สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
. อ่าน ข้อมูล ของ จขกท แล้ว รู้สึกเศร้า พอสมควร
หนี้ ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ เกิดจาก คุณแม่ เป็นคนก่อขึ้น ทำตัวเป็นคนใจใหญ่ แต่ขาดความรับผิดชอบที่จะชดใช้หนี้ แต่กลับโยนภาระหนี้ มาให้ จขกท รับภาระแทน
ส่วนหนี้ ของ คุณพ่อ ที่ กู้มา เพื่อประโยชน์ ให้น้องได้มีโอกาส ได้เรียนต่อ มหาลัย ถือเป็นหนี้ ที่ดี ที่ ควรจะให้น้อง รับภาระ แทนเมื่อเรียนจบนะครับ ส่วน จขกท จะยินดี ร่วมรับภาระ ด้วยก็เป็นสิ่งที่ดี นะครับ
วิธีบริหารเงินเดือน และบริหารหนี้ : ------
ถ้า จขกท มีรายได้ ประมาณ 21,000 บาทต่อเดือน หลังหัก ค่าประกันสังคมและค่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะเหลือประมาณ 19,000 บาท
แนะนำให้ จขกท บริหารเงินดังนี้ ใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 9,000 บาท กันเงินเก็บออมสะสมส่วนตัวไว้ 2,000 บาท (เงินเก็บก้อนนี้อย่าบอกให้ คุณพ่อและคุณแม่ทราบนะครับ ให้เก็บเงียบ ๆ ไว้นะ ) เหลืออีก 8,000 บาท ให้พ่อนำไปชำระหนี้ แค่ 4,000 บาท ให้แม่ ไปชำระหนี้ แค่ 4,000 บาท ถ้าคุณแม่ โวยวาย ว่า ได้เงินมาไม่พอชำระหนี้ จขกท ก็ต้องบีบ ให้คุณแม่ ไปบังคับให้ คุณลุง และพี่ชายต่างพ่อ ช่วยกันรับภาระ เรื่องหนี้ ด้วย ถ้าไม่ทำอย่างนี้ จขกท ก็จะต้องรับกรรมไปอีกนาน นะครับ
ส่วนของ จขกท เมื่อมีเงินใช้จ่ายเดือนละ 9,000 บาท ก็พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด หากมีเงินเหลือหลังใช้ ก็พยายามเก็บ สมทบเข้าไปไว้กับเงินเก็บ ส่วนตัว ให้มียอดออมเก็บ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะ ครับ ถ้าวันเสาร์ วันอาทิตย์ พอ มีเวลา ก็พยายามหางาน พิเศษ ทำบ้างนะครับ จะได้มีเงินเก็บ ได้มากขึ้น งานพิเศษ อาจจะเป็นงานพาร์ไทม์ หรือ รับจ้างสอนหนังสือ ก็ได้นะครับ
ขอแนะนำเพียงแค่นี้ นะครับ หวังว่า จขกท จะได้ มีแง่คิด และ วางแผน ชีวิต ได้ ดีขึ้นนะครับ ขอเพียงแค่อย่าท้อแท้ นะครับ ทุกปัญหา มีทางออกเสมอ นะครับ ถ้าเรารู้จักแสวงหาโอกาส ให้กับตนเอง นะครับ ขอให้โชคดีนะครับ
หนี้ ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ เกิดจาก คุณแม่ เป็นคนก่อขึ้น ทำตัวเป็นคนใจใหญ่ แต่ขาดความรับผิดชอบที่จะชดใช้หนี้ แต่กลับโยนภาระหนี้ มาให้ จขกท รับภาระแทน
ส่วนหนี้ ของ คุณพ่อ ที่ กู้มา เพื่อประโยชน์ ให้น้องได้มีโอกาส ได้เรียนต่อ มหาลัย ถือเป็นหนี้ ที่ดี ที่ ควรจะให้น้อง รับภาระ แทนเมื่อเรียนจบนะครับ ส่วน จขกท จะยินดี ร่วมรับภาระ ด้วยก็เป็นสิ่งที่ดี นะครับ
วิธีบริหารเงินเดือน และบริหารหนี้ : ------
ถ้า จขกท มีรายได้ ประมาณ 21,000 บาทต่อเดือน หลังหัก ค่าประกันสังคมและค่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะเหลือประมาณ 19,000 บาท
