ในการศึกษาอริยสัจ ๔ นี้ จุดสำคุญที่สุดจุดแรกก็คือ ต้องเห็นทุกข์ก่อน ซึ่งการเห็นนี้ก็หมายถึง การที่จิตของเราได้รู้สึกถึงความทุกข์นี้จริงๆ (หรือรู้ซึ้งหรือรู้แจ้งหรือเห็นแจ้งในความทุกข์) ซึ่งการเห็นนี้ก็อาจจะเห็นโดยการพิจารณาถึงความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตของชีวิตเราที่ผ่านมาก็ได้ หรืออาจเห็นจากความทุกข์ที่กำลังเกิดอยู่กับจิตใจของเราจริงๆในขณะนี้ (ปัจจุบัน) ก็ได้
ซึ่งการเห็นทุกข์นี้ก็คือการเห็นภัยหรือสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราและของคนที่เรารัก ซึ่งเมื่อเราเห็นภัยหรือความทุกข์นี้แล้ว เราก็จะเกิดความกลัวในความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต (คือจากความแก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก ผิดหวัง เป็นต้น) ที่จะต้องเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอนในชีวิตของเราในไม่ช้า ซึ่งความกลัวนี้เองที่จะเป็นแรงกระตุ้น (ผลักดัน) ให้เรามาแสวงหาวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ (หรือไม่มีทุกข์ หรือดับทุกข์) ทั้งที่กำลังเกิดอยู่ และจะเกิดขึ้นในอนาคตของชีวิต
สรุปได้ว่า การศึกษาอริยสัจ ๔ จะต้องเริ่มต้นที่การเห็นทุกข์ก่อน คือให้เรามาตั้งในพิจารณาดูที่จิตของเราเองจริงๆ ว่าความทุกข์นั้นมันเป็นอย่างไร มันรู้สึกทรมานจิตใจอย่างไร ซึ่งเราต้องพิจารณาให้มาก (คือพิจารณาอย่างจริงจังอยู่เสมอ) จนจิตเริ่มเกิดความกลัวความทุกข์ที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตของชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งความกลัวทุกข์นี้เองที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้เรามาสนใจที่จะศึกษาอริยสัจ ๔ เพื่อที่จะได้รู้จักวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ที่น่าหวาดกลัวนี้ แต่ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ก่อน เราก็จะไม่เกิดความกลัวความทุกข์ในอนาคตและไม่มีแรงกระตุ้นให้มาศึกษาอริยสัจ ๔ เพื่อแสวงหาวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งก็จะทำให้เราไม่สนใจที่จะศึกษาอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า หรือถึงศึกษาก็ไม่ศึกษาอย่างจริงจัง หรือถึงศึกษาก็ศึกษาผิด เช่น ศึกษาเพื่อเอาความรู้ไปแสวหาชื่อเสียงหรือทรัพย์ หรือเพื่อเอาไว้อวดกัน เป็นต้น ก็จะทำให้เกิดการศึกษาที่ผิดพลาด แล้วเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการศึกษาอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า
ต้องเห็นทุกข์ก่อน
ซึ่งการเห็นทุกข์นี้ก็คือการเห็นภัยหรือสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราและของคนที่เรารัก ซึ่งเมื่อเราเห็นภัยหรือความทุกข์นี้แล้ว เราก็จะเกิดความกลัวในความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต (คือจากความแก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก ผิดหวัง เป็นต้น) ที่จะต้องเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอนในชีวิตของเราในไม่ช้า ซึ่งความกลัวนี้เองที่จะเป็นแรงกระตุ้น (ผลักดัน) ให้เรามาแสวงหาวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ (หรือไม่มีทุกข์ หรือดับทุกข์) ทั้งที่กำลังเกิดอยู่ และจะเกิดขึ้นในอนาคตของชีวิต
สรุปได้ว่า การศึกษาอริยสัจ ๔ จะต้องเริ่มต้นที่การเห็นทุกข์ก่อน คือให้เรามาตั้งในพิจารณาดูที่จิตของเราเองจริงๆ ว่าความทุกข์นั้นมันเป็นอย่างไร มันรู้สึกทรมานจิตใจอย่างไร ซึ่งเราต้องพิจารณาให้มาก (คือพิจารณาอย่างจริงจังอยู่เสมอ) จนจิตเริ่มเกิดความกลัวความทุกข์ที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตของชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งความกลัวทุกข์นี้เองที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้เรามาสนใจที่จะศึกษาอริยสัจ ๔ เพื่อที่จะได้รู้จักวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ที่น่าหวาดกลัวนี้ แต่ถ้าเราไม่เห็นทุกข์ก่อน เราก็จะไม่เกิดความกลัวความทุกข์ในอนาคตและไม่มีแรงกระตุ้นให้มาศึกษาอริยสัจ ๔ เพื่อแสวงหาวิธีการปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งก็จะทำให้เราไม่สนใจที่จะศึกษาอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า หรือถึงศึกษาก็ไม่ศึกษาอย่างจริงจัง หรือถึงศึกษาก็ศึกษาผิด เช่น ศึกษาเพื่อเอาความรู้ไปแสวหาชื่อเสียงหรือทรัพย์ หรือเพื่อเอาไว้อวดกัน เป็นต้น ก็จะทำให้เกิดการศึกษาที่ผิดพลาด แล้วเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการศึกษาอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า