คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 99
จขกท.นะครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ผมบอกเลยว่าจะให้ผมไปเอาน้องเค้ามันเป็นไปไม่ได้ เค้าไม่เอาผมหรอก ผมรู้
ผมยืนยันว่ายังรักเมียนะ และก็ยอมรับความชั่วไว้ทั้งหมด ผมคิดทุกด้านคิดแล้วแหละว่ามันคือความหลง
เฝ้าบอกตัวเองตลอดว่าแค่หลงของใหม่ เมียก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแต่ทำไมปล่อยให้ความเลวครอบงำจิตใจตัวเองขนาดนี้
จริงๆทุกอย่างมันก็ต้องหักห้ามที่ตัวเอง ได้อ่านเม้นทุกคนก็เหมือนได้เตือนใจ ขอบคุณมากครับ ผมจะเตือนตัวเองเยอะๆ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ผมบอกเลยว่าจะให้ผมไปเอาน้องเค้ามันเป็นไปไม่ได้ เค้าไม่เอาผมหรอก ผมรู้
ผมยืนยันว่ายังรักเมียนะ และก็ยอมรับความชั่วไว้ทั้งหมด ผมคิดทุกด้านคิดแล้วแหละว่ามันคือความหลง
เฝ้าบอกตัวเองตลอดว่าแค่หลงของใหม่ เมียก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแต่ทำไมปล่อยให้ความเลวครอบงำจิตใจตัวเองขนาดนี้
จริงๆทุกอย่างมันก็ต้องหักห้ามที่ตัวเอง ได้อ่านเม้นทุกคนก็เหมือนได้เตือนใจ ขอบคุณมากครับ ผมจะเตือนตัวเองเยอะๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
คุณเจ้าของกระทู้ กรุณาอ่านนี่ค่ะ อ่านๆๆ " รักคนไกล แต่ระอาคนใกล้ " ลองอ่านให้จบ ให้มุมคิดดีมาก
"แอม” เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เล่าว่า ได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า หน้าตาของเธอเบิกบานด้วยความปิติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์มากมายของการปลูกป่า ทั้งบรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ
“ดีจังเลย” แอมยินดีกับเพื่อน “ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยสิ่”
เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า “โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้ เลยตัดทิ้งไปแล้ว”
รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย
แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไป จึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว !
ลองมองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคนมาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้านก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ แต่นั่นก็สายไปแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ หากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา
กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง ที่แล้วมา เราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงธรรมดาๆ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเราอีกแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่ หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปีๆ หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้งๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่ หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้นๆ กลับฝังใจเราได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง !
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา” หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ” ? แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร” เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ... ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า
อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
"แอม” เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เล่าว่า ได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า หน้าตาของเธอเบิกบานด้วยความปิติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์มากมายของการปลูกป่า ทั้งบรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ
“ดีจังเลย” แอมยินดีกับเพื่อน “ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยสิ่”
เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า “โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้ เลยตัดทิ้งไปแล้ว”
รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย
แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไป จึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว !
ลองมองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคนมาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้านก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ แต่นั่นก็สายไปแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ หากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา
กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง ที่แล้วมา เราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงธรรมดาๆ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเราอีกแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่ หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปีๆ หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้งๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่ หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้นๆ กลับฝังใจเราได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง !
