำไรคิดให้ดีก่อน
**ถ้าพิมไม่ถูกหรือพิมงงหรืออ่านยากขออภัยนะครับ เรียงไม่ค่อยเก่ง ขอความคิดเห็นกันหน่อยครับ
ใส่แท๊กผิดหรือไม่ตรงกับเนื้อหาขออภัยอีกรอบนะครับ
เคดิตกฎหมาย >
http://maeping.chiangmai.police.go.th/lawmon1.html
คุณพ่อขายหนูหรือนี่คือครอบครัวอาชญากรรม
บางคดีก็ไม่ยุติธรรมแก่เด็กหนุ่มเหลือเกิน ทั้งที่เด็กสาวเป็นคนมาหาเองหรือยินยอม
แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอมเด็กหนุ่มก็ผิด ต่อให้อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม
"พราก" หมายถึง จากไป พาเอาไปเสียจาก แยกออกจากกัน เอาออกจากกัน
"ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์หรือเมื่อทำการสมรส
ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา
ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15 จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 5-20 ปี ปรับ 10,000-40,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
พรากเด็กอายุ 15-18 ไม่เต็มใจ จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
ถ้าหากำไรหรืออนาจาร จำคุก 3-5 ปี ปรับ 6,000-30,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 บัญญัติว่า
ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
พรากเด็กอายุ 15-18 เต็มใจ จำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท
แต่หลายกรณีที่ผ่านมาที่เห็นในอินเตอร์เน็ตคนมาแจ้งทุกข์กัน
เจอคดีที่ว่าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงสมยอมกันแต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เรียกค่าเสียหายหลายแสนหลายบาท
คดีที่ว่านี้บางครั้งไม่ยุติธรรมกับฝ่ายชายเหมือนกัน ถึงฝ่ายหญิงเสียหายก็จริงแต่เกิดจากการสมยอมกันทั้งคู่
ไม่น่าจะเอามาฟ้องร้องขูดไถ่เอาเงินกัน ถ้าฝ่ายชายผิดจริงก็ว่าไปตามผิด แต่ถ้าฝ่ายหญิงเป็นฝั่งยอมและมาหาเอง
ผู้ปกครองฝ่ายหญิงก็ไม่น่าจะร้องทุกข์เอาเงินหรือแจ้งทำลายอนาคตเด็กโดยการติดคุกติดตาราง
คิดเห็นอย่างไรกับกรณีนี้กันครับ
ญและชได้คุยกันสมยอมมีอะไรกันทั้งคู่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ
พ่อฝ่ายญแจ้งความร้องเอาค่าเสียหายกับฝ่ายช ทั้งที่ญเป็นฝ่ายเต็มใจและยินยอมกับชเอง
พ่อแม่ฝ่ายช ก็ต่อลองโดยการให้พ่อฝ่ายญลดค่าเสียหายลงมาหน่อย พ่อฝ่ายญไม่ยอมจะเรียกร้องเงินแสน
ถ้าไม่จ่าย ช ก็ต้องติดคุก เสียอนาคตต่างๆนาๆ พ่อแม่ฝ่ายช จึงยอม แต่กรณีอย่างนี้เกิดซ้ำจากญและพ่อฝ่ายญ ผู้ชายหลายคนที่ได้สมยอมมีอะไรกับญ ต่างโดนพ่อฝ่ายญแจ้งความเรียกเงินหลายต่อหลายคน เหมือนอย่างกับวางแผนกันมาขายลูกสาวตัวเอง ลูกสาวเป็นเหยื่อ และ ผู้เป็นพ่อเป็นโจร รอถึงเวลาก็ขูดรีดไถ่เงิน อย่างนี้เรียกอาชญากรรมหรือเปล่าครับ? แล้วมีทางสู้คดีได้ไหม?
*เตือนเด็กผู้ชายสมัยนี้ก่อนทำไรคิดให้ดีก่อน
**ถ้าพิมไม่ถูกหรือพิมงงหรืออ่านยากขออภัยนะครับ เรียงไม่ค่อยเก่ง ขอความคิดเห็นกันหน่อยครับ
ใส่แท๊กผิดหรือไม่ตรงกับเนื้อหาขออภัยอีกรอบนะครับ
เคดิตกฎหมาย >http://maeping.chiangmai.police.go.th/lawmon1.html