แนะนำให้ จขกท บริหารเงินดังนี้ ใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 9,000 บาท กันเงินเก็บออมสะสมส่วนตัวไว้ 2,000 บาท (เงินเก็บก้อนนี้อย่าบอกให้ คุณพ่อและคุณแม่ทราบนะครับ ให้เก็บเงียบ ๆ ไว้นะ ) เหลืออีก 8,000 บาท ให้พ่อนำไปชำระหนี้ แค่ 4,000 บาท ให้แม่ ไปชำระหนี้ แค่ 4,000 บาท ถ้าคุณแม่ โวยวาย ว่า ได้เงินมาไม่พอชำระหนี้ จขกท ก็ต้องบีบ ให้คุณแม่ ไปบังคับให้ คุณลุง และพี่ชายต่างพ่อ ช่วยกันรับภาระ เรื่องหนี้ ด้วย ถ้าไม่ทำอย่างนี้ จขกท ก็จะต้องรับกรรมไปอีกนาน นะครับ
ส่วนของ จขกท เมื่อมีเงินใช้จ่ายเดือนละ 9,000 บาท ก็พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด หากมีเงินเหลือหลังใช้ ก็พยายามเก็บ สมทบเข้าไปไว้กับเงินเก็บ ส่วนตัว ให้มียอดออมเก็บ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะ ครับ ถ้าวันเสาร์ วันอาทิตย์ พอ มีเวลา ก็พยายามหางาน พิเศษ ทำบ้างนะครับ จะได้มีเงินเก็บ ได้มากขึ้น งานพิเศษ อาจจะเป็นงานพาร์ไทม์ หรือ รับจ้างสอนหนังสือ ก็ได้นะครับ
ขอแนะนำเพียงแค่นี้ นะครับ หวังว่า จขกท จะได้ มีแง่คิด และ วางแผน ชีวิต ได้ ดีขึ้นนะครับ ขอเพียงแค่อย่าท้อแท้ นะครับ ทุกปัญหา มีทางออกเสมอ นะครับ ถ้าเรารู้จักแสวงหาโอกาส ให้กับตนเอง นะครับ ขอให้โชคดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
กลุ้มใจเรื่องแบ่งเงินเดือนให้พ่อแม่ไปใช้หนี้
- แม่ แม่เราหนี้สินเยอะรุงรังมาก หลักแสนปลายๆ เกือบล้าน สะสมมาตั้งแต่พ่อเราไม่ยอมออกทำมาหากิน สมัยเราเรียนประถมยันเรียนมหาลัยจบ มีเจ้าหนี้รายหนึ่งเค้าต้องการทวงเงินแม่จำนวน 60000 บาท ไปไถ่ตัวสามีเค้าที่ติดคุกเพราะค้ายาบ้า เค้ามากดดันแม่เราให้เอาเงินมาให้เค้าให้ได้ แม่ร้องไห้หนัก ไปก่อหนี้เจ้าใหม่อีกรายหนึ่ง เพื่อที่จะเอาหนี้ใหม่ไปโป่ะหนี้เก่า 60000 บาท โดยที่เราไม่รู้เรื่อง สุดท้ายมาบอกให้เรากับน้องสาวไปเซนเค้าประกันไว้เป็นสัญญา พอบอกว่าไม่เอาแม่ร้องไห้แทบเป็นบ้า ไม่กินข้าวกินปลา จนเรากับน้องต้องยอมไปเซนชื่อให้ เลยหาย เราตกลงกับแม่ว่าจะผ่อนหนี้ 60000 บาทนี้ให้หมดเอง ผ่อนเงินต้นเดือนละ 2000 รวมดอก สรุปก็คือจากเดิมให้แม่ 3000 ก็กลายเป็นว่าให้แม่เดือนละประมาณ 7000 บาท โดยเรื่องนี้พ่อไม่รู้ เพราะถ้าพ่อรู้บ้านเราแตกแน่นอน กลัวน้องที่กำลังเรียนอยู่จะหมดกำลังใจเรียน เรา แม่ และน้องเลือกที่จะไม่บอก ตอนนี้ผ่อนเงินต้นไปหมดประมาณเกือบ 30000 แล้ว คาดว่าหนี้ก้อนหนี้จะหมดประมาณกลางปี 2560 ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนหนี้สินก้อนอื่นหลายแสนเราจะผ่อนใช้หลังจากหนี้ก้อนนี้จบ เพราะเราจ่ายไม่ไหว เงินเดือนเรายังน้อยอยู่
- พ่อเราเดิมทำงานซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าเลยหายไปหมด ซื้อสินค้าราคาถูกพอๆกับค่าซ่อมใช้กัน แต่ก็ไม่ยอมทำมาหากินด้วยอาชีพอื่น อยู่ถึง 6-7 ปี ตอนเราขึ้นปีหนึ่งรายได้ครอบครัวเริ่มไม่พอ แม่จะฝากงานให้พ่อ พ่อก็ไม่ยอมไปทำ เพราะอยากทำงานเดิม เลยเกิดทะเลาะกันครั้งใหญ่ บวกกับแม่เอาเงินสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร ไปใช้หนี้ที่ดินให้ลุงและผ่อนรถให้พี่ชายต่างพ่อ ร่วม 800,000 พ่อเลยจำใจต้องออกไปทำงาน และมักเกิดการทะเลาะใหญ่ ขึ้นทุกวัน จนเราแทบไม่เป็นอันเรียน
กลับมาเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน เราเรียนวิศวะ พระจอมเกล้า ผลการเรียนเราแย่มาก จากเด็กเรียนเก่งระดับต้นๆสมัยมัธยม เกรด 3.8-3.9 พอมาเจอมรสุมชีวิต ตอนปีหนึ่ง บางวิชาเราดร็อปเรียน เพราะเรียนไม่ไหว จิตตกบวกกับได้เพื่อนในคณะที่ไม่ดี ชีวิตเราแย่มากสมัยมหาลัย แต่ก็ประคับประคองตัวเองมาได้จนเรียนจบสี่ปี เกรด 2.3 แรกๆหางานยากมาก พ่อเราเค้าคิดว่าหนี้ที่เกิด เป็นเพราะแม่คนเดียว ไม่ยอมปรึกษาผัวและลูก ไปก่อหนี้ทำไม เค้ายืนกรานจะไม่ช่วยแม่เราจ่ายหนี้ทุกบาทอย่างแน่นอน ภาระเลยมาตกกับเราและน้อง แม่เราเองก็ไปบอกกับเจ้าหนี้ว่ารอลูกเรียนจบแล้วจะใช้หนี้ พอลูกจบก็เอาไปโอ้อวดทุกคนและเจ้าหนี้ จนเค้าทวงหนี้หนักขึ้นๆ ไม่ไหว กลับบ้านมาด่าว่าเราว่า ทำไมไม่รีบทำงานไวๆเอาเงินมาใช้หนี้ เราร้องไห้ทุกวันมากช่วงที่ยังว่างงานเพราะทะเลาะกับพ่อแม่บ่อยมาก
พอน้องขึ้นมหาลัย ต้องใช้ค่าเทอมสูงเพราะดันไปเรียนคณะสาขาที่เปิดใหม่ ใช้การรับตรง เพราะแอดมิชชั่นไม่ติดไม่ค่อยตั้งใจเรียน พ่อเลยไปกู้ธนาคารออมสินมา 100000 บาท เพื่อเป็นค่าเทอมน้อง ด้วยความที่ไม่อยากเป็นหนี้ใคร พ่อเรามักจะโวยวายและบ่นให้เราฟังทุกช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ว่าชีวิตเค้าตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ก็ยังไม่สบาย ยังไม่มีบ้าน ยังไม่มีโอกาสรวย เมียก็แย่เป็นแม่หม้ายลูกติดแล้วก่อหนี้ให้ปวดหัวอีก(ซึ่งเราก็รู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่อยากว่าพ่อ) พูดแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่กับเรา จนเราจะเป็นโรคประสาทตาย พอถึงกำหนดเวลาต้องใช้หนี้ที่กู้มา พ่อก็ประชดชีวิตไม่ซื้อข้าวของอะไรเข้ามาบ้านอีกเลย ข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมกิน
บางครั้งของบางอย่างจำเป็น ถ้าเรามีเงินเราก็ซื้อเข้ามา แต่คือพ่อไม่ซื้อของเข้ามาบ้านอีกเลย จขกท. ให้เงินเพิ่มเป็นเดือนละ 4000 บาท เพื่อให้พ่อซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าบ้าน เราไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อเหมือนเค้า พอเอาไปให้พ่อ พ่อบอกว่าไม่ได้ช่วยอะไรพ่อได้เลย ยังไงมันก็ไม่พอ ถ้าให้เดือนละ 5000 ยังพอรับได้ ถ้าได้ 7500 จะดีเลย แต่เราก็ยังยืนยันจะให้แค่เดือนละ 4000 เพราะเราเองก็ไม่ไหว ถ้าให้มาก เราก็คงจะเหลือเงินไว้ใช้ทำงาน ซื้ออาหารกิน และอื่นๆ ประมาณเดือนละ 500 บาทเท่านั้น
ตอนนี้เรารู้สึกว่าถูกกดดันมาก วันๆคิดแต่เรื่องใช้หนี้ๆ เลยไม่ค่อยมีความสุขกับการใช้ชีวิต เหมือนเราเรียนจบมาเพื่อใช้หนี้เท่านั้น เงินเดือนที่หามาได้หมดไปกับการใช้หนี้ของแม่และพ่อเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้เหมือนคนหนุ่มๆคนอื่นเค้าเลย หรือเราควรจะเอาเงินไปให้เพิ่มเท่าที่เค้าจะสบายใจกัน เราใช้เดือนละ 500 ดี ตอนนี้อยากหาอะไรทำเสริมเหมือนกัน รู้สึกเครียดว่าหนี้สินจะหมดเมื่อไหร่ ชีวิตจะได้รุ่งเรืองซะที อยากได้คำแนะนำ