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา” หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ” ? แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร” เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ... ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า
อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 12
ถึงขั้นต้องล็อกอินเข้ามาตอบค่ะ
จากใจคนที่อยู่ในฐานะภรรยานะคะ... ถ้าข้อความที่เขียนไปนี้จะมีประโยชน์ต่อชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ของคุณ แล้วทำให้คุณกลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ดิฉันจะยินดีด้วยเป็นอย่างมากค่ะ จากที่อ่านดูที่คุณเขียนมา ซ้ำๆหลายๆรอบ คุณยังมีจิตสำนึก มีความคิดที่จะไม่ถลำลึกไปเกินกว่านี้ ดิฉันขอเล่าเรื่องในฐานะภรรยาให้ฟังบ้างค่ะ
ดิฉันอยู่ในสถานะเดียวกับภรรยาคุณค่ะ ที่สามีไปแอบคุยกับผู้หญิงที่ทำงานเดียวกัน โดยที่ผู้หญิงก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีครอบครัวแล้ว ที่ผ่านมาสามีดิฉันเป็นคนที่ดีมาตลอด แต่เราอยู่ห่างกัน สามีต้องไปทำงานต่างจังหวัด นานๆ ทีจะกลับมา เราอยู่ห่างกันตลอด ตั้งแต่เป็นแฟน ดูใจกันมากกว่า 10 ปี จนแต่งงาน ผ่านอุปสรรคต่างๆมา ตั้งแต่ชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์ จนเค้ามีหน้าที่การงานที่ดี มีฐานะที่ดีขึ้น
ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะอะไรกันมาก่อน สิ่งที่รับรู้ และคนที่คนรอบข้างเห็นคือเรารักกันมาก และดิฉันก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด จนอยู่มาวันหนึ่ง เหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก ล้มทั้งยืน สามีโทรมาบอกว่าเค้ามีคนอื่น เค้าไม่รักเราแล้ว เค้าคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกดีมาก เราอยู่ใกล้กัน ได้เจอหน้ากันทุกวัน หน้าเราชาไปเลยค่ะ น้ำตาร่วงอย่างท่วมท้น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทรมานหัวใจที่สุด เราถามเค้าว่า เราทำอะไรผิด บอกเรามา เราพร้อมจะแก้ไขให้ชีวิตคู่ของเราไปต่อได้ เค้าตอบไม่ผิด ไม่ผิดอะไรเลย
ดิฉันนิ่ง ไม่โวยวาย ไม่งี่เง่า ทบทวนตัวเอง พยายามแก้ไขตัวเอง ไม่โทษคนอื่น โทรหาเค้าพูดคุยปกติ ในขณะที่เค้าไม่ปกติกับเราแล้ว ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ ถามว่าเสียใจไหม เสียใจมากค่ะ มากจนอธิบายไม่ได้ ไม่กล้าคุยกับใคร เอารูป เอาวิดีโอ เอาเรื่องดีๆ ของเค้ามาดู อยากจำเค้าไปแต่ในเรื่องดีๆ ทำให้มีกำลังใจขึ้น เรารอเค้าไปเคลียร์ตัวเองและความรู้สึกของเค้าเอง เราพร้อมให้อภัยเสมอ และจะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดอีก
แต่การรอคอยไม่รู้จะมีความหวังหรือเปล่า เค้าเงียบหายไป ไม่กลับมาหา ทิ้งเวลาให้เราเยียวยารักษาใจตัวเอง แต่เราก็ยังรอคอยด้วยความหวัง มันเจ็บนะคะ แต่เลือกที่จะให้อภัย เพราะความรักและสิ่งที่ได้ทำร่วมกันมามันมากมายเกินกว่าที่เราจะโกรธ จะเกลียดเค้าได้ค่ะ
ถ้า จขกท. ยังคิดได้ อยากให้ห่างจากน้องคนนั้นออกมาค่ะ หันมามองผู้หญิงที่ให้ความรักและชีวิตที่เค้าฝากไว้กับคุณ ดิฉันเชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเค้าจะให้อภัยคุณค่ะ มันอาจเป็นความรู้สึกดีชั่วครั้งชั่วคราวที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณเกินเลยไปกว่านี้ คุณจะไม่มีปัญหาตามมาหรือ ทั้งปัญหาที่ส่งผลต่อตัวคุณเอง ครอบครัว พ่อแม่ หน้าที่การงานของคุณ คิดดีๆ คิดลึกๆ คิดไกลๆ
คนที่ไม่ปล่อยมือยามที่คุณทุกข์และอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เค้าคือคู่ชีวิตค่ะ ถึงแม้ชีวิตแต่งงานที่อยู่กันไปนานๆ อาจไม่หอมหวานเหมือนเก่า แต่นั่นคือรักแท้ ขอให้คุณเลือกทางเดินที่ถูกต้อง มีศีลธรรมอันดี และเป็นคำตอบที่ดีสำหรับทุกฝ่ายค่ะ ....
