Grass Tone Sound Music Festival 4 - เทศกาลดนตรีอินดี้พงไพร DAY 1 (รีวิว)



“ยินดีต้อนรับสู่ Grass Tone Sound Music Festival! เทศกาลดนตรีที่รวมวง Indy / Underground มากฝีมือของเมืองไทยเอาไว้อย่างเยอะ!  สองวันสองคืนกับบรรยายดนตรีท่ามกลางธรรมชาติ  ประหนึ่งกองคาราวานยิบซียุคบุพผาชน 70s!”

ไอ้ที่พูดมาข้างบนนั่น เกือบจะได้ลบมันทิ้งไปแล้วก็ตอนที่ขับรถถึงทางเข้าไปยังงาน  จากถนนใหญ่ปักธงชัย-กบินบุรีย์ สิ่งที่มาต้อนรับคือถนนมืดๆความยาวกว่า 4 กิโลเมตร!  เป็นถนนที่ไม่มีไฟเลยสักดวงตลอดเส้นทาง เรียกว่าแค่ทางเข้านี่ถ้าฟังเดอะช็อคอยู่ไม่กล้าเข้าแน่นอน

แต่ไหนๆก็มาแล้ว  แข็งใจขับไปสักหน่อยละกัน (วะ!)

หลังกลั้นใจขับมา  ในที่สุด เมื่อแสงไฟและเสียงดนตรีดังแว่วเข้ามาในรถ  โอ้!  มาถูกทางแล้ว!  เพราะงั้น  พูดอีกทีได้แล้วว่า

“ยินดีต้อนรับสู่ Grass Tone Sound Music Festival!  เทศกาลดนตรีที่รวมวง Indy / Underground มากฝีมือของเมืองไทยเอาไว้อย่างเยอะ!  สองวันสองคืนกับบรรยายดนตรีท่ามกลางธรรมชาติ  ประหนึ่งกองคาราวานยิบซียุคบุพผาชน 70s!”



งาน Grass Tone Sound  Music Festival ครั้งที่ 4 นี้จัดขึ้นที่สนามแข่งรถโกคาร์ท แถวๆอ่างเก็บน้ำห้วยยาง ห่างจากตัวเมืองโคราชราวๆ 20 กิโลเมตร เกือบจะถึง อ.ปักธงชัย หลังแลกบัตรเข้างาน (วันเดียว 600 บาท แต่ถ้าควบสองวันก็แค่ 1000 บาท จากราคาเต็ม 1500)

จากทีเห็น งานครั้งนี้มีอยู่ 3 เวที คือเวทีหน้า (คักแท้ ภาษาโคราช หมายถึง สุดยอด) นายฮ้อย (พ่อค้า หรือพ่อค้าวัว) แล้วก็ ซอดแจ้ง (โต้รุ่ง โดยเวทีนี้ยังไม่มีวงเล่นในวันศุกร์) + 1 DJ BOOTH ที่เปิดเพลงพร้อมให้เมาปลิ้นกันยันสว่าง โดยแต่ละที่แต่ละเวทีมีพื้นที่และห่างพอสมควร ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงตีกัน (แต่ไม่ได้บอกว่าเสียงจะดีนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)



ด้วยไม่อยากเสียเวลามาก (เพราะตอนนั้นทุ่มครึ่งแล้ว) เริ่มงานเลยจากเวทีที่ใกล้ที่สุดคือ "คักแท้" ซึ่งวง Postrait กำลังเล่นอยู่ ดนตรีป๊อบร็อคฟังสบายแต่ไม่นุ่มนิ่ม ซึ่งที่ดึงดูดที่สุดก็คือเสียงหวานๆของนักร้องนำสาวน้อยน่ารัก (ชื่อนาเดีย น่ารักมาก!!) จากแรกๆที่คนดูไม่กี่สิบคน มาตอนใกล้จบนี่มากันเต็ม ซึ่งนอกจากเพลงของตัวเองแล้ว ยังมีโคฟเว่อร์เพลงตาสว่างของคณะหมาทันสมัยด้วย เล่นเอาจบชุดนี้ ต้องรีบไปอุดหนุนผลงานเลยทีเดียว



