15 ธ.ค. เคาะราคาชิงคลื่น 900 MHz โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะกดปุ่มเปิดให้ 4 บริษัทสู้ราคาชิงคลื่นกัน ได้แก่บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือเอไอเอส, บริษัท ดีแทคไตรเน็ต จำกัด (DTN) ในเครือดีแทค, บริษัท ทรูมูฟเอชยูนิเวอร์แซล จำกัด ในเครือทรู และบริษัท แจส โมบายบรอดแบนด์ จำกัด ในเครือจัสมิน
ทั้งหมดเป็นหน้าเดิมที่สู้กันมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว กับการประมูลคลื่น 1800 MHz ที่ดุเดือดยาวนานกว่า 33 ชั่วโมง ทำให้ราคาทะลุไปไกลกว่าราคาตั้งต้นมากกว่า 157% ได้ผู้ชนะมา 2 ราย คือ AWN ที่ 40,986 ล้านบาท และทรูมูฟ เอช ที่ 39,792 ล้านบาท
กับการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz หลายฝ่ายกะเก็งกันไปต่าง ๆ นานา
"จิตสถา ศรีประเสริฐสุข" ผู้อำนวยการสำนักบริหาร และจัดการเลขหมายโทรคมนาคม กสทช. ระบุว่า การประมูลจะมี 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 MHz ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12,864 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่น) โดยทันทีที่กดปุ่มประมูล ทุกรายถูกบังคับให้เคาะราคาขยับไปที่ 13,508 ล้านบาท (เคาะ 1 ครั้ง 644 ล้านบาท หรือ 5% ของมูลค่าคลื่น) เมื่อราคาขยับไปถึง 100% แล้วแต่ละเคาะจะปรับลดเหลือ 2.5% หรือ 322 ล้านบาท
แต่ละค่ายยังต้องการคลื่นใหม่
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. มั่นใจว่าการประมูล 900 MHz จะยังแข่งเคาะราคาดุเดือดชนิดที่เรียกว่า เลือดตกยางออกแน่นอน เพราะผู้ชนะประมูลคลื่น 1800 MHz เดิมจะไม่มีทางปล่อยให้ราคาประมูลหนนี้ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางธุรกิจ
"กสทช.ใช้ผลการประมูลครั้งก่อนเป็นพื้นฐานในการตั้งมูลค่าคลื่นในครั้งต่อๆไปฉะนั้นอย่าหวังว่าการประมูลคลื่นในอนาคตจะได้ราคาถูกลง เราทำเป็นมติบอร์ดไปแล้ว ใครจะกล้าลดราคา ฉะนั้นรอประมูลรอบต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร"
ขณะที่คลื่นใหม่ยังเป็นที่ต้องการเพื่อรองรับการใช้งานโมบายดาต้ามากขึ้นโดยเฉพาะ"แจส โมบายบรอดแบนด์" เป็นรายเดียวที่ยังไม่มีความถี่ในมือ ขณะที่ทรูมูฟ และเอไอเอส ก็จำเป็น เพราะเอไอเอสมีแค่ 30 MHz ส่วนทรูมูฟมีคลื่นบางส่วนอยู่ใต้สัญญากับแคท (บมจ. กสท โทรคมนาคม) ซึ่งต้นทุนสูงกว่าคลื่นจาก กสทช. ฟากดีแทคเองสัมปทานจะหมดในปี 2561 แล้ว
"ที่มีการวิเคราะห์ว่าประมูลกันราคาสูงจะกระทบกับสถานการณ์การเงินของบริษัท ต้องมองย้อนว่าตอนอยู่ในระบบสัมปทานแต่ละค่ายต้องจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐวิสาหกิจ 25-30% ต่อปี หรือปีละกว่าหมื่นล้านบาท ยังมีกำไรได้ ขณะที่การประมูล 1800 MHz ที่ผ่านมาคำนวณเบ็ดเสร็จทั้งเงินค่าประมูล ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 1.5% เงินสมทบกองทุน USO อีก 3.75% รวมเงินลงทุนโครงข่ายแล้ว แต่ละค่ายต้องจ่ายราว 26% ต่อปี จึงไม่กระทบสถานะการเงินแน่นอน แถมรายได้จากการประมูลยังส่งเข้ารัฐโดยตรงทั้งหมด ไม่ต้องไปเข้ารัฐวิสาหกิจก่อน"