จากใจคนที่อยู่ในฐานะภรรยานะคะ... ถ้าข้อความที่เขียนไปนี้จะมีประโยชน์ต่อชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ของคุณ แล้วทำให้คุณกลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ดิฉันจะยินดีด้วยเป็นอย่างมากค่ะ จากที่อ่านดูที่คุณเขียนมา ซ้ำๆหลายๆรอบ คุณยังมีจิตสำนึก มีความคิดที่จะไม่ถลำลึกไปเกินกว่านี้ ดิฉันขอเล่าเรื่องในฐานะภรรยาให้ฟังบ้างค่ะ
ดิฉันอยู่ในสถานะเดียวกับภรรยาคุณค่ะ ที่สามีไปแอบคุยกับผู้หญิงที่ทำงานเดียวกัน โดยที่ผู้หญิงก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีครอบครัวแล้ว ที่ผ่านมาสามีดิฉันเป็นคนที่ดีมาตลอด แต่เราอยู่ห่างกัน สามีต้องไปทำงานต่างจังหวัด นานๆ ทีจะกลับมา เราอยู่ห่างกันตลอด ตั้งแต่เป็นแฟน ดูใจกันมากกว่า 10 ปี จนแต่งงาน ผ่านอุปสรรคต่างๆมา ตั้งแต่ชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์ จนเค้ามีหน้าที่การงานที่ดี มีฐานะที่ดีขึ้น
ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะอะไรกันมาก่อน สิ่งที่รับรู้ และคนที่คนรอบข้างเห็นคือเรารักกันมาก และดิฉันก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด จนอยู่มาวันหนึ่ง เหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก ล้มทั้งยืน สามีโทรมาบอกว่าเค้ามีคนอื่น เค้าไม่รักเราแล้ว เค้าคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกดีมาก เราอยู่ใกล้กัน ได้เจอหน้ากันทุกวัน หน้าเราชาไปเลยค่ะ น้ำตาร่วงอย่างท่วมท้น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทรมานหัวใจที่สุด เราถามเค้าว่า เราทำอะไรผิด บอกเรามา เราพร้อมจะแก้ไขให้ชีวิตคู่ของเราไปต่อได้ เค้าตอบไม่ผิด ไม่ผิดอะไรเลย
ดิฉันนิ่ง ไม่โวยวาย ไม่งี่เง่า ทบทวนตัวเอง พยายามแก้ไขตัวเอง ไม่โทษคนอื่น โทรหาเค้าพูดคุยปกติ ในขณะที่เค้าไม่ปกติกับเราแล้ว ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ ถามว่าเสียใจไหม เสียใจมากค่ะ มากจนอธิบายไม่ได้ ไม่กล้าคุยกับใคร เอารูป เอาวิดีโอ เอาเรื่องดีๆ ของเค้ามาดู อยากจำเค้าไปแต่ในเรื่องดีๆ ทำให้มีกำลังใจขึ้น เรารอเค้าไปเคลียร์ตัวเองและความรู้สึกของเค้าเอง เราพร้อมให้อภัยเสมอ และจะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดอีก
แต่การรอคอยไม่รู้จะมีความหวังหรือเปล่า เค้าเงียบหายไป ไม่กลับมาหา ทิ้งเวลาให้เราเยียวยารักษาใจตัวเอง แต่เราก็ยังรอคอยด้วยความหวัง มันเจ็บนะคะ แต่เลือกที่จะให้อภัย เพราะความรักและสิ่งที่ได้ทำร่วมกันมามันมากมายเกินกว่าที่เราจะโกรธ จะเกลียดเค้าได้ค่ะ
ถ้า จขกท. ยังคิดได้ อยากให้ห่างจากน้องคนนั้นออกมาค่ะ หันมามองผู้หญิงที่ให้ความรักและชีวิตที่เค้าฝากไว้กับคุณ ดิฉันเชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเค้าจะให้อภัยคุณค่ะ มันอาจเป็นความรู้สึกดีชั่วครั้งชั่วคราวที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณเกินเลยไปกว่านี้ คุณจะไม่มีปัญหาตามมาหรือ ทั้งปัญหาที่ส่งผลต่อตัวคุณเอง ครอบครัว พ่อแม่ หน้าที่การงานของคุณ คิดดีๆ คิดลึกๆ คิดไกลๆ
คนที่ไม่ปล่อยมือยามที่คุณทุกข์และอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เค้าคือคู่ชีวิตค่ะ ถึงแม้ชีวิตแต่งงานที่อยู่กันไปนานๆ อาจไม่หอมหวานเหมือนเก่า แต่นั่นคือรักแท้ ขอให้คุณเลือกทางเดินที่ถูกต้อง มีศีลธรรมอันดี และเป็นคำตอบที่ดีสำหรับทุกฝ่ายค่ะ ....