จบชุดของ Postrait ระหว่างที่ Ugly Mountain กำลังเซ็ตเครื่อง มีเวลาเลยแอบไปดูเวทีใหญ่นายฮ้อยสักหน่อย มีวงกำลังเล่นอยู่ ออกแนวกรันจ์ดิบๆดี แต่วงเล่นจบเพลงไม่พูดอะไรเลย ก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างเดียว คนดูเลยดูกันนิ่งๆ ปล่อยวงมันกันเองไป



กลับมาทีคักแท้  Ugly Mountain พร้อมแล้ว (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวงนี้เป็นอีกวงของจีน มหาสมุทร ...เพิ่งเคยเห็นหน้าพี่แกก็วันนี้แหละ XD ) ดนตรีไซคีเดอริคบวกกับร้องแบบเล่าเรื่องงึมๆงำๆตามสไตล์พี่แก เล่นเอาซะเมาเลย รู้สึกเหมือนมีควันบ้องลอยมาเลยทีเดียว (หรือมีใครแอบสูบก็ไม่รู้) คนที่เด่นที่สุดคงเป็นมือแบนโจ / ไวโอลินของวงนี่แหละ เพิ่มความเยิ้มและมึนของวงได้ชะงัดนัก



จบจากพี่จีน ก็มาถึง We Are Imaginary อิมพอร์ตจากฟิลิปปินส์ ซึ่งตอนซาวด์เช็คดูน่าสนใจ แต่พอเล่นจริงๆแล้วธรรมดามาก เป็นป็อบร็อคที่ตลาดๆ คือ....จะว่าวงเล่นไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่มันเหมือนเคยฟังเพลงแบบนี้มาเยอะแล้ว วงเองก็พยายามบิวต์ให้คนลุกขึ้นมาสนุกกันแล้ว แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อ่ะ (เดินออกตอนวงเล่นเพลงสุดท้าย ไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เดินดูรอบๆงานดีกว่า ของกินเยอะดีเหมือนกัน+อร่อยด้วย)



เดินรอบงานหาของกินแล้วก็แวะไปบู๊ตของ Postrait (หาไม่ยาก เพราะมีอยู่วงเดียวที่มาตั้งบู๊ต) ตอนกำลังอุดหนุนแผ่นก็ได้ยินเสียงจากทางนายฮ้อย คุ้นๆหูรีบวิ่งไปดู เฮ้ย! สิริพร ไฟกิ่ง นี่หว่า! ทำไมเล่นเวลานี้วะ! จนมาดูตารางเวลาก็เข้าใจ สองเวทีมันเลทไม่เท่ากัน! (คือ เลททั้งคู่ แต่ดันเลทเหลื่อมกัน) จนสุดท้ายฟังได้สามเพลงก็หมดชุด พลาดไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

อ้อ สิริพร ไฟกิ่ง นี่ ชื่อเหมือนหมอลำ แต่เป็นโพสต์ร็อคนะ เล่นสดมันซะจนสาวกแถวหน้าโยกกันคอแทบหลุด



จบจากสิริพรก็มาถึงไฮไลต์ของงาน  ตัวเด็ดตัวโดนที่วันนี้บอกเลยนี่คือเป้าหมายของการมา “กราสโทน 4” นี้ เดอะ กิ๊งฮ์ (The Ginkz) ของแท้ “ฮ์” กับดนตรีที่แทบบอกไม่ได้ว่ามันแนวอะไร  รู้แต่ว่าแค่ขึ้นเพลงแรกก็ยับแล้ว จ๊อบเดโม่ เราคือโคบาล! (ตอนตะโกน “คาวระใครวะ! นี่วงยื่นไมค์ให้ด้วยเพราะรู้ว่าร้องได้ โคตรประทับใจ 555+) ตามด้วยเพลงใหม่ (น่าจะชื่อ ปีกที่พัง) เอกรักจอย , ปลิงดอง และจบด้วย โน๊ตที่ใช่ในวันที่ช้ำ (ตอนแรกวงจะไม่เล่นเพราะกีตาร์เสียงไม่ออก แต่สุดท้ายก็ปรับจนเล่นได้)