งวดชำระเงินแบ่งจ่ายสบาย ๆ
ขณะที่งวดการชำระเงินประมูลคลื่น 900 MHz ต่างจาก 1800 MHz โดยแบ่งจ่ายดังนี้ หากไม่เกิน 16,080 ล้านบาท จ่าย 50% หรือ 8,040 ล้านบาท ภายใน 90 วัน เมื่อได้รับแจ้งเป็นผู้ชนะ อีก 25% หรือ 4,020 ล้านบาท ในปีที่ 2 และปีที่ 3 อีก 25% หรือ 4,020 ล้านบาท และจ่ายส่วนที่เกินจาก 16,080 ล้านบาท ในงวดที่ 4 จึงไม่เป็นภาระผู้ประกอบการในช่วงปีแรกที่ต้องลงทุนเพื่อเปิดให้บริการ
"คาดว่าราคาประมูลจะไม่ต่ำกว่าครั้งก่อน"
ประมูลรอบหน้าเร็วสุดปี 2561
"เสน่ห์ สายวงศ์" ผู้อำนวยการสำนักบริหารคลื่นความถี่ สำนักงาน กสทช. กล่าวว่า คลื่นสำหรับกิจการโทรคมนาคมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีแถบความกว้างทั้งหมด 355 MHz และมีแผนปรับปรุงเพื่อหาคลื่นมาจัดสรรเพิ่มอีก 295 MHz แต่ส่วนใหญ่คลื่นยังอยู่ในมือรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐบางแห่ง จำเป็นต้องเจรจาและออกประกาศปรับปรุงการใช้คลื่นใหม่ทำให้โอกาสที่จะมีคลื่นใหม่มาประมูลได้เร็วที่สุด คือ ปี 2561 ที่สัมปทานระหว่างแคทกับดีแทคสิ้นสุด
"คลื่นที่ฮอตฮิตสุดในการให้บริการ 4G คือ 1800 MHz ส่วนหนึ่งประมูลไปแล้วเมื่อ พ.ย. อีกส่วนอยู่ใต้สัมปทานดีแทคจะนำมาประมูลได้หลังปี 2561 รองลงมาคือ 2600 MHz ซึ่งมีมากถึง 190 MHz อาจนำมาประมูลได้ถึง 4 ไลเซนส์ แต่อยู่กับ อสมท และกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) ซึ่งคณะอนุกรรมการของ กสทช. กำลังพิจารณาความจำเป็นในการใช้คลื่น แต่ถ้าถือตามสิทธิเดิมที่มีจะใช้ได้ถึงปี 2565"
นอกนั้นเป็นคลื่น 850 MHz ที่อยู่กับแคท และ 2300 MHz ที่บมจ.ทีโอที มีสิทธิ์ใช้ได้ถึงปี 2568 ส่วนคลื่น 1500 MHz ที่สหภาพโทรคมนาคม (ITU) เพิ่งกำหนดให้เป็นคลื่นโทรคมนาคมก็อยู่กับทีโอทีจึงต้องมีการประกาศแผนแม่บทการใช้คลื่นใหม่ก่อนจึงจะดึงกลับมาจัดสรรได้ขณะที่คลื่น700 MHz ต้องรอให้มีการรีฟาร์มการใช้คลื่นสำหรับทีวีดิจิทัลใหม่ หลังสัมปทานทีวีแอนะล็อกสิ้นสุด เร็วสุดน่าจะในปี 2566
"2 ปีข้างหน้าแทบไม่มีโอกาสจะประมูลคลื่นใหม่ แต่การใช้โมบายดาต้าของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนคลื่นในมือโอเปอเรเตอร์ไม่น่าเพียงพอ แม้จะขยายจุดให้บริการ WiFi เพิ่มเพื่อให้ลูกค้าสวิตช์มาใช้ได้เป็นจุด ๆ ลดความหนาแน่นของทราฟฟิกบนโครงข่าย แต่คลื่นสำหรับ WiFi ก็มีจำกัด ทุกโอเปอเรเตอร์แย่งกันใช้อยู่"
ข้อดีคลื่น 900 MHz
จุดเด่นของคลื่น 900 MHz คือรัศมีครอบคลุมไกล จึงประหยัดเงินลงทุนสร้างสถานีฐาน และขยายโครงข่าย ทั้งรองรับการใช้งานบนเทคโนโลยี 4G/LTE ได้ แต่เนื่องจากแต่ละใบอนุญาตมีแถบคลื่นกว้างเพียง 10 MHz จึงอาจด้อยกว่าเรื่องศักยภาพในการให้บริการลูกค้า ทั้งในแง่จำนวนและความเร็วในการใช้โมบายดาต้า