ความคิดเห็นที่ 11
เคยอ่านเจอบทความที่บอกว่า คนเราอาจตกหลุมรักได้หลายครั้งในชีวิตหนึ่ง
ส่วนตัวเราเห็นว่า "จริงค่ะ" แต่คำถามสำคัญที่ต่อจากนี้คือ "แล้วไงต่อล่ะ ?"
เราแต่งงานมาปีนี้ขึ้นปีที่ 15 ชีวิตครอบครัวราบรื่น ไม่เคยมีประวัตินอกใจกันทั้งคู่ (อันนี้ มั่นใจและยืนยันได้อย่างหนักแน่น)
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เราก็เคยพบเจอคนที่เราคิดว่า หล่อ น่าปิ๊ง น่าชื่นชม น่าสนใจ ฉลาด นิสัยดี โอบอ้อมอารี สารพัดข้อดีที่ทั้งโลกนี้สามารถหามากองรวมกันได้ ทั้งสูงวัยกว่า และอ่อนวัยกว่า
แต่เราก็เฝ้าสังเกตุ เฝ้าสำรวมใจเรา (แต่สำรวมแค่ใจนะคะ บางคน เราชื่นชม เรากรี๊ดกร๊าด เราก็จะบอกสามีเลยว่า "คนนี้ น่าชื่นชมมาก" และก็จบแค่นั้น)
เมื่อเราเฝ้าดูความรู้สึกอย่างกลาง ๆ เราพบว่า "ความหลง" ของเราจะเปลี่ยนรูปไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเราสามารถมองและทรีตเพื่อนต่างเพศในฐานะ "เพื่อน" จริง ๆ ได้อย่างสนิทใจในท้ายที่สุด
คนภายนอกจะมองอย่างไรเราไม่สนใจ แต่เราบริสุทธิ์ใจและรู้ตัวว่า เรา "ชื่นชม" แต่ไม่ "ชมชื่น"
เรา "เอ็นดู" แต่ไม่ "ดูเอ็น" อย่างเด็ดขาด
อย่างที่ความคิดเห็นข้างบนบอกค่ะ
คุณรู้จักเฉพาะมุมที่น่ารักของเธอ ยังตัดสินไม่ได้ดอกว่า เธอดีขนาดนั้นจริง ๆ หรือไม่
ระวังใจคุณ พยายามอย่าเปรียบเทียบเธอกับภรรยา เลี่ยงการพบปะกับเธอบ้าง ดึงตัวเองออกมาบ้าง ถ้าคุณห้ามใจไม่ไหวจริง ๆ
พอคุณอายุมากขึ้น คุณจะดีใจ และภูมิใจในตัวเองที่คุณทำอย่างนี้
บอกตัวเองไว้ค่ะว่า "สิ่งนี้เช่นกัน จักผ่านไป" This, too shall pass.
แต่ขอให้คุณผ่านนะคะ อย่าสอบตกกับข้อสอบชีวิตข้อนี้ล่ะ
ส่วนตัวเราเห็นว่า "จริงค่ะ" แต่คำถามสำคัญที่ต่อจากนี้คือ "แล้วไงต่อล่ะ ?"