จ๊อบณิซ์ทิค์สมุสช์โคร์บาล จ๊อบณิซ์ทิค์สมุสช์โคร์บาล จ๊อบณิซ์ทิค์สมุสช์โคร์บาล (หลอนหูมาจนถึงตอนนี้เลย 5555+)

ตลอดชุดของเดอะ กิ๊งฮ์ คือความนัวคักๆของแฟนเพลง  ข้างหน้านี่มาเต็มทั้งมอซ เซิร์ฟ แท็ก  และเซิ้ง (จริงๆนะ) มันส์จัดจนนักร้องแกต้องลงมาแจมด้วยความเมามันส์  อีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือวงเล่นสดต่างจากในสตูดิโอเยอะมาก มันกว่ากันเยอะโคตรๆ   น่าเสียดายที่วงเสียเวลาซาวด์เช็คนาน จนจบเซ็ตแค่ 5 เพลงเท่านั้น ท่ามกลางเสียดายของแฟนๆ (เยอะเอาเรื่องนะเออ) แถมตะโกนเรียก เดอะ กิ๊งฮ์ ๆๆๆ ตลอดเลยทีเดียว (ของแท้ต้องมี ฮ์ ย้ำอีกครั้ง 555+)



หลังจบชุดเดอะ กิ๊งฮ์ ด้วยความที่ตารางงานมันเลทไปมาก ทำให้ตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนเต็มที เวลาเหลือไม่มากแล้ว รีบกลับ (ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหวแน่) เลยต้องทิ้งท้ายกับวงสุดท้ายที่นายฮ้อยอย่าง BOBKAT สองสาวร็อคแอนด์โรลที่เล่นได้โคตรมัน (ทั้งที่มีแค่ 2 ชิ้น) ข้างหน้านี่มันมาก โดยเฉพาะตามือกลอง We are imaginary นี่ดูจะชอบสุดๆ โยกหัวทำแอร์กีตาร์ตลอดเลย (ติดใจเหมือนกัน จนต้องอุดหนุนแผ่นซิงเกิลที่วงเอามาขายด้วย)

โดยรวมแล้ว  จากที่ได้ไปดูงานมา 1 วัน (วันเสาร์ไม่ได้ไปดูพี่ฮิวโก้เลย ติดงาน) งาน Grass ธone Sound Music Festival ถือเป็นงานเล็กๆที่สนุกนะ  บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่แออัดยัดเยียด  เหมือนมาเที่ยวพักผ่อน อารมณ์เฟสติวัลเมืองนอกนี่ได้เลย  แต่กระนั้นข้อเสียใหญ่ๆเลย  นอกจากเรื่องทางเข้าที่เกือบหาไม่เจอแล้ว  ยังมีเรื่องซาวด์ที่ระทมมาก  แทบทุกวงเจอปัญหาเรื่องเสียงไม่ออก ไมค์ดับ ซาวด์บวม หอน โดยเฉพาะเดอะ กิ๊งฮ์ ที่มีกัน 7 ชิ้นนี่นรกสุดแล้ว ซาวด์แทบฟังไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งมารู้ทีหลังจากออฟกับจุก มือแซมเปิลกับมือเบสของวงที่มีโอกาสได้คุยหลังจบชุด BOBKAT ว่าวงไม่ได้ซาวด์เช็คเลย ขนาดว่าวงมาตรงเวลาแต่ทีมงานไม่ให้ทำซาวด์เช็ก  สังเกตุจากน้ำเสียงแล้ว ดูท่าแกจะเสียอารมณ์มากทีเดียวเรื่องนี้ ถ้าปรับปรุงเรื่องนี้ได้ รับรองเลยว่าเทศกาลนี้ต้องเป็นเทศกาลอินดี้ที่เจ๋งที่สุดแน่นอน    

ทั้งหมดคือเรื่องเล่าจาก Grasstone Sound Music Festival ครั้งนี้  ที่ได้ไปสัมผัสมาครึ่งนึง

ปีหน้าลองดูใหม่ละกันว่าจะเป็นยังไง  ถ้าไม่ติดอะไรอีกอ่ะนะ หัวเราะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่