ปัจจุบันมีโทรศัพท์ที่รองรับการใช้งาน 4G/LTE บนคลื่น 900 MHz มี 811 รุ่น ขณะที่เครื่อง 1800 MHz มีมากถึง 1,930 รุ่นอ้างอิงจากข้อมูลของสมาคม GSA (the Global mobile Suppliers Association) เมื่อ พ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกที่ให้บริการ 4G/LTE มี 442 ราย จากทั้งหมด 558 ราย ขณะที่ผู้ใช้บริการ 3G มีจำนวน 2,000 ล้านเลขหมาย และเป็น 4G/LTE จำนวน 755 ล้านเลขหมาย แต่มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3,500 ล้านราย
"แจส" เดิมพันอนาคต
"ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร" รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ถ้าค่ายมือถือไม่มีคลื่นเท่ากับไม่มีลูกค้าจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ประกอบการจะ "ฮั้ว" กัน โดยการประมูลในครั้งนี้เป็นการชี้ชะตาธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายของบริษัทแจส โมบาย บรอดแบนด์ด้วย หากไม่ได้คลื่นนี้ก็ต้องรอถึงปี 2561 ซึ่ง ณ ตอนนั้นตลาดคงไปไกลแล้ว
"แจสน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ แต่กับเจ้าอื่นแม้ชนะประมูล 1800 MHz ไปแล้วก็คงไม่ยอมให้การประมูลจบลงง่าย ๆ น่าจะมีการปั่นราคาขึ้นไปก่อนไม่อย่างนั้นผู้ชนะก็จะได้ไลเซนส์ในราคาที่ถูกกว่าที่ตนเองจ่ายไปครั้งที่แล้ว"
ขณะที่การออกแบบซอฟต์แวร์การประมูลผู้เข้าประมูลคาดเดาไม่ได้ว่าใครเสนอราคาเท่าใด แต่ละรอบการประมูลจะมีใครใช้สิทธิ์ไม่เสนอราคา (Waiver) หรือไม่ จะรู้แค่การเคาะราคาของตนเอง
จากเหตุผลทั้งหมด เชื่อว่า การแย่งชิงคลื่น 900 MHz คงร้อนแรงไม่แพ้1800 MHz และที่เหมือนกันอีกอย่างคือ "AWN" ในเครือเอไอเอส พร้อมสู้เพื่อให้ได้แน่ ๆ อีก 1 ใบอนุญาต ส่วนอีกหนึ่งใครจะคว้าไประหว่างเจ้าเดิมหรือมีหน้าใหม่...โปรดติดตาม
Credited by ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
+++ ศึกอลังการและพร้อมหน้าที่สุดของ 4 ก๊กใหญ่ ในการแย่งชิงคลื่น 900MHz +++
ทั้งหมดเป็นหน้าเดิมที่สู้กันมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว กับการประมูลคลื่น 1800 MHz ที่ดุเดือดยาวนานกว่า 33 ชั่วโมง ทำให้ราคาทะลุไปไกลกว่าราคาตั้งต้นมากกว่า 157% ได้ผู้ชนะมา 2 ราย คือ AWN ที่ 40,986 ล้านบาท และทรูมูฟ เอช ที่ 39,792 ล้านบาท
กับการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz หลายฝ่ายกะเก็งกันไปต่าง ๆ นานา
"จิตสถา ศรีประเสริฐสุข" ผู้อำนวยการสำนักบริหาร และจัดการเลขหมายโทรคมนาคม กสทช. ระบุว่า การประมูลจะมี 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 MHz ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12,864 ล้านบาท (80% ของมูลค่าคลื่น) โดยทันทีที่กดปุ่มประมูล ทุกรายถูกบังคับให้เคาะราคาขยับไปที่ 13,508 ล้านบาท (เคาะ 1 ครั้ง 644 ล้านบาท หรือ 5% ของมูลค่าคลื่น) เมื่อราคาขยับไปถึง 100% แล้วแต่ละเคาะจะปรับลดเหลือ 2.5% หรือ 322 ล้านบาท
แต่ละค่ายยังต้องการคลื่นใหม่
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. มั่นใจว่าการประมูล 900 MHz จะยังแข่งเคาะราคาดุเดือดชนิดที่เรียกว่า เลือดตกยางออกแน่นอน เพราะผู้ชนะประมูลคลื่น 1800 MHz เดิมจะไม่มีทางปล่อยให้ราคาประมูลหนนี้ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางธุรกิจ
"กสทช.ใช้ผลการประมูลครั้งก่อนเป็นพื้นฐานในการตั้งมูลค่าคลื่นในครั้งต่อๆไปฉะนั้นอย่าหวังว่าการประมูลคลื่นในอนาคตจะได้ราคาถูกลง เราทำเป็นมติบอร์ดไปแล้ว ใครจะกล้าลดราคา ฉะนั้นรอประมูลรอบต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร"
ขณะที่คลื่นใหม่ยังเป็นที่ต้องการเพื่อรองรับการใช้งานโมบายดาต้ามากขึ้นโดยเฉพาะ"แจส โมบายบรอดแบนด์" เป็นรายเดียวที่ยังไม่มีความถี่ในมือ ขณะที่ทรูมูฟ และเอไอเอส ก็จำเป็น เพราะเอไอเอสมีแค่ 30 MHz ส่วนทรูมูฟมีคลื่นบางส่วนอยู่ใต้สัญญากับแคท (บมจ. กสท โทรคมนาคม) ซึ่งต้นทุนสูงกว่าคลื่นจาก กสทช. ฟากดีแทคเองสัมปทานจะหมดในปี 2561 แล้ว
"ที่มีการวิเคราะห์ว่าประมูลกันราคาสูงจะกระทบกับสถานการณ์การเงินของบริษัท ต้องมองย้อนว่าตอนอยู่ในระบบสัมปทานแต่ละค่ายต้องจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐวิสาหกิจ 25-30% ต่อปี หรือปีละกว่าหมื่นล้านบาท ยังมีกำไรได้ ขณะที่การประมูล 1800 MHz ที่ผ่านมาคำนวณเบ็ดเสร็จทั้งเงินค่าประมูล ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 1.5% เงินสมทบกองทุน USO อีก 3.75% รวมเงินลงทุนโครงข่ายแล้ว แต่ละค่ายต้องจ่ายราว 26% ต่อปี จึงไม่กระทบสถานะการเงินแน่นอน แถมรายได้จากการประมูลยังส่งเข้ารัฐโดยตรงทั้งหมด ไม่ต้องไปเข้ารัฐวิสาหกิจก่อน"
งวดชำระเงินแบ่งจ่ายสบาย ๆ
ขณะที่งวดการชำระเงินประมูลคลื่น 900 MHz ต่างจาก 1800 MHz โดยแบ่งจ่ายดังนี้ หากไม่เกิน 16,080 ล้านบาท จ่าย 50% หรือ 8,040 ล้านบาท ภายใน 90 วัน เมื่อได้รับแจ้งเป็นผู้ชนะ อีก 25% หรือ 4,020 ล้านบาท ในปีที่ 2 และปีที่ 3 อีก 25% หรือ 4,020 ล้านบาท และจ่ายส่วนที่เกินจาก 16,080 ล้านบาท ในงวดที่ 4 จึงไม่เป็นภาระผู้ประกอบการในช่วงปีแรกที่ต้องลงทุนเพื่อเปิดให้บริการ
"คาดว่าราคาประมูลจะไม่ต่ำกว่าครั้งก่อน"
ประมูลรอบหน้าเร็วสุดปี 2561
"เสน่ห์ สายวงศ์" ผู้อำนวยการสำนักบริหารคลื่นความถี่ สำนักงาน กสทช. กล่าวว่า คลื่นสำหรับกิจการโทรคมนาคมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีแถบความกว้างทั้งหมด 355 MHz และมีแผนปรับปรุงเพื่อหาคลื่นมาจัดสรรเพิ่มอีก 295 MHz แต่ส่วนใหญ่คลื่นยังอยู่ในมือรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐบางแห่ง จำเป็นต้องเจรจาและออกประกาศปรับปรุงการใช้คลื่นใหม่ทำให้โอกาสที่จะมีคลื่นใหม่มาประมูลได้เร็วที่สุด คือ ปี 2561 ที่สัมปทานระหว่างแคทกับดีแทคสิ้นสุด
"คลื่นที่ฮอตฮิตสุดในการให้บริการ 4G คือ 1800 MHz ส่วนหนึ่งประมูลไปแล้วเมื่อ พ.ย. อีกส่วนอยู่ใต้สัมปทานดีแทคจะนำมาประมูลได้หลังปี 2561 รองลงมาคือ 2600 MHz ซึ่งมีมากถึง 190 MHz อาจนำมาประมูลได้ถึง 4 ไลเซนส์ แต่อยู่กับ อสมท และกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) ซึ่งคณะอนุกรรมการของ กสทช. กำลังพิจารณาความจำเป็นในการใช้คลื่น แต่ถ้าถือตามสิทธิเดิมที่มีจะใช้ได้ถึงปี 2565"