เราแต่งงานมาปีนี้ขึ้นปีที่ 15 ชีวิตครอบครัวราบรื่น ไม่เคยมีประวัตินอกใจกันทั้งคู่ (อันนี้ มั่นใจและยืนยันได้อย่างหนักแน่น)
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เราก็เคยพบเจอคนที่เราคิดว่า หล่อ น่าปิ๊ง น่าชื่นชม น่าสนใจ ฉลาด นิสัยดี โอบอ้อมอารี สารพัดข้อดีที่ทั้งโลกนี้สามารถหามากองรวมกันได้ ทั้งสูงวัยกว่า และอ่อนวัยกว่า
แต่เราก็เฝ้าสังเกตุ เฝ้าสำรวมใจเรา (แต่สำรวมแค่ใจนะคะ บางคน เราชื่นชม เรากรี๊ดกร๊าด เราก็จะบอกสามีเลยว่า "คนนี้ น่าชื่นชมมาก" และก็จบแค่นั้น)
เมื่อเราเฝ้าดูความรู้สึกอย่างกลาง ๆ เราพบว่า "ความหลง" ของเราจะเปลี่ยนรูปไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเราสามารถมองและทรีตเพื่อนต่างเพศในฐานะ "เพื่อน" จริง ๆ ได้อย่างสนิทใจในท้ายที่สุด
คนภายนอกจะมองอย่างไรเราไม่สนใจ แต่เราบริสุทธิ์ใจและรู้ตัวว่า เรา "ชื่นชม" แต่ไม่ "ชมชื่น"
เรา "เอ็นดู" แต่ไม่ "ดูเอ็น" อย่างเด็ดขาด
อย่างที่ความคิดเห็นข้างบนบอกค่ะ
คุณรู้จักเฉพาะมุมที่น่ารักของเธอ ยังตัดสินไม่ได้ดอกว่า เธอดีขนาดนั้นจริง ๆ หรือไม่
ระวังใจคุณ พยายามอย่าเปรียบเทียบเธอกับภรรยา เลี่ยงการพบปะกับเธอบ้าง ดึงตัวเองออกมาบ้าง ถ้าคุณห้ามใจไม่ไหวจริง ๆ
พอคุณอายุมากขึ้น คุณจะดีใจ และภูมิใจในตัวเองที่คุณทำอย่างนี้
บอกตัวเองไว้ค่ะว่า "สิ่งนี้เช่นกัน จักผ่านไป" This, too shall pass.
แต่ขอให้คุณผ่านนะคะ อย่าสอบตกกับข้อสอบชีวิตข้อนี้ล่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
นี่คือการไม่รู้จักหักห้ามใจค่ะ ตอนนี้คุณนอกใจภรรยาคุณไปแล้ว ตอนนี้ยังแค่คิด แต่ต่อไปยังไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นค่ะ
เป็นธรรมดาคนเราของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า พอมีตัวเปรียบเทียบก็จะเริ่มหวั่นไหว คุณรู้จักน้องเขาแค่ 2 ปี ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด เลยไม่เห็นพฤติกรรมอื่นๆ.แต่กับภรรยาคนศึกษาจนรูหมดแล้วมันหมดความตื่นเต้น ตอนนี้คุณแค่หลงรูปลักษณ์ภายนอกน้องเขาเท่านั้นค่ะ
เราว่าคุณต้องรู้จักห้ามใจตัวเองอย่าให้มันลุกลามมากกว่านี้ ถ้าวันหนึ่งภรรยาคุณรู้เรื่อง แม้คุณจะไม่ได้นอกกายแต่ถือว่านอกใจ ถ้ารู้ว่าอยู่ใกล้แล้วหวั่นไหว ก็ควรเลี่ยงค่ะ
คุณรู้ตัวว่าตัวเองเลวนั่นก็ถูกค่ะ แต่เข้าใจของแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครคงไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าเป็นมากควรถอยห่าง ไม่งั้นครอบครัวคุณพัง น้องเขามีแฟนแล้วคุณคงไม่อยากให้เขามีปัญหากัน
ในเมื่อคุณตัดสินใจเลือกภรรยาคุณแล้วควรซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนวันแรกที่คุณไปจีบเธอ ให้นึกถึงเวลาที่ผ่านมา เราจะหาคนที่ใช่หรือเข้าใจเราได้มากแค่ไหน ทุกคนมีข้อดีข้อเสียค่ะ อย่าให้ความหลงมาทำลายครอบครัวคุณค่ะ ไม่งั้นคุณจะไม่เหลือใครเลย
เป็นธรรมดาคนเราของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า พอมีตัวเปรียบเทียบก็จะเริ่มหวั่นไหว คุณรู้จักน้องเขาแค่ 2 ปี ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด เลยไม่เห็นพฤติกรรมอื่นๆ.แต่กับภรรยาคนศึกษาจนรูหมดแล้วมันหมดความตื่นเต้น ตอนนี้คุณแค่หลงรูปลักษณ์ภายนอกน้องเขาเท่านั้นค่ะ
เราว่าคุณต้องรู้จักห้ามใจตัวเองอย่าให้มันลุกลามมากกว่านี้ ถ้าวันหนึ่งภรรยาคุณรู้เรื่อง แม้คุณจะไม่ได้นอกกายแต่ถือว่านอกใจ ถ้ารู้ว่าอยู่ใกล้แล้วหวั่นไหว ก็ควรเลี่ยงค่ะ
คุณรู้ตัวว่าตัวเองเลวนั่นก็ถูกค่ะ แต่เข้าใจของแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครคงไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าเป็นมากควรถอยห่าง ไม่งั้นครอบครัวคุณพัง น้องเขามีแฟนแล้วคุณคงไม่อยากให้เขามีปัญหากัน
ในเมื่อคุณตัดสินใจเลือกภรรยาคุณแล้วควรซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนวันแรกที่คุณไปจีบเธอ ให้นึกถึงเวลาที่ผ่านมา เราจะหาคนที่ใช่หรือเข้าใจเราได้มากแค่ไหน ทุกคนมีข้อดีข้อเสียค่ะ อย่าให้ความหลงมาทำลายครอบครัวคุณค่ะ ไม่งั้นคุณจะไม่เหลือใครเลย
แสดงความคิดเห็น
มีวิธีหักห้ามใจให้เลิกรักคนๆนึงมั้ย (ผมรู้สึกผิดต่อภรรยา)
ก็แค่มองๆว่าเค้าน่ารักดี แต่เมื่อเกือบๆปีที่ผ่านมามีงานที่ผมต้องโคกับแผนกน้องเค้า เลยได้ร่วมงานกันเจอกันตลอด
พอได้รู้จักผู้หญิงคนนี้มากๆแล้วรู้สึกชอบเค้าไปเอง รู้สึกว่าแบบเค้านิสัยดีว่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ...สบายใจโครตๆอ่ะครับ
หลายๆเดือนที่ผ่านมารู้สึกมีความสุขมากที่ไปทำงาน ผมก็ตะหงิดๆตัวเองแล้วล่ะแต่ก็ข่มๆใจไว้ และน้องเค้ามีแฟนอยู่แล้ว
แต่มันก็มากขึ้นเรื่อยๆ เวลาแฟนเค้าโทรมาหรือไลน์กันผมนี่ไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินเลย (รู้สึกว่าทำไมตรูต้องเป็นแบบนี้วะ)
ทำงานกลับมาบ้านผมเหมือนคนบ้านะบางที นอนคิดถึงเค้า อยากพรุ่งนี้ไวๆจะได้เจอกัน ทั้งๆที่เมียผมก็อยู่ข้างๆ (ผมยังไม่มีลูกนะครับ)
เสาร์อาทิตย์นี่โคตรทรมานใจเลย ไม่เจอเค้าสองวันเหมือนไฟสุมอก ผมแทบจะบ้าตายทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนฉลาดครับ ความคิดดี มีน้ำใจกับทุกคน มีโมเม้นที่รู้สึกว่าน้องเค้าเป็นคนไม่ขี้บ่น ไม่นินทาใคร มองโลกดีอ่ะ
ยิ่งเจอเมียเวลาบ่น เอาคนนั้นคนนี้มาด่าให้ผมฟังก็แบบ.. เห้อ (แต่เมียผมก็เป็นงี้อยู่แล้วอ่ะ แต่เพราะผมกำลังเป็นคนเลวไง)
ผมคิดตลอดเวลาว่าเมียไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ผมเนี่ยชั่วช้าเหลือเกิน
รักเมียอยู่มั้ยก็รักเหมือนเดิม แต่เหมือนความคิดถึงผู้หญิงคนนั้นมันสุมอยู่ในอกผมเป็นเวลานาน
จากอยู่ด้วยแล้วมีความสุขเป็นชอบ จากชอบตอนนี้มันคือรักแล้วอ่ะ (ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกชั่ว)
ทุกวันนนี้ไฟมันสุมอกผมคนเดียวนะ น้องเค้าก็ไม่รู้ เวลาร่วมงานกันก็เห็นผมเป็นพี่คนนึง เมียผมก็ไม่รู้ เพื่อนที่ทำงานก็ไม่รู้
แต่ผมเนี่ยรู้สึกว่าอยากห้ามใจละ ไม่ใช่ว่าไม่เคยพยายามนะ ทำมาตลอดแต่ทำไม่ได้ เพราะมันต้องเจอเค้าทุกวันอ่ะ
ใครมีวิธีดีๆมั้ยครับ จะนั่งวิปัสนากรรมฐานอะไรก็ได้ช่วยแนะนำทีเถอะ