นอกนั้นเป็นคลื่น 850 MHz ที่อยู่กับแคท และ 2300 MHz ที่บมจ.ทีโอที มีสิทธิ์ใช้ได้ถึงปี 2568 ส่วนคลื่น 1500 MHz ที่สหภาพโทรคมนาคม (ITU) เพิ่งกำหนดให้เป็นคลื่นโทรคมนาคมก็อยู่กับทีโอทีจึงต้องมีการประกาศแผนแม่บทการใช้คลื่นใหม่ก่อนจึงจะดึงกลับมาจัดสรรได้ขณะที่คลื่น700 MHz ต้องรอให้มีการรีฟาร์มการใช้คลื่นสำหรับทีวีดิจิทัลใหม่ หลังสัมปทานทีวีแอนะล็อกสิ้นสุด เร็วสุดน่าจะในปี 2566
"2 ปีข้างหน้าแทบไม่มีโอกาสจะประมูลคลื่นใหม่ แต่การใช้โมบายดาต้าของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนคลื่นในมือโอเปอเรเตอร์ไม่น่าเพียงพอ แม้จะขยายจุดให้บริการ WiFi เพิ่มเพื่อให้ลูกค้าสวิตช์มาใช้ได้เป็นจุด ๆ ลดความหนาแน่นของทราฟฟิกบนโครงข่าย แต่คลื่นสำหรับ WiFi ก็มีจำกัด ทุกโอเปอเรเตอร์แย่งกันใช้อยู่"
ข้อดีคลื่น 900 MHz
จุดเด่นของคลื่น 900 MHz คือรัศมีครอบคลุมไกล จึงประหยัดเงินลงทุนสร้างสถานีฐาน และขยายโครงข่าย ทั้งรองรับการใช้งานบนเทคโนโลยี 4G/LTE ได้ แต่เนื่องจากแต่ละใบอนุญาตมีแถบคลื่นกว้างเพียง 10 MHz จึงอาจด้อยกว่าเรื่องศักยภาพในการให้บริการลูกค้า ทั้งในแง่จำนวนและความเร็วในการใช้โมบายดาต้า
ปัจจุบันมีโทรศัพท์ที่รองรับการใช้งาน 4G/LTE บนคลื่น 900 MHz มี 811 รุ่น ขณะที่เครื่อง 1800 MHz มีมากถึง 1,930 รุ่นอ้างอิงจากข้อมูลของสมาคม GSA (the Global mobile Suppliers Association) เมื่อ พ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกที่ให้บริการ 4G/LTE มี 442 ราย จากทั้งหมด 558 ราย ขณะที่ผู้ใช้บริการ 3G มีจำนวน 2,000 ล้านเลขหมาย และเป็น 4G/LTE จำนวน 755 ล้านเลขหมาย แต่มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3,500 ล้านราย
"แจส" เดิมพันอนาคต
"ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร" รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ถ้าค่ายมือถือไม่มีคลื่นเท่ากับไม่มีลูกค้าจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ประกอบการจะ "ฮั้ว" กัน โดยการประมูลในครั้งนี้เป็นการชี้ชะตาธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายของบริษัทแจส โมบาย บรอดแบนด์ด้วย หากไม่ได้คลื่นนี้ก็ต้องรอถึงปี 2561 ซึ่ง ณ ตอนนั้นตลาดคงไปไกลแล้ว
"แจสน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ แต่กับเจ้าอื่นแม้ชนะประมูล 1800 MHz ไปแล้วก็คงไม่ยอมให้การประมูลจบลงง่าย ๆ น่าจะมีการปั่นราคาขึ้นไปก่อนไม่อย่างนั้นผู้ชนะก็จะได้ไลเซนส์ในราคาที่ถูกกว่าที่ตนเองจ่ายไปครั้งที่แล้ว"
ขณะที่การออกแบบซอฟต์แวร์การประมูลผู้เข้าประมูลคาดเดาไม่ได้ว่าใครเสนอราคาเท่าใด แต่ละรอบการประมูลจะมีใครใช้สิทธิ์ไม่เสนอราคา (Waiver) หรือไม่ จะรู้แค่การเคาะราคาของตนเอง
จากเหตุผลทั้งหมด เชื่อว่า การแย่งชิงคลื่น 900 MHz คงร้อนแรงไม่แพ้1800 MHz และที่เหมือนกันอีกอย่างคือ "AWN" ในเครือเอไอเอส พร้อมสู้เพื่อให้ได้แน่ ๆ อีก 1 ใบอนุญาต ส่วนอีกหนึ่งใครจะคว้าไประหว่างเจ้าเดิมหรือมีหน้าใหม่...โปรดติดตาม
Credited by ประชาชาติธุรกิจออนไลน์